ทหารตามเงินได้แล้ว แต่ไม่มีใครเอาคืน! โรงหล่อแจงยิบปมจ่ายเงิน 'เซียนพระ'

เขียนวันที่

วันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2558 เวลา 18:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าว | จัดซื้อจัดจ้าง | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

นายเอนก หงษ์มณี เจ้าของโรงหล่อประติมา ไฟน์ อาร์ท | คดีอุทยานราชภักดิ์

ฟังชัดๆ จากปาก 'เอนก หงษ์มณี' เจ้าของโรงหล่อประติมา ไฟน์ อาร์ท แจงยิบปมจ่ายเงินให้เซียนพระอุ๊ หลังรับงานสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 44 ล้าน ยันแค่ค่าช่วยงานไม่ใช่หัวคิว เผยทหารตามเงินคืนครบแล้ว แต่ไม่มีใครเอาคืน

piiuueddd28 11 15

นายเอนก หงษ์มณี เจ้าของโรงหล่อประติมา ไฟน์ อาร์ท ซึ่งเข้ามารับงานจัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ของอุทยานราชภักดิ์ วงเงินจำนวน 44 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และถูกระบุว่าจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ หรือ อุ๊ กรุงสยาม เซียนพระที่คอยทำหน้าที่ประสานงานหาเจ้าของโรงหล่อมารับจ้างงานให้กับกองทัพบก เป็นค่าตอบแทนจำนวนเงิน 10% ของราคาค่าจ้าง เปิดใจให้สัมภาษณ์ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก

โดยยอมรับว่ามีการจ่ายเงินให้กับ เซียนพระอุ๊ จริง แต่วัตถุประสงค์การจ่ายเงินไม่ใช่การจ่ายค่าหัวคิว แต่เป็นการจ่ายเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย จากกรณีที่เซียนพระอุ๊ เข้ามาช่วยงานให้คำปรึกษา หรือหาคนมาช่วยงานก่อสร้างเท่านั้น

(อ่านประกอบ : แกะรอย 'อุ๊ กรุงสยาม' เซียนพระคดีอุทยานราชภักดิ์ ถูกทหารเชิญตัวให้ปากคำจริงหรือ?)

เมื่อวันที่ 28 พ.ย.2558 นายเอนก หงษ์มณี ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ได้จ่ายเงินให้กับเซียนพระ อุ๊ จริง หลังจากได้รับงานสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจริง แต่เงินที่จ่ายให้ไม่ใช่ค่าหัวคิว แต่เป็นเงินที่จ่ายให้เพื่อตอบแทนการเข้ามาช่วยเหลือและให้คำแนะนำในการทำงานนี้

"เซียนอุ๊ เขามีผลงานในการหล่อพระหลายชิ้นเหมือนกัน ลองไปค้นดูได้เลย เมื่อเขาเข้ามาช่วยงานผม ให้คำปรึกษาการทำงาน รวมถึงการหาช่างมาช่วย เช่น เรื่องงานสถาปนิกภายในที่ผมไม่ถนัด การที่ผมจะจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทนให้เขามันก็เป็นเรื่องปกติ แต่มันไม่ใช่เงินค่าหัวคิวอะไรนะ ซึ่งบางโรงหล่อเขาก็จ่ายให้ บางโรงหล่อก็ไม่จ่าย"

เมื่อถามว่า สรุปแล้วจ่ายเงินให้กับเซียนพระอุ๊ไปจำนวนเท่าไร นายเอนก กล่าวว่า จ่ายไปประมาณ10 % ของราคาการจ้างงานสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จำนวน 44 ล้าน คิดเป็นจำนวนเงินก็ประมาณล้านกว่าบาท

นายเอนก ยังยืนยันว่า เกี่ยวกับเงินที่จ่ายให้กับเซียนอุ๊ไป ทราบว่าทางทหารไปติดตามเอาเงินคืนมาได้แล้ว และเคยมาสอบถามตนและโรงหล่อแห่งอื่นว่า ต้องการเงินคืนหรือไม่ ซึ่งพวกตนก็ยืนยันไปว่า ไม่ต้องการเอาคืน และขอบริจาคเงินจำนวนนี้ให้ทหาร เพื่อสมทบงานสร้างอุทยานราชภักดิ์ส่วนอื่นที่ยังค้างอยู่ เพราะทราบว่ามีงานหลายส่วนที่ยังขาดเงินสนับสนุนอยู่

"การบริจาคเงินดังกล่าว ทางกองทัพบก มีการออกใบเสร็จให้ด้วย ซึ่งผมยังเก็บไว้อยู่ แต่คงให้ดูไม่ได้"

เมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าปัจจุบันเซียนอุ๊ไปอยู่ที่ไหน นายเอนก ตอบว่า "ก็ทราบตามที่เป็นข่าว ว่าเขาไปอยู่ต่างประเทศแล้ว แต่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน"

นายเอนกยังระบุด้วยว่า ส่วนที่ตนและโรงหล่อหลายแห่งไม่ออกมาให้สัมภาษณ์ข้อมูลก่อนหน้านี้ เป็นเพราะว่า ไม่ต้องการให้เรื่องนี้ถูกนำไปขยายความแบบไม่ถูกต้อง เราไม่ได้หนีไปไหน ก็ยังทำงานตามปกติอยู่ทุกวัน

ส่วนการเข้ามารับงานสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นั้น นายเอนก ชี้แจงว่า ได้รับติดต่อจากฝ่ายทหารว่ามีงานนี้มา แต่มีเงื่อนไขว่ามีเวลาทำค่อนข้างจำกัด ประมาณ 6 เดือน และงานต้องออกมาดี

"หลังได้รับการติดต่อจากฝ่ายทหาร พวกโรงหล่อก็ไปประชุมร่วมกับทหารที่กองทัพบก เพื่อรับฟังข้อมูลและเงื่อนไขต่างๆ ผมก็ดูศักยภาพของโรงหล่อผม และคิดว่าเราน่าจะทำได้ ก็ไปติดต่อยื่นใบเสนอราคา และต่อรองราคางาน หักค่าประกันงานประมาณ 2 % แต่ไม่มีค่าภาษี งานจ้างทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนราชการ พวกเราก็ทำตามขึ้นตอน ตอนนี้เหลือแค่รอรับเงินงวดสุดท้ายเท่านั้น"

นายเอนก ยังกล่าวต่อไปว่า ส่วนกรณีที่ปรากฎเป็นข่าวตามสื่อมวลชนว่า ผมให้สัมภาษณ์ว่ากลุ่มโรงหล่อจะออกมาแถลงข่าวโต้ตอบทหารนั้น ขอชี้แจงว่า มีสื่อมวลชนมาสอบถามข่าวผมจริง ผมก็บอกไปว่าเร็วๆ นี้ จะมีการออกมาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ บอกไปแค่นั้นเอง

"ผมเป็นโรงหล่อเล็กๆ จะตอบโต้อะไรทหารได้ เราแค่อยากจะบอกว่าความจริงมันเป็นอย่างไร ใเรื่องราวมันเป็นอย่างไร สิ่งที่จะชี้แจง ก็คือ สิ่งที่บอกกับคุณไปเนี่ยแหละ ไม่ได้จะไปตอบโต้อะไรทหารเลย"

นายเอนก ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า หลังจากที่มีข่าวออกไปทำนองว่า กลุ่มโรงหล่อจะออกมาตอบโต้ทหาร โรงหล่อหลายแห่งเกิดความไม่สบายใจ เพราะไม่อยากมีปัญหา โทรศัพท์เข้ามาต่อว่าผม ผมก็บอกไปว่า ไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรแบบนั้น เขาไปพาดหัวข่าวกันเอง ส่วนกลุ่มโรงหล่อจะมีการเปิดแถลงข่าวกันอีกหรือไม่นั้น ยังบอกอะไรไม่ได้ ขอปรึกษาหารือกันอีกครั้งก่อน

ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า โรงหล่อประติมา ไฟน์ อาร์ท จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) ประติมา ไฟน์ อาร์ท เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2536 ทุนปัจจุบัน 4 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 89 หมู่ที่ 12 กม.58 ถนนกาญจนาภิเษก ทางหลวงหมายเลข 9 (วงแหวนตะวันตก) ตำบลคูบางหลวง อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี

แจ้งประกอบธุรกิจรับจ้างหล่อพระพุทธรูปและงานโลหะอื่นๆ

ปรากฎชื่อ นาย เอนก หงษ์มณี และนางสุมน หงษ์มณี (ภรรยานายเอนก) เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ

ทั้งนี้ ในช่วงเริ่มก่อตั้ง หจก.แห่งนี้ ใช้ชื่อว่า เมธาบรอนซ์ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น พุทธรังษีปฏิมา เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2538 และเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น ประติมาไฟน์อาร์ท เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2558 นำส่งงบการเงินแสดงผลประกอบการธุรกิจ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ระบุว่ามีรายได้จากการขาย 16,533,750.62 บาท รวมรายได้อื่นๆ จะอยู่ที่ 16,708,456.87 บาท มีรายจ่ายรวม 14,894,063.75 บาท กำไรสุทธิ 1,239,793.02 บาท

จากการตรวจสอบพบว่า นายเอนก หงษ์มณี และคนในครอบครัวยังปรากฎชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นบริษัท ปฏิมา บรอนซ์ ฟาวน์ดรี จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 29 พ.ย.2542 ทุน 1 ล้านบาท ตั้งอยู่เลขที่ 120/8 ซอยวัดลครทำ ถนนอิสรภาพ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

ประกอบธุรกิจรับจ้างทำ ส่งออก นำเข้า ประกอบการค้าทำรูปปั้นโลหะ งานหล่อพระพุทธรูป

นาย เอนก หงษ์มณี ปรากฎชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่

นำส่งงบการเงินล่าสุดปี 2557 แจ้งว่า มีแต่รายจ่าย 8,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 8,000 บาท

(อ่านประกอบ : เปิดตัว'โรงหล่อประติมาไฟน์' ถูกชักหัวคิว 10 % พันคดีอุทยานราชภักดิ์ )

อ่านประกอบ :