- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ป.ป.ส. ชี้รัฐ-มูลนิธิข้าวขวัญ ตีความคนละมุม ครอบครอง ‘กัญชา’ ช่วงนิรโทษฯ
ป.ป.ส. ชี้รัฐ-มูลนิธิข้าวขวัญ ตีความคนละมุม ครอบครอง ‘กัญชา’ ช่วงนิรโทษฯ
เลขาธิการ ป.ป.ส. ชี้รัฐ-มูลนิธิฯ ตีความกม.คนละมุม ปมครอบครอง ‘กัญชา’ ช่วงนิรโทษกรรม ยันปล่อยตัว ‘ซ้ง’ พรชัย จนท. ถูกจับไร้เงื่อนไขไม่ได้ ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม ไม่แทรกแซง ด้าน ‘เดชา ศิริภัทร’ ชงถอดพ้นบัญชียาเสพติด -คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ทาบร่วมพัฒนา
กรณีเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิข้าวขวัญ ที่มีนายเดชา ศิริภัทร เป็นประธาน ถูกจับกุมพร้อมของกลางเป็นกัญชาและสารสกัดจากกัญชา ในข้อหาผลิตและครอบครองกัญชาโดยมิได้รับอนุญาต และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในวงเงินประกัน 5 แสนบาท
ล่าสุด วันที่ 11 เม.ย. 2562 นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิฯ พร้อมกับนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผอ.มูลนิธิชีววิถี และทีมทนายความ เข้าพบนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน ป.ป.ส.) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ณ สำนักงาน ป.ป.ส. ดินแดง
นายนิยม เปิดเผยจากการพูดคุยเจรจากันระหว่างสำนักงาน ป.ป.ส. กับนายเดชา และทีมทนายความว่า มีความเข้าใจในการดำเนินงาน และขั้นตอนต่อไป จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ ตามกฎหมายกำหนด ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีร่วมกันในการดำเนินงาน เพื่อให้นายเดชา สามารถใช้ประโยชน์จากกัญชาและกระบวนการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคมต่อไป
ทั้งนี้ นโยบายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ล้วนมีความชัดเจนในการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ดังนั้น ในหลักการจึงเห็นตรงกัน ขณะที่การดำเนินการหลังจากนี้ ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านของกฎหมายนั้น จะเห็นว่า วันนี้ยังตีความทางกฎหมายกันคนละมุม
“สำนักงาน ป.ป.ส.ดำเนินการไปภายใต้กรอบกฎหมาย มีระยะเวลาเป็นเงื่อนไข ด้านนายเดชา ดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมายเช่นเดียวกัน แต่มองว่าน่าจะอยู่ในระยะเวลาดำเนินการได้ภายใน 90 วัน อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ดังนั้น ต้องปล่อยให้การดำเนินงานเป็นไปตามขั้นตอน และยืนยันไม่สามารถชี้ได้ว่าอย่างไรถูกหรือผิด เพราะมองคนละมุม ตีความคนละแบบ แต่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจแล้วว่า กระบวนการนี้ต้องเดินไปตามกระบวนการก่อน”
นั่นหมายความว่าช่วงระยะเวลา 90 วัน ที่มีการนิรโทษกรรม คนอื่นมีสิทธิถูกจับกุมกรณีกับเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุสิ่งดีที่สุดในเวลานี้ ทางปฏิบัติขอความกรุณาประชาชนที่มีความจำเป็นต้องครอบครองเพื่อใช้ประโยชน์ หรือดำเนินการใด ๆ แจ้งไปที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพื่อแสดงเจตนาครอบครอง
ส่วนในกรณีครอบครองอยู่ แล้วไม่ไปแสดงเจตนา ประเด็นอยู่ที่ว่า สมมตินาย ก. ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่นเพื่อความบันเทิงหรือใช้ในทางผิด จะแยกแยะได้ยาก
เมื่อถามย้ำว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ตีความกฎหมายอย่างไร นายนิยม กล่าวว่า เรามองการดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย ควรไปแจ้งเพื่อขอครอบครองและขออนุญาตก่อน ส่วนกรณีของมูลนิธิฯ ในข้อเท็จจริงปรากฎว่า นายเดชา อยู่ในระหว่างดำเนินการจริง คือ เตรียมเอกสารหมดแล้ว ทราบมาว่าไปยื่นครั้งแรก อาจมีเอกสารไม่ครบ โดยในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่สามารถรับเอกสารไว้ก่อนได้ แล้วเรียกเพิ่มเติมเอกสารข้อมูล
“การนำพากัญชา ซึ่งกฎหมายไทยยังเป็นยาเสพติดให้โทษ ผิดกฎหมาย จะเดินทางไปสำนักงาน อย. หรือ สสจ. จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกตรวจค้นหรือจับก่อน นี่คือข้อกังวล ผมจึงบอกให้ประสานไป เพราะสิ่งที่เราสร้างการรับรู้หรือแจ้งไปโดยตลอดกับสาธารณะ ให้แจ้งไปก่อน อย่างเบอร์ 1386 เพื่อจะถามมีเจตนาแจ้งเพื่อขออนุญาตครอบครอง คิดว่าปัจจุบันนี้การติดต่อสื่อสารไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ขอให้เข้าใจว่า ในฐานะกลไกรัฐช่วงเปลี่ยนผ่านจะมีสิ่งทำนองนี้เกิดขึ้น เพื่อแต่จะถอยคนละก้าว เดินกันอย่างไรให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด จะได้ไม่ตีความกฎหมายให้เป็นข้อขัดแย้ง”
เมื่อถามอีกว่ามีโอกาสปล่อยตัวนายพรชัย ชูเลิศ เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ที่เพิ่งได้รับการประกันตัวอย่างไร้เงื่อนไขตามที่นายเดชา ร้องขอหรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุขอให้เข้าใจว่าในสภาพการทำงาน ไม่ใช่ว่าถ้าดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนตามกฎหมายแล้ว วันนี้บอกให้ปล่อยแล้วจะปล่อยได้เลย เราอย่าไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม อีกอย่างหนึ่งการแสดงความคิดเห็นของนายเดชาเมื่อวานนี้เป็นเพียงความห่วงในบุคลากรที่ทำงานอยู่ด้วยว่าควรได้รับอิสรภาพโดยเร็ว
ด้าน นายเดชา กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะการตีความกฎหมายแตกต่างกัน โดยเฉพาะช่วงนิรโทษกรรม ซึ่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามความเข้าใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นต้องได้รับการแก้ไข ทั้งนี้ ปัจจุบันจะเอาอย่างไรกันต่อ ทำอย่างไรจะแก้ไขอดีตดีขึ้นและทำอนาคตให้ดีกว่า
“เห็นด้วยหรือไม่ให้กัญชาควรจะใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้เต็มศักยภาพสำหรับประโยชน์สุขของประชาชน รวมถึงคนป่วย และแต่ละฝ่ายต้องมีบทบาท เช่น บทบาทของพวกเราทำอย่างไรจะทำให้ได้ตามกฎหมายปัจจุบัน ย้ำว่า ต้องทำให้ได้ก่อน มิฉะนั้นรอกฎหมายเปลี่ยนอีกนาน คนป่วยรอไม่ได้ ดังนั้น ต้องใช้กรอบปัจจุบันก่อน เช่น ตนเองจะไปขึ้นทะเบียนหมอพื้นบ้าน และจดแจ้งให้ได้ ส่วนสำนักงาน ป.ป.ส. ต้องทำหน้าที่ในการสนับสนุน หารือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดว่า สำนักงาน ป.ป.ส. ไม่ขัดข้องให้ดำเนินการเช่นนี้”
ประธานมูลนิธิฯ ยังกล่าวว่า หากจะได้ผลจริง ต้องนำกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด มิฉะนั้นปัญหาจะไม่จบ เพราะยาเสพติดเกี่ยวข้องกับกัญชา จึงจะมีปัญหาตามมาอีกมากมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แฟนเพจมูลนิธิชีววิถีได้โพสต์ข้อความว่า ได้รับการติดต่อจาก ผศ.ภญ.ดร.รุ่งเพ็ชร สกุลบำรุงศิลป์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เตรียมเชิญนายเดชา และเครือข่าย เข้าร่วมมือทางวิชาการในการพัฒนายาจากกัญชาสายพันธุ์ไทยด้วย .
อ่านประกอบ:‘เดชา’ ยันแจกน้ำมันกัญชา เป็นสิทธิพื้นฐาน อยู่ช่วงนิรโทษกรรม 90 วัน
คำแถลงทางการ 'เดชา ศิริภัทร' กรณีจับกุมมีกัญชาใช้ทางการเเพทย์
อย. ยืนยัน กรณีกัญชาไม่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุน
ป.ป.ส. ปัดเจาะจงจับมูลนิธิข้าวขวัญ ครอบครอง 'กัญชา' -ยังไม่ดำเนินคดี 'เดชา ศิริภัทร'
หน.พรรคภูมิใจไทย ออกโรงขอเป็นผู้ประกันตัว-สู้คดีให้ อ.เดชา ศิริภัทร ปธ.มูลนิธิข้าวขวัญ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/