คนซอยร่วมฤดี ลุ้นคำสั่งศาลปค. หลังรื้อรร.ดังล่าช้า เกือบ 2 ปีไม่คืบ
คณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ ระบุเหตุรื้ออาคารผิดกฎหมายซอยร่วมฤดีล่าช้า เพราะคำสั่งขัดกัน ด้านศาลปกครอง เตรียมเรียกทั้งสองฝ่ายมารับฟัง
วันที่ 25 ตุลาคม 2559 ศาลปกครองนัดไต่สวนปัญหาความล่าช้าของการบังคับคดี ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2557 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.310/2555 คดีหมายเลขแดงที่ อ.588/2557 ระหว่าง นายแพทย์สงคราม ทรัพย์เจริญ ที่ 1 กับพวกรวม 24 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติหรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร (คดีอาคารโรงแรมดิเอทัสในซอยร่วมฤดี)
ภายหลังให้ถ้อยคำไต่สวน นายเฉลิมพงษ์ กลับดี ทนายความผู้รับมอบคดี กล่าวถึงการพิจารณาคดีวันนี้ฟังข้อเท้จจริงจากฝ่ายต่างๆ ทั้งผู้ฟ้องคดี ฝ่ายเจ้าพนักงานบังคับคดีของสำนักบังคับคดี ศาลปกครอง ฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดี ทั้งสองโดยส่งผู้รับมอบอำนาจมา ทั้งนี้ได้มีการเชิญคณะกรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ของกรุงเทพมหานครมาด้วย
"เดิมทางผู้ถูกฟ้องได้มีคำสั่งตามมาตรา 40 พ.ร.บ.ควบคุมอาคารไปแล้ว แต่ต่อมาบริษัทดังกล่าวยื่นอุทธรณ์ไปยังคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ของกรุงเทพมหานคร และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฯ ยังพิจารณาไม่เสร็จ รอฟังคำสั่งว่าเป็นอย่างไร"
นายเฉลิมพงษ์ กล่าวอีกว่า ระหว่างไต่สวนหลังฝ่ายผู้ถูกฟ้องชี้แจงเรื่องของการยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการฯ ศาลก็ระบุว่า กระบวนการที่ทางเขตดำเนินการเป็นการใช้อำนาจบริหารปกติที่จะใช้ในกรณีมีการร้องเรียน แต่เรื่องนี้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ทางสำนักงานเขตจึงต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา โดยจะมีการนัดมารับฟังคำสั่งต่อไป ทั้งนี้ ศาลได้ตั้งประเด็นในการพิจารณาด้วยว่า ผู้ถูกฟ้องทั้งสองบังคับคดีล่าช้าเกินสมควรหรือไม่ หากท้ายที่สุดมีคำสั่งว่า ผู้ถูกฟ้องปฏิบัติล่าช้า นอกจากทางสำนักงานเขตจะต้องเร่งไปดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดแล้ว ตามกฎหมายศาลสามารถสั่งปรับเงินส่วนตัวครั้ง 5 หมื่นบาท รวมถึงอาจให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยกับผู้ถูกฟ้องได้ และหากผู้ถูกฟ้องยังประวิงเวลาช่วยเหลือบริษัทเจ้าของอาคารทางผู้ฟ้องคดีก็อาจจะมีการฟ้องฐานะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
อ่านประกอบ