- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- เสียงสะท้อน...หลังคสช.ใช้ม.44 ปลดล็อคปัญหาระเบียบการเงิน สปสช.
เสียงสะท้อน...หลังคสช.ใช้ม.44 ปลดล็อคปัญหาระเบียบการเงิน สปสช.
การออกคำสั่งดังกล่าว ส่งผลปลดล๊อกการจ่ายงบ เพื่อประชาชนที่มีปัญหาให้ถูกระเบียบ ทั้งจ่าย NGO ได้ ค่าส่งเสริมป้องกันโรค ค่าล้างไต ค่าเสื่อม และจ่ายช่วยเหลือ หมอ พยาบาล ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายได้ หลังจากกฤษฎีกาตีความก่อนหน้าว่า ทำไมได้จนเกิดปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขมาก ทั้งนี้ให้มีผลย้อนหลัง
หลังจากวันที่ 5 กรกฎาคม พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 37/2559 เรื่อง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจําเป็นต่อการสนับสนุนและส่งเสริม การจัดบริการสาธารณสุขและค่าใช้จ่ายอื่นตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
นายแพทย์อิทธพร คณะเจริญ รองเลขาธิการแพทยสภา โพสเฟชบุค ระบุถึงการออกคำสั่งดังกล่าว ส่งผลปลดล๊อกการจ่ายงบ เพื่อประชาชนที่มีปัญหาให้ถูกระเบียบ ทั้งจ่าย NGO ได้ ค่าส่งเสริมป้องกันโรค ค่าล้างไต ค่าเสื่อม และจ่ายช่วยเหลือ หมอ พยาบาล ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายได้ หลังจากกฤษฎีกาตีความก่อนหน้าว่า ทำไมได้จนเกิดปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขมาก ทั้งนี้ให้มีผลย้อนหลังด้วย
ขณะที่ ชมรมแพทย์ชนบท ระบุถึงคำสั่งกล่าว ในที่สุดความจริงก็ปรากฏข้อกล่าวหาว่า สปสช.ไม่สุจริตใช้งบผิดวัตถุประสงค์ เพราะตีความต่างกัน คนตีความหากเชื่อตามคนที่จ้องทำลายโครงการนี้เพื่อล้มโครงการ แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมรับความจริงว่า ไม่ใช่ การบริหารจัดการของ สปสช.มีประสิทธิภาพอย่างมากผลงานโดดเด่น ประเด็นข้อกล่าวหา คำสั่ง คตร.ก่อนหน้านี้ ทำให้ รพ.ไม่สามารถทำงานต่อไปได้
"นายกตู่มีคำสั่ง ม.44 37/2559 ลว.5 ก.ค.2559 ลบล้างการตรวจสอบเดิมในทุกประเด็นที่เคยถูกกล่าวหา นี่ถือเป็นผลงานสมัยที่ หมอประทีป รักษาการเลขา สปสช."
ด้านนพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ระบุว่า ปี 2560 บัตรทองได้งบเหมาจ่ายรายหัว 3,109.87 บาทต่อคนต่อปี เพิ่มจากปีก่อนร้อยละ 1.7 คิดจากงบฯที่ได้หักเงินเดือนออก) แต่เงินเดือนเพิ่มร้อยละ 5.4 ในบางปีก็ไม่ได้งบเหมาจ่ายรายหัวเพิ่ม เช่นปี 2555 ได้เท่าปี 2556 (2,755.6บาทต่อคนต่อปี) และปี 2557 ได้เท่าปี 2558 (2,895บาทต่อคนต่อปี) ทั้งที่สปสช.ของบฯ เพิ่มทุกปีแต่ไม่เคยได้ตามที่ขอ แต่แม้จะได้งบฯน้อยก็ไม่เป็นปัญหาของสปสช. เพราะสามารถบริหารงบฯที่ขาดแคลนได้ด้วยวิธีการเกลี่ยไปตามรพ.ต่างๆ แต่ผลกระทบจะเกิดขึ้นกับรพ.ที่เป็นคู่สัญญาเหล่านั้น จะต้องประหยัดเพื่อความอยู่รอดโดยเฉพาะรพ.ที่หักเงินเดือนแล้วขาดทุนตั้งแต่แรก ผลลัพธ์จะกระทบต่อคุณภาพบริการในท้ายสุด
"ผมเสนอให้แยกเงินเดือนออกจากค่าเหมาจ่ายรายหัว เพราะเจตนารมณ์เดิมของโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ต้องการเกลี่ยคนออกจากรพ.ที่มีประชากรน้อย การผูกเงินเดือนกับงบเหมาจ่ายรายหัวเพื่อเตรียมไว้สำหรับรพ.ต่างๆที่จะออกไปเป็นองค์กรอิสระหรือองค์การมหาชน แต่ผ่านมา 14 ปีแล้วก็ยังทำไม่ได้ การเกลี่ยคนก็ไม่สำเร็จ จึงเห็นว่าถึงเวลาที่จะทบทวนความคิดเดิมได้แล้วเพื่อให้เหมือนกับกระทรวงและหน่วยงานของรัฐอื่นๆ และเพื่อให้เห็นงบประมาณแท้จริงที่ใช้สำหรับโครงการนี้
แต่สปสช.ยังคงไม่เห็นด้วย ยังต้องการให้งบประมาณผูกกับเงินเดือนเหมือนเดิม อยู่กับระบบเดิมๆ ทั้งที่ไม่มีปัญญาและไม่ต้องการให้เกิดการร่วมจ่ายเพื่อลดการใช้งบประมาณ ไม่สามารถหาเงินเพิ่มเข้ามาในระบบ ปล่อยให้ปัญหาขาดแคลนงบประมาณรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะเป็นปัญหาของสธ.ไม่ใช่ปัญหาของสปสช."
ร่างพ.ร.บ.ที่เสนอ เพื่อให้เกิดความชัดเจนของงบประมาณที่ใช้ ช่วยเหลือรพ.ในพื้นที่ประชากรน้อย และหวังว่าจะได้รับงบประมาณเพิ่มโดยไม่ต้องพะวงกับเงินเดือนเหมือนปัจจุบัน ส่วนการเพิ่มบุคคลากรถูกควบคุมด้วยคกก.กำหนดเป้าหมายและกำลังคนภาครัฐ ในขณะที่การโยกย้ายคนถูกควบคุมด้วยสธ.อยู่แล้ว
ขณะนี้ร่างพ.ร.บ.ถูกส่งให้ปธ.สนช.ตีความว่าเป็นกม.การเงินหรือไม่ ถ้าใช่ อาจต้องส่งให้สธ.เป็นผู้เสนอแทน หมดเวลาที่สปสช.จะรับชอบ แต่ให้สธ.รับผิด ทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมทุกข์ร่วมสุข ผลักดันโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าหรือบัตรทองให้เกิดคุณภาพและเกิดความยั่งยืนในอนาคตต่อไป"
สำหรับคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 37/2559 เรื่อง ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจําเป็นต่อการสนับสนุนและส่งเสริม การจัดบริการสาธารณสุขและค่าใช้จ่ายอื่นตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพ แห่งชาติ
โดยที่ได้ปรากฏว่าการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายของหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีเหตุขัดข้องบางประการ ทําให้เป็นอุปสรรคต่อความคล่องตัว ในการบริหารจัดการและประสิทธิภาพของการให้บริการของหน่วยบริการ ส่งผลกระทบถึงการให้บริการ ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขแก่ประชาชนโดยรวม สมควรแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องในขณะนี้โดยเร็ว เพื่อประโยชน์ต่องานบริการสาธารณสุขของประเทศ และประชาชนผู้รับบริการในระหว่างที่จะได้มีการ ดําเนินการแก้ไขกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติต่อไป
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2559 หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้หน่วยบริการ เครือข่ายหน่วยบริการ หน่วยบริการที่รับการส่งต่อผู้รับบริการ องค์กรชุมชน องค์กรเอกชนและภาคเอกชนที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อดําเนินการแสวงหาผลกําไร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายให้ทํากิจการในอํานาจหน้าที่ของ สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มีสิทธิได้รับ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจําเป็นต่อการสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขและค่าใช้จ่ายอื่น จากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ข้อ 2 ให้ค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจําเป็นต่อการสนับสนุน และส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขตามข้อ 1
(1) ค่าใช้จ่ายเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่ดําเนินการโดยหน่วยงานหรือองค์กร ตามข้อ 1
(2) ค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขสําหรับบริการบําบัดทดแทนไตด้วยการล้างไตผ่านทางช่องท้อง อย่างต่อเนื่อง
ข้อ 3 ให้ค่าใช้จ่ายดังต่อไปนี้ เป็นค่าใช้จ่ายอื่นตามข้อ 1
(1) ค่าใช้จ่ายประจําที่เกิดขึ้นจากการจัดบริการสาธารณสุขในกิจการของหน่วยบริการ ตามกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
(2) ค่าใช้จ่ายเพื่อชดเชยค่าเสื่อมของสิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์ที่ใช้ในการบริการผู้ป่วยนอก บริการผู้ป่วยใน และบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
(3) ค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ผู้ให้บริการที่ได้รับความเสียหายจาก การให้บริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ
ข้อ 4 การรับเงิน การจ่ายเงิน การรักษาเงิน และรายการของค่าใช้จ่ายตามข้อ 2 และข้อ 3 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศกําหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลังการออกประกาศตามวรรคหนึ่งให้ดําเนินการให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คําสั่งนี้ มีผลใช้บังคับ
ข้อ 5 ให้การจ่ายเงินและการรับเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายตามข้อ 2 และข้อ 3 จากกองทุน หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งได้ดําเนินการไปแล้วโดยสุจริตตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 จนถึงวันที่ประกาศตามข้อ 4 มีผลใช้บังคับ เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจําเป็นต่อการสนับสนุน และส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขและค่าใชจ่ายอื่นตามคําสั่งนี้
การจ่ายเงินและการรับเงินซึ่งได้กระทําก่อนวันที่ 1 ตุลาคม 2558หากผลการตรวจสอบ ของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าได้ดําเนินการโดยสุจริตและสอดคล้องกับประกาศตามข้อ 4 ให้ถือว่า เป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องและจําเป็นต่อการสนับสนุนและส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขและค่าใช้จ่ายอื่น ตามคําสั่งนี้ด้วย
ข้อ 6 คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป จนถึงวันที่ พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ตามคําสั่งนี้มีผลใช้บังคับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บอร์ด สปสช.ตั้ง คกก.ศึกษาข้อมูล หลังกฤษฎีกาตีความการบริหารกองทุนบัตรทอง
เปิดความเห็นกฤษฎีกา 5 ข้อหารือบริหารกองทุน "บัตรทอง" กระทบหนัก รพ.ทั่ว ปท.?
'นิมิตร์' โวยผลตีความกฤษฎีกา ล้มหลักการ 30 บ. กระทบ รพ.ใช้งบฯ รายหัวดูแลคนไข้