แม่ทัพ4 ลั่นไร้เสียงค้านตั้งหมู่บ้านรับผู้หลงผิดที่สุคิริน ยันไม่ใช่อดีตโจร
กรณีชาวบ้านกว่า 500 คนใน ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ออกโรงคัดค้านนโยบายของ พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ที่เตรียมขอใช้พื้นที่รอบๆ 3 หมู่บ้านของ ต.สุคิริน เป็นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้กับ "อดีตผู้หลงผิด" ที่เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านนั้น ดูจะไม่จบลงง่ายๆ แม้ว่าแม่ทัพจะอ้างว่าได้ทำความเข้าใจกับแกนนำชาวสุคิรินกระทั่งเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการแล้วก็ตาม
พื้นที่ของ 3 หมู่บ้านที่จะถูกใช้สร้างเป็นหมู่บ้านแห่งใหม่ และจัดสรรเป็นที่ดินทำกินสำหรับรองรับ "อดีตผู้หลงผิด" คือ หมู่บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 12 หมู่บ้านรักษ์ธรรม และหมู่บ้านลีนานนท์ แต่ปรากฏว่าโครงการนี้ถูกคัดค้านจากพี่น้องประชาชนทั้ง 3 หมู่บ้าน โดยมีการทำประชาคมและล่ารายชื่อคัดค้านยื่นต่อแม่ทัพภาคที่ 4 ด้วย
เมื่อวันพุธที่ 2 พ.ค.61 พล.ท.ปิยวัฒน์ ได้เป็นประธานการประชุมเรื่องนี้ โดยใช้สถานที่ในศาลากลางจังหวัดนราธิวาส โดยมีหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายอำเภอสุคิริน และตัวแทนชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้านเข้าร่วมหารือด้วย
พล.ท.ปิยวัฒน์ บอกกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ภายหลังได้ประชุมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้ข้อสรุปว่าชาวบ้านยอมให้ใช้พื้นที่ได้ หลังจากได้ฟังคำอธิบายจากเจ้าหน้าที่อย่างละเอียด ส่วนข้อกังวลการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อมต่างๆ นั้น ก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเพื่อความสบายใจ โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐจากส่วนงานที่เกี่ยวข้องร่วมกับชาวบ้านและผู้นำในท้องถิ่น เช่น หากจะมีการก่อสร้างบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างใดๆ จะต้องให้คณะกรรมการชุดนี้เห็นชอบด้วย
สำหรับข้อกังวลว่าคนเหล่านี้เป็นอดีตโจร หรืออาจเกี่ยวข้องกับผู้ก่อความรุนแรงมาก่อน อาจทำให้คนในหมู่บ้านที่อาศัยอยู่เดิมไม่ปลอดภัยนั้น แม่ทัพภาคที่ 4 บอกว่า "พวกเขาเลิกเป็นโจรมา 30 ปีแล้ว ปัจจุบันก็อายุมาก 50 ปีขึ้นไป ตั้งใจย้ายหนีความลำบากกลับมาอยู่ประเทศไทยเพื่อชีวิตที่ดีกว่า ขอให้วางใจได้ โดยเจ้าหน้าที่จะคอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และพร้อมส่งเจ้าหน้าที่ไปคอยดูแลความเรียบร้อยในหมู่บ้าน"
พล.อ.ปิยวัฒน์ ยืนยันด้วยว่าที่ผ่านมาไม่มีใครคัดค้านโครงการนี้ มีแต่คนพยายามปล่อยข่าว เพราะกลัวจะเสียประโยชน์ ซึ่งล่าสุดรู้ตัวคนปล่อยข่าวแล้ว เรื่องนี้ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้บัญชาการทหารบก รับทราบเป็นอย่างดี คาดว่าอีก 3-4 เดือนจะย้ายเข้าไปอยู่ในพื้นที่ได้
"การหาพื้นที่อยู่อาศัยและที่ทำกินให้ผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน ก็เพื่อรองรับคนที่อยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี (หมู่บ้านสันติสุข) เพราะที่นั่นเป็นเพียงที่ฝึกอาชีพชั่วคราว เมื่อครบกำหนด คนเหล่านี้บางส่วนก็จะกลับไปอยู่กับญาติ แต่บางส่วนไม่มีที่ไป ก็จะให้ไปอยู่ที่ใหม่ที่หาไว้รองรับ เหมือนกับการอยู่หมู่บ้านปิยมิตรที่เราให้โจรจีนคอมมิวนิสต์ หรือ จคม. เข้าไปอยู่ โดยหมู่บ้านใน ต.สุคิริน ถือว่ามีความพร้อม คนในพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม มีไทยพุทธเพียง 3-4 คน" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว และว่า
"มีแผนจะพาชาวบ้านใน ต.สุคิริน ไปรู้จักกับผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล เมื่อศึกษากันและกัน จะได้ละลายพฤติกรรมก่อนที่จะมาอยู่ร่วมกัน นอกจากนี้จะเพิ่มกำลังทหารเข้าไปดูแลความปลอดภัย ลดความหวาดระเเวงของคนในพื้นที่ เเละจะถอนกำลังทหารออกเมื่อชาวบ้านมีความสุข" แม่ทัพภาคที่ 4 ย้ำ
ขณะที่ พล.ต.สมพล ปานกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส กล่าวกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า คนที่จะย้ายเข้าไปอยู่มี 105 คน เป็นกลุ่ม "บุคคลสองสัญชาติ" ที่หลบหนีเข้าไปพำนักในประเทศเพื่อนบ้านเพราะความหวาดระแวง ทั้งหมดไม่เคถูกออกหมายจับ ไม่ว่าจะคดีอะไรก็ตาม
ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส บอกด้วยว่า ยังไม่ได้ย้ายคนเข้าไปอยู่วันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่อาจใช้เวลาอีกหลายเดือน เพราะต้องพูดคุยทำความเข้าใจจนตกผลึกและได้ข้อสรุปเสียก่อน
แม้ฝ่ายทหารจะยืนยันว่าไม่มีเสียงค้าน และชาวบ้านพร้อมต้อนรับสมาชิกโครงการ "พาคนกลับบ้าน" แต่เมื่อ "ทีมข่าวอิศรา" ลงพื้นที่ อ.สุคิริน กลับพบว่าชาวบ้านที่นั่นยังคงคัดค้านโครงการนี้ ไม่ได้เห็นด้วยตามที่ฝ่ายความมั่นคงให้ข่าว โดยชาวบ้านมีทัศนคติว่า กลุ่มผู้หลงผิดเป็นอดีตโจร และน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หากย้ายคนกลุ่มนี้เข้ามา ก็อาจจะทำให้พื้นที่ไม่สงบ กระทบกับการท่องเที่ยวและความสัมพันธ์ในชุมชน
"ทีมข่าวอิศรา" ได้พูดคุยกับ ลุงวิโรจน์ ขีปนานนท์ อายุ 75 ปี ประธานชมรมผู้สูงอายุโรงพยาบาลสุคิริน ลุงวิโรจน์ บอกว่า ขอวิงวอนไปถึงผู้เกี่ยวข้อง อย่าได้พาคนกลุ่มนี้เข้ามาอยู่ที่สุคิรินเลย เพราะจะกลายเป็นความรู้สึกแบ่งแยก และกระทบกับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่กำลังบูมอย่างมากใน อ.สุคิริน
สำหรับ อ.สุคิริน เป็นอำเภอที่ค่อนข้างเงียบสงบ มีเหตุรุนแรงค่อนข้างน้อย มีนิคมสร้างตนเอง และมีหมู่บ้านของคนที่อพยพมาจากภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะอีสาน อาศัยอยู่ร่วมกันมาหลายสิบปี จึงค่อนข้างเป็นชุมชนเข้มแข็ง และดูแลกันเองได้
สภาพพื้นที่ของ อ.สุคิริน ตั้งอยู่บนภูเขาสูงติดชายแดนไทย-มาเลเซีย เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ทั้งเหมืองทองคำ ทะเลหมอก และศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ ทำให้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลย์หลั่งไหลไปเยี่ยมเยือนเป็นจำนวนมาก
----------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แม่ทัพภาคที่ 4 ขณะเป็นประธานการประชุมเรื่องตั้งหมู่บ้านรองรับ "อดีตผู้หลงผิด" ที่ อ.สุคิริน
2 ลุงวิโรจน์ ขีปนานนท์
อ่านประกอบ : ชาวสุคิรินฮือต้าน "ผู้เห็นต่าง" ตั้งหมู่บ้านในพื้นที่