ใบโอนเงิน 12 ล. แบงก์กรุงไทย-กสิกรไทย คดีสินบน รพช.

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 26 ธันวาคม 2559 เวลา 20:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

เปิดหลักฐานในสำนวนอีกชิ้น คดีสินบน รพช. ซี 9 เขียนเช็คมอบลูกน้อง โอนเงินแบงก์กรุงไทย-กสิกรไทย 2 ครั้ง 12 ล. เข้าบัญชีนักธุรกิจ ไม่มีพยานรู้เห็น ก่อน ป.ป.ช.ยกคำร้อง

261259 chonbot

กรณีอื้อฉาวการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท (รพช.) ก่อนที่คดีจะขึ้นสู่ศาลอาญาและศาลสั่งจำคุกผู้ถูกกล่าวหาเป็นเวลา 6 ปี นั้น ในชั้นสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดผู้กระทำความผิดคือ นายทวี ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ (ระดับ 9) เพียงรายเดียว และในกรณีเดียวคือ เรียกรับเงินสดจำนวน 3 ล้านบาทจาก นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ รพช.ขอนแก่น เบิกด้วยเช็คจากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาวิสุทธิกษัตริย์ นำใส่กล่องกระดาษไปมอบให้ในห้องทำงานของนายทวี ณ สำนักงาน รพช. เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2540 (ครั้งที่ 7) โดยมีพยานรู้เห็นคือ นายไพฑูรย์ ศรีอรรคจันทร์ ,นายไพรินทร์ ปิตะโพธิ์ ,นายสมควร ธรรมอนันต์ และ นายจั่ว หาญห้าว

ขณะที่ กรณีข้อกล่าวหา เรียกรับเงินจากนายประสิทธิ์อีก 6 ครั้ง และข้อกล่าวหาเรียกรับเงินจากข้าราชการ รพช.คนอื่นที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของ นายประวิทย์ อริยกานนท์ เจ้าของร้านขายเครื่องจักรกลอีกกว่า 10 คน รวม 30- 40 ล้านบาท คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติยกคำร้อง เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานแน่ชัด

ทั้งนี้ ในจำนวน 6 ครั้งดังกล่าว นายประสิทธิ์อ้างว่า มอบให้ นายไพรินทร์ ปิตะโพธิ์ ลูกน้องในสำนักงาน รพช.ขอนแก่น ไปโอน 2 ครั้ง คือ ครั้งที่ 4 วันที่ 25 มี.ค. 2539 จำนวน 7,000,000 บาท และ ครั้งที่ 5 วันที่ 7 พ.ค. 2539 จำนวน 5,000,000 บาท (อ่านประกอบ : คำวินิจฉัย ป.ป.ช.กรณีหิ้วเงินสด-เช็ค 6 ครั้ง 20 ล. คดีสินบน รพช.)

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำรายละเอียดการโอนเงินทั้ง 2 ครั้งมาเสนอ

คณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. เรียก นายไพรินทร์ มาให้ถ้อยคำ 2 ครั้ง ครั้งแรกให้ถ้อยคำวันที่ 10 ก.ย. 2545 กรณีนำเช็ค 2 ฉบับไปเข้าบัญชีนายประวิทย์ เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2539 เจ้าตัวยอมรับว่านายประสิทธิ์ใช้ให้โอน แต่ไม่ทราบว่าเป็นค่าอะไร

ครั้งที่สองให้ถ้อยคำ วันที่ 22 พ.ค. 2546

คณะอนุกรรมการไต่สวนให้ตรวจดูสำเนาใบโอนเงินของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนมะลิวัลย์ จ.ขอนแก่น ฉบับลงวันที่ 22 มี.ค. 2539 ซึ่งระบุชื่อ นายไพรินทร์ เป็นผู้โอนเงินจำนวน 7,000,000 บาท ให้ธนาคารกรุงไทย สาขาเยาวราช กรุงเทพฯ เพื่อจ่ายเงินให้แก่ นายประวิทย์ อริยกานนท์ ที่ธนาคารกสิกรไทย สาขานถนนมหาไชย บัญชีเลขที่ 037-2-0488xxx

นายไพรินทร์ให้การว่า

“ข้าฯขอยืนยันว่า ข้าฯ ได้เป็นผู้นำเช็คแต่จำไม่ได้ว่าเป็นเช็คธนาคารอะไร ซึ่งนายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ ผู้อำนวยการศูนย์ รพช.ขอนแก่น ในขณะนั้น ได้สั่งการให้ข้าฯ นำเช็คดังกล่าวจำนวนเงิน 7,000,000 บาทไปเบิกเงินที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนมะลิวัลย์ พร้อมกับโอนเงินเพื่อซื้อแคชเชียร์เช็คของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาเยาวราช สั่งจ่าย นายประวิทย์ อริยกานน์ ที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนมหาไชย เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2539 ส่วนเงินค่าธรรมเนียมการโอนเงินจำนวน 1,050 บาท ข้าฯ จำไม่ได้ว่า นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ ได้มอบให้แก่ข้าฯ ไปหรือไม่ สำหรับชื่อ นายประวิทย์ อริยกานนท์ พร้อมเลขที่บัญชีของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนมหาไชย นั้น นายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ เป็นผู้แจ้งให้ข้าฯ ทราบ ส่วนการโอนเงินจำนวน 7,000,000 บาทดังกล่าว ข้าฯ ไม่ทราบว่าเป็นค่าอะไร และข้าฯ ก็ไม่ได้ถามนายประสิทธิ์ วิไลลักษณ์ แต่อย่างใด”

นายไพรินทร์ให้การว่า สำหรับ นายประวิทย์ อริยกานนท์ นั้น นายไพรินทร์ไม่เคยรู้จัก และไม่เคยติดต่อธุรกิจด้วย

การโอนเงินทั้งสองครั้ง นายประวิทย์ เจ้าของบัญชีผู้รับโอนยอมรับว่า ได้รับโอนเงินจริง แต่เมื่อโอนแล้ว นายประสิทธิ์ได้มารับเป็นเงินสดจากนายประวิทย์ไปทั้งหมด

ขณะที่ นายทวีผู้ถูกกล่าวหา ได้ให้การปฏิเสธว่าไม่เคยรับเงินจากนายประสิทธิ์ และนายประวิทย์

คณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช. ให้เหตุผลว่า จากการไต่สวนไม่มีพยานยืนยันว่า นายประวิทย์ นำเงินไปส่งมอบให้ นายทวี เพื่อซื้อขายตำแหน่งข้าราชการ จึงยกคำร้อง

อย่างไรก็ตาม แม้ ป.ป.ช.วินิจฉัยได้ไปแล้ว ทว่าล่าสุด นายประสิทธิ์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่นอีกคดี กรณีโอนเงิน 3 ล้านเมื่อ 1 ต.ค.2539 (กรณีการโอนเงินครั้งที่ 6) ต้องสู้ข้อเท็จจริงกันต่อไป

261259 chonbot1