เชื่อมั่นองค์กร! ‘สุภา’เมินถูกร้องให้สินบนพยาน-ยันไปสังเกตการณ์ ป.ป.ช.อินโดฯไต่สวน
‘สุภา ปิยะจิตติ’ แจงกลางห้องสัมมนา ป.ป.ช. เคลียร์ปมถูกร้องให้ถุงสินบนพยานคดีปลูกปาล์มฯ ลั่นไปสังเกตการณ์ ไม่มีสิทธิตั้งคำถาม คนไต่สวนคือฝ่าย ป.ป.ช.อินโดฯ กังขาจะให้กันได้อย่างไร ยัน กก.ทำงานกันหนักทุกคน เมินถูกร้องผู้ตรวจฯ ชี้ทุกคนมีสิทธิ์สงสัย แต่ต้องเชื่อมั่นในองค์กร
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 2562 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับชาติ หัวข้อ ‘การผลักดันยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สู่ประเทศไทยใสสะอาด ไทยทั้งชาติต้านทุจริต’ พ.ศ. 2562 โดยในช่วงท้ายของงานสัมมนา มีผู้เข้าร่วมงานถามถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. สรุปได้ว่า ที่บอกว่าเอาจริงเอาจังเกี่ยวกับการทุจริต แต่รอบ ๆ ตัวประธานกรรมการ ป.ป.ช. มีคนทุจริตอยู่ และอาจมีพฤติการณ์เกี่ยวพันในคดี พีทีที.จีอี. เครือ ปตท. ลงทุนปลูกปาล์มที่อินโดนีเซียหรือไม่
หลังผู้เข้าร่วมงานรายนี้ถามจบ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ได้ลุกขึ้นไปที่โพเดี้ยมเพื่อตอบคำถามดังกล่าว ระบุว่า กรณีที่ถูกพาดพิงนั้นไม่เป็นความจริง เพราะการไต่สวนคดีปลูกปาล์มอินโดนีเซีย เป็นการไต่สวนระหว่างประเทศ โดย ป.ป.ช.ไทย ต้องส่งคำถามที่จะไต่สวนพยานให้กับ ป.ป.ช.อินโดนีเซียเสียก่อน หลังจากนั้นเดินทางไปที่สำนักงาน ป.ป.ช.อินโดนีเซีย ฝ่าย ป.ป.ช.ไทย และฝ่ายอัยการ เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ไม่มีสิทธิตั้งคำถาม และการถามคำถามเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.อินโดนีเซีย จึงนึกไม่ออกว่ามีการกล่าวหาให้สินบนพยานจะทำได้อย่างไร ขณะเดียวกันได้ตรวจสอบกระแสข่าวที่อ้างว่าได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อตำรวจอินโดนีเซียนั้น ไม่พบว่ามีการร้องทุกข์ดังกล่าว ยืนยันว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทำงานหนักกันทุกคน
ภายหลังการสัมมนา น.ส.สุภา ให้สัมภาษณ์สื่อถึงกรณีนีที่ประธานสภาหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทยร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์กระทบต่อส่วนตัว และองค์กร ป.ป.ช. จะให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการอย่างไรหรือไม่ น.ส.สุภา กล่าวว่า คงไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ทุกคนมีสิทธิ์สงสัย ต้องเชื่อมั่นในองค์กร
วันเดียวกัน พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงความคืบหน้าในการไต่สวนคดีปลูกปาล์มอินโดนีเซียว่า เท่าที่ทราบมีอยู่ 5 สำนวน เบื้องต้นมีการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว และบางทีอาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หากพบผู้กระทำผิดเพิ่ม ทั้งนี้กระบวนการของเราค่อนข้างให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาอย่างมาก เปิดโอกาสให้ชี้แจง ขอตรวจพยานหลักฐาน หรือขอขยายเวลา ให้โอกาสหมด แม้แต่เมื่อถูกชี้มูลไปแล้ว ถ้าเป็นเรื่องทางวินัย ให้ผู้บังคับบัญชามีสิทธิ์ขอทบทวนได้ ส่วนคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะยกคำร้อง หรือรับไว้พิจารณาต้องดูว่าเป็นพยานหลักฐานใหม่หรือไม่ ดังนั้นการทำงานตามกระบวนการขั้นตอน อาจทำให้ดูเหมือนคดีล่าช้า แต่จริง ๆ ให้โอกาสมาก
ส่วนกรณีที่อดีตประธานหอการค้าอินโดนีเซีย-ไทย ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของ น.ส.สุภา และ ป.ป.ช. ว่ามีการสร้งพยานหลักฐานเท็จนั้น พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า อย่างที่เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. (นายวรวิทย์ สุขบุญ) ให้สัมภาษณ์ และตรวจสอบแล้วไม่ได้รับการยืนยันข่าวว่ามีการร้องทุกข์กล่าวโทษ น.ส.สุภา ที่อินโดนีเซีย แต่อาจเป็นเรื่องกระบวนการอาญาของอินโดนีเซีย ไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หากมีผลกับ ป.ป.ช. การติดต่อจะต้องแจ้งมาทางช่องทางระหว่างประเทศ เหมือนตอนที่ ป.ป.ช. ไปไต่สวนพยานที่อินโดนีเซีย ต้องทำเรื่องขอความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศผ่านอัยการสูงสุด (อสส.) ส่วนเรื่องการไต่สวนพยานที่อินโดนีเซีย ป.ป.ช.ไทย ไม่มีอำนาจไปดำเนินการ เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.อินโดนีเซีย
เมื่อถามว่าความพยายามร้องเรียน น.ส.สุภา จะกระทบการไต่สวนคดีปลูกปาล์มอินโดนีเซียหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ไม่กระทบ อาจทำให้ต้องมาตรวจสอบเรื่องราวต่าง ๆ และดูข้อกฎหมาย แต่เบื้องต้นยังไม่กระทบอะไร อาจทำให้สังคมมองได้หลายทาง อาจเสียเวลาที่จะต้องมานั่งชี้แจงหรืออะไรต่าง ๆ
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวนี้เหมือนทำลายความน่าเชื่อถือของ ป.ป.ช. หรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า เป็นปกติ เนื่องจากเป็นคดีสำคัญระหว่างประเทศ มีความเสียหายจำนวนมาก ผู้ที่ถูก ป.ป.ช. กล่าวโทษต้องพยายามชี้แจง นำพยานหลักฐานในส่วนของเขามา ป.ป.ช. ให้โอกาสเต็มที่ เป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้กันในพยานหลักฐานและคดีต่าง ๆ มองว่าเป็นเรื่องปกติ ยิ่งเรื่องใหญ่ยิ่งเจออะไรแบบนี้ เป็นของธรรมดา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้หวั่นไหว เป็นส่วนหนึ่งของวิถีการทำงานของ ป.ป.ช. อยู่แล้ว
ส่วนความคืบหน้าคดีนี้กี่เปอร์เซ็นต์แล้วนั้น พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า คราวที่แล้วที่บอกไปว่าเกิน 80% แล้ว บางเรื่องไปไกลแล้ว ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ สัญญาว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะชี้แจงให้สื่อมวลชนทราบ
เมื่อถามว่า สาเหตุที่คดีนี้ค้างอยู่ เพราะผู้ถูกกล่าวหาไปฟ้องต่อศาลหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า คดีนี้มีทั้งฟ้องที่ศาลไทย ทำให้กระบวนการนี้ชะงักหมด ดังนั้นต้องมาดูว่าคนที่ถูกฟ้องมีผลต่อการไต่สวนหรือไม่ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ มีผลต่อคดีอย่างไร ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม บางเรื่องอาจต้องถอนตัว ต้องดูหมด ถ้าทำคดีครบถ้วน แต่ไปแพ้เพราะพลาดจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องระวัง
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
อดีต ปธ.หอการค้าไทย-อินโดฯร้องผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ‘สุภา’ปมให้ถุงสินบนพยานคดีปาล์ม
คดีปาล์มอินโดฯคืบ 80%-ปธ.ป.ป.ช.ไม่ห่วงปม‘สุภา’ถูกฟ้อง ลั่นหลักฐานที่ใช้ต้องมาโดยชอบ
เปิดลำดับเหตุการณ์สำคัญคดีปลูกปาล์มอินโดฯก่อนกรณีค่านายหน้า32ล.ดอลลาร์