- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- เตือนส่งทหารเป็นพระใต้ เสี่ยงอันตรายเป็นเป้ารุนแรง
เตือนส่งทหารเป็นพระใต้ เสี่ยงอันตรายเป็นเป้ารุนแรง
แนวคิดการส่งกำลังทหารเข้าไปประจำการในวัด เพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยให้พระ และแนวคิดให้ทหารบวชพระ จำวัดที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกมองจากนักวิชาการด้านสันติวิธีว่า มีความเสี่ยงที่จะถูกแปรความว่าเป็นการ "ท้าทายผู้ก่อความไม่สงบ" และอาจทำให้สถานการณ์บานปลายมากขึ้น
พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ ผู้อำนวยการสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า วิพากษ์อย่างตรงไปตรงมาว่า ถือเป็นแนวคิดที่ "เลอะเทอะ" และ สะท้อนว่าผู้พูดไม่เคยผ่านงานภาคใต้ ทำให้ไม่เข้าใจมิติความอ่อนไหว
พล.อ.เอกชัย อธิบายว่า ที่ผ่านมามีนโยบายสำคัญอยู่ 2 ประการที่ภายหลังต้องยกเลิก คือ
1.ให้ทหารเข้าไปตั้งฐานในวัด เพื่อรักษาความปลอดภัยให้พระ และเดินบิณบาตพร้อมกับพระ ปรากฏว่าทำให้พระยิ่งตกเป็นเป้า เพราะผู้ก่อความไม่สงบใช้เป็นข้ออ้างในการโจมตีทหาร ทำให้พลาดไปโดนพระ ส่งผลให้พระมีความเสี่ยงมากขึ้น
2.ให้ทหารไปบวชเป็นพระ และไปจำวัดที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปรากฏว่าเกิดปัญหาคล้ายๆ นโยบายแรก ทำให้ภายหลังยกเลิกไป
"ก่อนหน้านี้มีการถอนทหารออกจากวัดแทบทั้งหมดแล้ว แต่วันนี้กลับจะย้อนไปแบบเดิมอีก ถือเป็นข้อเสนอที่น่าวิตก และเสี่ยงที่พระจะตกเป็นเป้าหมายของผู้ก่อเหตุรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม จึงอยากขอร้องให้ทุกฝ่ายทบทวน และตระหนักถึงความอ่อนไหวของสถานการณ์ในพื้นที่ด้วย" พล.อ.เอกชัย กล่าว
ข่าวการส่งทหารไปบวชพระ และจำวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถูกอ้างอิงว่ามาจากบทสัมภาษณ์ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันอังคารที่ 22 ม.ค.62
โดย ผบ.ทบ.เข้านมัสการ และเยี่ยมอาการบาดเจ็บของพระที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส จากนั้นเดินทางต่อไปยังศาลาวัดรัตนานุภาพ เพื่อกราบศพ พระครูประโชติรัตนานุรักษ์ หรือ "ท่านสว่าง" เจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดี เจ้าอาวาสวัดโคกโก และ พระสมุห์อรรถพร ขุนอำไพ พระลูกวัดโคกโก ที่มรณภาพจากเหตุรุนแรงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีผู้นำศาสนา ทั้งพระภิกษุ และโต๊ะอิหม่าม ตลอดจนข้าราชการและพี่น้องประชาชนไปรอต้อนรับเป็นจำนวนมาก
ผบ.ทบ.กล่าวตอนหนึ่งว่า นายกรัฐมนตรีฝากความห่วงใยมาให้คนในพื้นที่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ ยืนยันว่าคนไทยพุทธและไทยมุสลิมมีความรักใคร่กันดี จึงขอฝากประชาชนและเจ้าหน้าที่ว่าอย่าเสียขวัญกำลังใจ ขอให้มีแรงสู้ มีแรงประกอบอาชีพ และขอให้มีความรักและความสามัคคีต่อไป พร้อมย้ำว่าทหารจะอยู่เคียงข้างคนในพื้นที่ หลังจากนี้จะส่งกำลังเข้ามาดูแลและรักษาความปลอดภัยพระถึงในวัด และจะสนับสนุนให้ทหารบวชพระ เพื่อจำวัดในพื้นที่ต่อไป
"การรักษาความปลอดภัยในพื้นที่นั้น แม่ทัพภาคที่ 4 เองได้จัดกำลัง ต่อไปนี้จะปรับกำลังไปอยู่ตามวัด เพื่อให้ความมั่นใจพระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ตามวัดต่างๆ ในพื้นที่" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวตอนหนึ่ง
"ในส่วนของทหารเอง จะมีมาตรการ...ไม่ใช่มาตรการ...เชิญชวนให้ทหารในพื้นที่ที่จะบวช ให้มาบวชในพื้นที่สามจัหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่ไม่เคยทำ เราเคยทำมาเมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่ช่วงปี 47-48-49 ก็ทำมาตลอด หลังจากนี้แม่ทัพจะปรับแผนการทำงานต่อไป" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวอีกตอนหนึ่ง
(เสียงช่วงแรก เริ่มที่ 01.17 ถึง 01-42 เสียงช่วงที่ 2 เริ่มที่ 02.32 ถึง 03.03)
หลังจากบทสัมภาษณ์นี้เผยแพร่ออกไป และมีเสียงวิจารณ์จากหลายฝ่าย ปรากฏว่าในช่วงค่ำวันเดียวกัน ผบ.ทบ.ได้ออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่งว่า ข่าวที่ออกมาเป็นข่าวที่บิดเบือน ตนไม่เคยมีคำสั่งตามที่เป็นข่าว เพราะทหารบวชเป็นประจำทุกปี และมีการจำวัดในพื้นที่ภาคใต้อยู่แล้ว ไม่ได้มีการบังคับ ย้ำว่าเรื่องนี้สื่อลงข่าวบิดเบือน เพราะทหารในพื้นที่เวลาบวชก็บวชในพื้นที่และสมัครใจบวช ไม่ใช่การบังคับ
-----------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ :
ยิงถล่มวัดในสุไหงปาดี นราธิวาส พระมรณภาพ-บาดเจ็บ
แม่ทัพภาค 4 ขอพระงดบิณฑบาตทั่วชายแดนใต้
ได้เบาะแส "ทีมฆ่าพระ" แฉแหล่งกบดานประเทศเพื่อนบ้าน
ฮิวแมนไรท์วอทช์ ประณามโจมตีพระ-วัด "อาชญากรรมสงคราม"
พระครูประโชติฯ "ไม่ขอเลิกทำความดี...ไม่หนีเพราะนี่คือแผ่นดินไทย"
เมื่อเลือดต้องเปื้อนจีวร...15 ปีแผ่นดินร้อน มรณภาพ 21 เจ็บ 27
ทรงรับการศพเจ้าอาวาสวัดโคกโกไว้ในพระสังฆราชานุเคราะห์
หมายเหตุจากชายแดนใต้...จับตา "กลุ่มสุดโต่ง" รับแนวคิดก่อการร้าย