- Home
- South
- สัมภาษณ์พิเศษ ศูนย์ข่าวภาคใต้
- "ลุงวิโรจน์"คนสุคิรินเต็มขั้น ขอคัดค้าน"คนกลับบ้าน"ร่วมชายคา
"ลุงวิโรจน์"คนสุคิรินเต็มขั้น ขอคัดค้าน"คนกลับบ้าน"ร่วมชายคา
"หากเกิดเรื่องขึ้นมาสักครั้งใครจะกล้ามาเที่ยว เพราะอะไรเขาจึงระบุเป็นสุคิริน มันน่าคิดไหม เห็นว่าโครงการออกมาแล้วด้วย ชาวบ้านไม่เห็นด้วย แต่ไม่รู้จะค้านกับใคร...รู้สึกกังวลมากเลย พวกนี้เขาแบ่งแยกเรา...ไม่รู้แม่ทัพคิดอะไร ได้อะไรไหมที่ทำแบบนี้"
นี่คือเสียงสะท้อนจาก ลุงวิโรจน์ ขีปนานนท์ วัย 75 ปี ประธานชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลสุคิริน จ.นราธิวาส ที่แสดงจุดยืนคัดค้านโครงการของทหารที่เตรียมนำ "อดีตผู้หลงผิด" ที่เข้าร่วมโครงการ "พาคนกลับบ้าน" มาตั้งบ้านเรือนและจัดสรรที่ดินทำกินในพื้นที่รอบๆ 3 หมู่บ้านของ ต.สุคิริน ประกอบด้วย บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 บ้านรักษ์ธรรม และบ้านลีนานนท์
แม่ทัพภาคที่ 4 เพิ่งประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันพุธที่ 2 พ.ค.61 และยืนยันโครงการนี้ไม่มีชาวบ้านที่ไหนคัดค้าน มีแต่คนปล่อยข่าวเพราะกลัวเสียประโยชน์ แต่จากการลงพื้นที่จริงกลับพบว่า คนสุคิรินค่อนข้างตื่นตัวกับเรื่องนี้ และเตรียมเคลื่อนไหวคัดค้านกันอย่างเคร่งเครียดจริงจัง ขณะที่ก่อนหน้าแม่ทัพให้สัมภาษณ์เพียง 1 วัน ชาวบ้านสุคิรินกว่า 500 คนได้รวมตัวกันประชุมและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นคล้ายๆ ทำ "ประชาคม" ร่วมกัน กระทั่งมีมติออกแถลงการณ์คัดค้าน เพื่อส่งให้ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4
ลุงวิโรจน์ เล่าว่า การเคลื่อนไหวของชาวบ้านครั้งนี้ไม่ได้ทำกันแบบเรื่อยเปื่อย แต่การรวบรวมข้อมูลและศึกษาผลกระทบกันอย่างจริงจัง
"เราได้ทำการศึกษาถึงผลกระทบจากการใช้พื้นที่กว่า 600 ไร่สำหรับทำโครงการนี้ สรุปได้ว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อป่าไม้ สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างความหวาดระแวงในการประกอบอาชีพตามวิถีชุมชนดั้งเดิม"
พื้นที่ป่าที่ลุงวิโรจน์พูดถึง เป็นป่าที่ชาวบ้านร่วมกันปกปักรักษา เช่นเดียวกับสภาพแวดล้อมที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวในสุคิริน เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามระดับอันซีน ทั้งทะเลหมอก ผานับดาว ล่องแก่ง และศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ
"ผู้คน 2 ประเทศ (ไทย กับมาเลเซีย) กำลังเข้ามาเที่ยวชมเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทางราชการก็ให้งบมาปรับภูมิทัศน์ และปรับปรุงถนนหนทางเพื่อปูทางให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของสามจังหวัดชายแดนภารใต้ และจะสร้างศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพราะที่นี่มีความปลอดภัยและไม่น่ากลัวเท่ายะลา (ในตัวเมืองยะลาก็มีศาลเจ้าหลายแห่ง) แต่ทำไมมีข่าวว่าแม่ทัพภาค 4 จะพาคนหลงผิดที่เข้าร่วมโครงการกลับบ้านมาอยู่ที่สุคิริน โดยแบ่งที่ทำกินให้คนละหลายไร่ เขาเลือกกันเองหรือว่าจะมาอยู่สุคิริน ทั้งๆ ที่เขามีบ้าน มีภูมิลำเนาเดิมกันอยู่แล้ว"
"ถามว่าหากเกิดเรื่องขึ้นมาสักครั้งใครจะกล้ามาเที่ยว เพราะอะไรเขาจึงระบุเป็นสุคิริน มันน่าคิดไหม เห็นว่าโครงการออกมาแล้วด้วย ชาวบ้านไม่เห็นด้วย แต่ไม่รู้จะค้านกับใคร นายอำเภอเองยังไม่กล้ากับแม่ทัพภาค 4 เลย จะสายเกินไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้สึกกังวลมากเลย พวกนี้เขาแบ่งแยกเรา ไม่รู้แม่ทัพภาค 4 คิดอะไร ได้อะไรไหมที่ทำแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ คนพุทธและชาวบ้าน อ.สุคิริน และสุไหงโก-ลก ที่เป็นคนริเริ่มชักชวนพาคนพาเพื่อนมาเที่ยว ตอนนี้เริ่มกังวล อยากให้ยกเลิกโครงการนี้เสีย ชาวสุคิรินบอกว่าจะต่อต้านแน่ แต่ก็แค่เสียงชาวนาชาวไร่ จะทำอย่างไร จะไปร้องไปต้านกับใคร ทุกข์ใจไปตามๆ กัน"
ความทุกข์ใจตนเองและคนสุคิริน ทำให้คุณลุงวัย 75 ถึงกับเอ่ยวิงวอนฝากไปถึงแม่ทัพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วย...
"ขอวิงวอนถึงผู้เกี่ยวข้อง อย่าได้เอาคนกลับบ้านมาอยู่ที่นี่ ให้ไปอยู่ที่จังหวัดอื่น ขอเป็นพิเศษว่าอย่าให้เข้ามาอยู่ใน อ.สุคิริน เลย เพราะว่าสุคิรินแวดล้อมไปด้วย ชนกลุ่มน้อยในสามจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งก็คือคนไทยพุทธ ถ้าเอาคนกลับบ้านมาเสริม คนไทยพุทธเราจะอยู่อย่างไร ก็จะโดนบีบไปเรื่อยๆ เพราะว่าตอนนี้เท่าที่ทราบ ทะเบียนบ้านของคนไทยพุทธไม่มีการย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่เพิ่มขึ้นเลย มีแต่ย้ายออกอย่างเดียว คาดว่าถ้าโครงการนี้เกิดขึ้น คนไทยพุทธไม่น่าไม่น่าจะอยู่ในพื้นที่ได้ จะโดนบีบโดนรังแก"
แต่หากวิงวอนแล้วไม่สำเร็จ ลุงวิโรจน์ ก็บอกว่าชาวบ้านพร้อมจะต่อสู้ถึงระดับเดินขบวน
"ชาวบ้านตื่นตัวกันมามาก อาจจะมีการล่ารายชื่อ เดินขบวนคัดค้าน ไม่ให้มีการนำคนกลับบ้านมาอยู่ในสุคิริน"
ท้ายที่สุด ลุงวิโรจน์ ยืนยันว่า ชาวสุคิรินไม่อยากทำอะไรที่อาจก่อปัญหาตามมา ฉะนั้้นจึงขอให้แม่ทัพภาคที่ 4 ช่วยพิจารณา เพราะตอนนี้คนสุคิรินก็อยู่กันอย่างมีความสุข ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว อย่่าให้โครงการนี้เพียงโครงการเดียวทำลายวิถีชีวิตดี่ๆ ของชาวบ้านเลย
"เรามีความสุข วิถีชีวิตก็อยู่กันเหมือนเดิม ดีทุกอย่างอยู่แล้ว ตอนนี้เท่าที่สังเกตดูก็มีบุคคลภายนอกมาท่องเที่ยวกันเยอะมากขึ้น มาล่องแก่ง มาไหว้พระ ชมวัดวาอาราม ไหว้ศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ มาเที่ยวผานับดาว โดยเฉพาะล่องแก่งที่ไอปาโจมีชื่อเสียงมาก หากว่าเอาคนกลับบ้านมาอยู่ คนที่มาเที่ยวจะเกิดความไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้จะมีปฏิกิริยาเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่ เพราะไม่มีความจริงใจให้กับทางราชการ ไม่ได้อยู่ในกฎกติกามาก่อน ที่ชาวบ้านคัดค้านเพราะเกรงว่าจะมีเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นเหมือนอำเภออื่น" ลุงวิโรจน์ บอกทิ้งท้าย
ทั้งหมดนี้คือความในใจที่คนสุคิรินฝากไปถึงแม่ทัพภาคที่ 4
------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ :
ชาวสุคิรินฮือต้าน "ผู้เห็นต่าง" ตั้งหมู่บ้านในพื้นที่
แม่ทัพ4 ลั่นไร้เสียงค้านตั้งหมู่บ้านรับผู้หลงผิดที่สุคิริน ยันไม่ใช่อดีตโจร