- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ตามไปดู! 'อุทยานราชภักดิ์' ในวันที่ 'คนบางกลุ่ม' ทำเรื่องมิบังควร!
ตามไปดู! 'อุทยานราชภักดิ์' ในวันที่ 'คนบางกลุ่ม' ทำเรื่องมิบังควร!
"..ผมไม่รู้หรอกที่นี่เขามีเรื่องอะไรกันอยู่ เพราะข่าวที่ออกมายังไม่ชัดเจนนัก แต่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมชื่นชมและภาคภูมิใจมากกับ อุทยานราชภักดิ์ เพราะมันเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากสำหรับประเทศไทย ไม่ควรที่จะมีอะไรมาทำให้แปดเปื้อนแม้แต่นิดเดียว ถ้าใครที่อะไรไม่ดี ก็สมควรที่จะได้รับกรรมที่ทำไว้.."
อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีและเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ กำลังได้รับความสนใจของสาธารณชน เมื่อถูกระบุว่ามีความผิดปกติในโครงการก่อสร้าง เนื่องจากมี 'คนบางกลุ่ม' เข้าไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบในการดำเนินงานหลายส่วน
ขณะที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ออกมายืนยันชัดเจนว่า การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์จริงๆ เจตนาในการดำเนินการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ตั้งแต่ต้นเป็นเจตนาบริสุทธิ์ มีความตั้งใจดี เพื่อจะให้เป็นประโยชน์ของประเทศชาติต่อไป
ส่วนคำถามเกี่ยวกับความผิกปกติที่เกิดขึ้น พล.อ.อุดมเดช ตอบยืนยันกับสื่อมวลชนชัดเจนดังนี้
ประเด็นเรื่องเงินบริจาคกับพ.อ.คชาชาต บุญดี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันที่ถูกพาดพิง
พล.อ.อุดมเดช ตอบว่า ไม่ขอลงรายละเอียดมากนัก แต่เรื่องเงินบริจาคทั้งหมดเรามีเจ้ากรมการเงินทหารบกเป็นผู้รับผิดชอบในการทำหลักฐานและรายละเอียดต่างๆ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ว่าเงินเข้า-ออกจำนวนเท่าไร และใครเป็นคนบริจาค เรื่องนี้คณะกรรมการสามารถตรวจสอบและชี้แจงได้ทั้งหมด
ประเด็นมีเซียนพระคนหนึ่งไปไล่เก็บหัวคิวจากโรงหล่อ ตรงนี้ได้มีการแก้ไขปัญหาอย่างไร
พล.อ.อุดมเดช ตอบว่า เรื่องนี้มีส่วนความจริงอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเพราะตนคิดว่าทุกวงการก็มีสิ่งเหล่านี้ แต่พอเราทราบว่าน่าจะมีเราก็เข้าไปดำเนินการ โรงหล่อต่างๆ ก็มีความเข้าใจ คนที่สอดแทรกมาก็เป็นการแอบอ้าง แต่ทุกอย่างยุติลงด้วยดี สิ่งที่โรงหล่อต่างๆ อาจจะถูกหลอก โรงหล่อต่างๆ เองก็ไม่อยากให้เกิดอะไรเสียหาย เขาจึงมีการบริจาคโดยสมัครใจส่วนหนึ่ง อีกบางส่วนโรงหล่อก็นำไปใช้ในการทำองค์พระให้สมบูรณ์ ทุกอย่างจบเสร็จด้วยความเรียบร้อย สะอาด บริสุทธิ์ทุกขั้นตอน
“เรื่องนี้ไม่หนักใจ เพราะมันชี้แจงได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ก็แปลกดีตั้งแต่ช่วงหนึ่งแล้วมีอะไรออกมา แต่พอมีอีกเหตุการณ์ออกมาเป็นสถานการณ์หลัก ณ ช่วงเวลานี้เรื่องนี้ก็ถูกหยิบกลับมาโยงเข้าไปอีก ยืนยันเรื่องนี้ตรวจสอบได้ ไม่หนักใจใดๆ เพราะทุกอย่างเป็นเรื่องของความบริสุทธิ์”พล.อ.อุดมเดช ระบุ (อ้างอิงข้อมูลข่าวส่วนนี้จาก http://www.komchadluek.net/detail/20151110/216641.html)
คำถามที่น่าสนใจ อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันนี้ เป็นอย่างไรบ้าง?
ล่าสุดในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้เดินทางไปลงพื้นที่ อุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
พบว่า ยังมีประชาชนเดินทางเข้าไปเยี่ยมชมพร้อมถ่ายภาพที่ระลึกพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม 7 พระองค์ เป็นจำนวนมาก
นายสมบัติ (ขอสงวนนามสกุล) นักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ กล่าวว่า พาครอบครัวมาเที่ยว มาเที่ยวที่ อุทยานราชภักดิ์ เพื่อชื่นชมพระบารมีของสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม ทั้ง 7 พระองค์ และรู้สึกภาคภูมิใจมากที่ได้เกิดเป็นคนไทย
"ผมไม่รู้หรอกที่นี่เขามีเรื่องอะไรกันอยู่ เพราะข่าวที่ออกมายังไม่ชัดเจนนัก แต่ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ผมชื่นชมและภาคภูมิใจมากกับ อุทยานราชภักดิ์ เพราะมันเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากสำหรับประเทศไทย ไม่ควรที่จะมีอะไรมาทำให้แปดเปื้อนแม้แต่นิดเดียว ถ้าใครที่อะไรไม่ดี ก็สมควรที่จะได้รับกรรมที่ทำไว้"
ขณะที่นักท่องเที่ยวอีก 2-3 ราย ก็ตอบคำถามไปในทิศทางเดียวกัน ว่าภาคภูมิใจกับ พระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม ที่จัดสร้างไว้เป็นอย่างมาก (ดูรูปประกอบ)
จากการสำรวจภายในบริเวณอุทยานราชภักดิ์ พบว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารหลายนาย มาคอยอำนวยความสะดวก ประจำตามจุดต่างๆ ทั้งในส่วนทางเข้าบริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม
ขณะที่บริเวณด้านซ้ายมือ (ถ้าหันหน้าเข้าพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ) มีการกางเต้นท์ลายพรางทหารขนาดใหญ่ไว้
แบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนแรกในส่วนการจัดแสดงนิทรรศกาล จุดเริ่มต้นการก่อสร้างอุทยานฯ และพระราชประวัติสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ รวมถึงตู้เงินบริจาคเงิน
ส่วนจุดตั้งโต๊ะบริการให้ข้อมูล มีเจ้าหน้าที่ทหารบางราย นำเหรียญรัชกาลที่ 9 มาจำหน่ายในราคาเหรียญละ 300 บาท ด้วย
ส่วนโซนที่ 2 เป็นจุดจำหน่ายน้ำดื่ม ให้บริการโดยเจ้าหน้าที่ทหารเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามสอบถามข้อมูลการบริหารงานภายใน อุทยานราชภักดิ์ จากทหารหลายราย
แต่ทุกคนปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล ระบุว่าไม่ทราบรายละเอียด ขอให้สอบถามจากส่วนกลางจะดีกว่า
อนึ่ง เกี่ยวกับเรื่องเงินบริจาคนั้น ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค.2558 ที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด เรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้รับทราบข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เรื่องการบริหารจัดการอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
หนังสือระบุว่า คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ต.ค.2558 รับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อสั่งการเพิ่มเติมของนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 ก.ย.2558 ว่า ให้กองทัพบกเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการจัดให้มีคณะทำงานดูแลการบริหารจัดการอุทยานราชภักดิ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้มีความชัดเจน เนื่องจากมีงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งได้รับจากเงินบริจาคของภาคเอกชนและประชาชนผู้มีจิตศรัทธา ส่วนวิธีดำเนินการให้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยไม่จำกัดว่าจะเป็นมูลนิธิหรือกลไกในรูปแบบใด
ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงประสิทธิภาพ และให้เกิดความต่อเนื่อง โดยอาจแบ่งกรอบเวลาการดำเนินการเป็นระยะๆ เพื่อให้มีความชัดเจนได้
(อ่านประกอบ :ล้อมคอกเงินบริจาคอุทยานราชภักดิ์! 'บิ๊กตู่' สั่งตั้งคณะทำงานดูแลให้ชัดเจน)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้พยายามตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดโครงสร้างการบริหารจัดการอุทยานราชภักดิ์ จากเว็บไซต์ของกองทัพบก ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลการก่อสร้างอุทยานฯ เป็นทางการ (http://www.rta.mi.th/RTAweb/pageinfor/weppage.html) พบว่ายังไม่มีการนำข้อมูลโครงสร้างการบริหารจัดการอุทยานราชภักดิ์ มาเผยแพร่ไว้ด้วยแต่อย่างใด รวมถึงในราชกิจจานุเบกษาด้วย
ขณะที่ ในการชี้แจงข้อมูลต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2558 ที่ผ่านมา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และประธานมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่า การดำเนินการเป็นไปในรูปแบบของคณะกรรมการเพราะเป็นโครงการใหญ่ มีคณะกรรมการ มีคณะอำนวยการที่มีพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ เป็นประธาน
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคณะอนุกรรมการซึ่งทำงานแตกต่างกันออกไป ส่วนงานที่เหลือตั้งใจว่าจะให้คณะกรรมการที่มีการจัดตั้งเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเป็นคนดำเนินการ แต่เท่าที่ดูงานที่เหลือก็ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการหรือการควบคุมงานต่างๆ ต้องมีหน่วยใหญ่ที่มีศักยภาพเข้ามาดำเนินการ จึงอยากให้คณะกรรมการชุดปัจจุบันที่มีกองทัพบกดูแลเป็นคนเข้ามาดูแลเรื่องนี้
"ได้มีการพูดคุยกันแล้วระดับหนึ่งว่าจะให้ผบ.ทบ.ไปแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เข้ามา บริหารงานต่อไป โดยงานที่เหลือยังมีห้องประวัติศาสตร์หัวใจสำคัญที่จะให้ประชาชนและต่างชาติได้เข้ามาศึกษา เรื่องของห้องน้ำ ห้องสุขาขนาดใหญ่ เพื่อรองรับคนจำนวนมาก 160 – 200 ห้อง อาคารมูลนิธิฯซึ่งยังไม่มี เหล่านี้เป็นต้น ดูแล้วศักยภาพต้องเป็นกองทัพบกเท่านั้น จึงขอเรียนว่า สิ่งต่างๆ ได้เกิดจากความตั้งใจดี สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสมบัติของชาติ ถาวรวัตถุต่างๆ นั้นยังตั้งอยู่ในพื้นที่ของกองทัพบก ตามนิตินัยกองทัพบกยังเป็นเจ้าของ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมาเป็นการช่วยเหลือและสมัครใจบริจาคของประชาชน เพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นสมบัติของชาติด้วย ก็ขอให้สบายใจ"
ทั้งหมดนี้ คือ ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับอุทยานราชภักดิ์ ที่ถูกระบุว่า มี 'คนบางกลุ่ม' เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ และกำลังถูกตรวจสอบจากหลายฝ่ายอยู่ในขณะนี้