- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ป.ป.ส. ปัดเจาะจงจับมูลนิธิข้าวขวัญ ครอบครอง 'กัญชา' -ยังไม่ดำเนินคดี 'เดชา ศิริภัทร'
ป.ป.ส. ปัดเจาะจงจับมูลนิธิข้าวขวัญ ครอบครอง 'กัญชา' -ยังไม่ดำเนินคดี 'เดชา ศิริภัทร'
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยัน 'กัญชา' เป็นยาเสพติด ประเภท 5 ผู้ผลิต นำเข้า ครอบครอง เสพ มีความผิด หากไม่ได้รับอนุญาตใช้เพื่อการเเพทย์ -ปัดเจาะจงจับมูลนิธิข้าวขวัญ เบื้องต้นยังไม่ดำเนินคดี 'เดชา ศิริภัทร' เหตุต้องดูพยานหลักฐานเกี่ยวข้อง ย้ำผลิตต้องขออนุญาตร่วมกับหน่วยงานรัฐ
วันที่ 8 เม.ย. 2562 นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) แถลงข่าวชี้แจงกรณีความเคลื่อนไหวการนิรโทษกรรมกัญชา และเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นที่ทำการมูลนิธิข้าวขวัญยึดของกลางต้นกัญชาที่เพาะปลูกได้ไม่นานกว่า 200 ต้น น้ำมันกัญชา พร้อมอุปกรณ์ในการทำน้ำมันกัญชา โดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ณ โรงแรม บัดดี้ โอเรียนทอล ริเวอร์ไซด์ จ.นนทบุรี
นายนิยม ระบุว่า จากนโยบายรัฐบาลและการดำเนินงานของ ป.ป.ส. และหน่วยงานภาคี มองว่า สามารถนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ โดยที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนจากการยกร่างกฎหมายและมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม กัญชายังเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ผู้ดำเนินการใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย ครอบครอง หรือเสพ ยังถือเป็นความผิด กรณีไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับกรณีข้อกังวลเกี่ยวกับการดำเนินการกับมูลนิธิข้าวขวัญที่มีการวิจัยกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ และแจกจ่ายให้ประชาชน เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า เป็นผลจากการเข้าไปตรวจสอบพบต้นกัญชาประมาณ 200 ต้น พร้อมกับเมล็ดพันธุ์กัญชา สารสกัดกัญชา และกัญชาผง เนื่องจากเมื่อวันที่ 1 และ 2 เม.ย. 2562 มีการเผยแพร่ข้อความในสื่อออนไลน์ว่าจะมีการแจกสารสกัดจากกัญชาให้แก่ประชาชนจ.พิจิตรและลพบุรี ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานภาคี เข้าไปตรวจสอบพบว่า ข้อเท็จจริงตามที่มีการเผยแพร่ข้อความ
“จากการเข้าไปตรวจสอบทราบว่า มีการแจกให้ประชาชนในพื้นที่ และสารสกัดจากกัญชามาจากมูลนิธิฯ เมื่อเข้าไปตรวจสอบเพิ่มเติมก็พบของกลาง” นายนิยม กล่าว และว่า เมื่อกัญชายังเป็นยาเสพติดให้โทษผิดกฎหมาย ผู้จะได้รับอนุญาตดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับกัญชา ต้องไปแจ้งหรือยื่นขออนุญาตตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าว ระบุจะยกเว้นโทษในกรณีผู้มีความประสงค์ ไม่ว่าบุคคลหรือองค์กรจะดำเนินการใด ๆ ต้องยื่นขออนุญาติหรือแจ้งครอบครอง กฎหมายจะยกเว้นโทษใน 90 วัน ซึ่งระยะเวลาจะสิ้นสุด 19 พ.ค. 2562
ทั้งนี้ หากเจ้าพนักงานผู้พบไม่ดำเนินการ จะกลายเป็นผู้กระทำผิดเอง ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์กลุ่มทุน เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เปิดรับให้มีการยื่นขออนุญาตหรือแจ้งขอครอบครอง ซึ่งขณะนี้มีเพียง 2 หน่วยงาน คือ องค์การเภสัชกรรม และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ที่ได้ยื่นขออนุญาตผลิต นอกจากนี้ไม่มีบุคคลหรือหน่วยงานไหนยื่นขออนุญาต
อย่างไรก็ตาม ภายใต้กฎหมาย การดำเนินการผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย ถูกตีกรอบไว้ว่า จะต้องเป็นหน่วยงานรัฐ ในระยะเวลา 5 ปี หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ และหากเป็นนิติบุคคลต้องร่วมกับหน่วยงานรัฐที่ได้รับอนุญาตแล้วเท่านั้น ฉะนั้นในทางปฏิบัติหรือแง่กฎหมาย มั่นใจได้ว่า จะไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะ
เมื่อถามว่า การดำเนินการของ ป.ป.ส. เข้มงวดเกิดไปหรือไม่ เนื่องจากอยู่ในระหว่างการยื่นจดแจ้ง เลขาธิการ ป.ป.ส. ชี้แจงว่า โดยเจตนาของกฎหมายต้องการให้ผู้มีกัญชาไว้ในครอบครองหรือดำเนินการก่อนหน้าแล้ว ซึ่งราชการทราบ พบหรือไม่พบ ได้ออกมาแสดงตน เพื่อขออนุญาตให้ถูกต้อง ดังนั้นหากยังไม่มีการขออนุญาตให้ถูกต้อง ในทางกฎหมายถือว่าเป็นความผิด ไม่ได้หมายความว่า เราเฉพาะเจาะจง ซึ่งหากติดตามข่าวจากสื่อจะเห็นว่ามีการจับกุมการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับกัญชาเป็นปกติ แต่กรณีที่กล่าวถึง มีการใช้ประโยชน์เพื่อบำบัดรักษาและใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ แต่เนื่องจากยังไม่มีการยื่นขออนุญาตที่จะผลิต ไม่ว่าจะผลิตในขั้นเพาะปลูก หรือการสกัด
ส่วนกรณีผู้ป่วยครอบครองน้ำมันกัญชาในขณะนี้หรือตัวยาที่มีส่วนผสมของกัญชา สามารถถือครองได้ แต่นั่นหมายถึงว่า จะต้องมีใบอนุญาตจากอย. เพื่อยืนยันกับป.ป.ส.ใช่หรือไม่ นายนิยม กล่าวว่า เป็นเงื่อนไขต้องดำเนินการก่อน โดยการยื่นขออนุญาตหรือครอบครอง ฉะนั้นถ้ามีสารสกัดจากกัญชาอยู่ในตัวเอง สามารถไปที่ อย. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยื่นขอเพื่อใช้ประโยชน์ได้ เพื่อออกหนังสือให้
ทั้งนี้ อย่างกรณีของมูลนิธิฯ หากมีการตรวจสอบพบว่า อยู่ในระหว่างการยื่นขออนุญาตหรือครอบครอง แสดงว่า มีเจตนาจะขออนุญาต คิดว่าคำตอบจะชัดเจน แต่หากเรื่องยังไปไม่ถึง ค่อนข้างจะพูดยาก อย่างไรก็ตาม ในแง่ลักษณะหรือเงื่อนไขทางกฎหมาย การจะผลิตต้องขออนุญาต โดยร่วมกับหน่วยงานรัฐ เนื่องจากเดิมกัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ ผิดกฎหมาย ดังนั้น การจัดการหรือผ่อนปรนใช้ประโยชน์ต้องมีการดูแล เพื่อไม่ให้ใช้ในทางที่ผิดหรือแอบอ้างใช้ในทางที่ผิด จึงต้องมีกลไกรัฐเข้ามามีส่วนร่วม
เมื่อถามอีกว่า มีการตรวจสอบมูลนิธิฯ นำกัญชาไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น นอกเหนือจากการรักษาหรือไม่ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ขณะนี้ตามข้อมูลที่ได้รับเป็นไปในลักษณะการใช้ให้กับประชาชนในการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยเท่านั้น ไม่มีเพื่อวัตถุประสงค์อื่น โดยเป็นการให้เปล่า ไม่คิดมูลค่า
“ยืนยันกัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ แต่ขณะเดียวกันยังเป็นยาเสพติดให้โทษอยู่ การไม่ขออนุญาตเท่ากับผิดกฎหมาย ขณะที่ในการดำเนินการ เมื่อพบว่าครอบครองในสิ่งผิดกฎหมายต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนหรือกระบวนการ” นายนิยม กล่าว และว่า มูลนิธิฯ ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนนายเดชา ศิริภัทร ต้องตรวจสอบว่า มีพยานหลักฐานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด แต่ไม่สามารถระบุได้ เพราะยังไม่เห็นรายละเอียดว่า มีส่วนเกี่ยวข้องแค่ไหน อย่างไร
เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังกล่าวเน้นย้ำ เรื่องนี้ไม่ใช่การเฉพาะเจาะจงไปที่บุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือมูลนิธิฯ แต่เป็นเรื่องการที่มีการเผยแพร่ข้อความทางสื่อออนไลน์ เหมือนได้ปรากฎข้อมูลประกาศว่า จะทำอย่างนี้ ซึ่งการกระทำอย่างนั้นชัดเจนทางกฎหมายบัญญัติว่ายังมีความผิด หากมีการไปมอบให้ แจกจ่าย หรืออะไรสุดแท้แต่ เราเพียงส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและพบว่ามีการกระทำจริง แล้วได้เบาะแสมาว่ามาจากมูลนิธิฯ เมื่อไปตรวจสอบก็พบมีสิ่งผิดกฎหมาย ไม่ได้กลั่นแกล้งแต่อย่างใด เเละไม่ใช่การเชือดไก่ให้ลิงดู.
อ่านประกอบ:หน.พรรคภูมิใจไทย ออกโรงขอเป็นผู้ประกันตัว-สู้คดีให้ อ.เดชา ศิริภัทร ปธ.มูลนิธิข้าวขวัญ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/