- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- 'คำต่อคำ' คลิปเสียงปริศนาขู่นักกีฬาฮอกกี้ฟ้องผู้บริหารเหมาเข่ง-ปมซิกแซกเบิกเบี้ยเลี้ยง?
'คำต่อคำ' คลิปเสียงปริศนาขู่นักกีฬาฮอกกี้ฟ้องผู้บริหารเหมาเข่ง-ปมซิกแซกเบิกเบี้ยเลี้ยง?
"..เออ แต่ตอนนี้คนที่อยากจะได้ในเงินส่วนต่างตรงนี้ กลับไปฟ้อง จะเอาเงินส่วนต่างตรงนี้ ซึ่งเราไม่ได้ทำจริง ถูกไหม พี่ยังไม่กล้าเรียกร้องของพี่เองเลย อีก 20 กว่าคนทำไมไม่ฟ้องเอาตังค์คืนล่ะ ก็มันรู้ว่ามันไม่ได้เป็นเจ้าของเงินตรงนั้น มันต้องคืนหลวง ทีนี้ทุกสมาคมกีฬามันก็ซิกแซกแบบนี้แหละ มันก็เอาเงินส่วนนี้มาทำอย่างอื่น ถูกผิดไม่รู้ แต่ส่วนที่เป็นเอเชียนเกมส์ กับซีเกมส์ทุกคนก็คุยกันแล้ว ก็จะเอาแบบนี้แหละ ดังนั้นน้องก็ลองวิเคราะห์ดีๆแล้วกันว่าทำแล้วอาจจะได้อะไร..."
"ทำไมถึงต้องไปฟ้องร้องกรรมการบริหารสมาคมกีฬาฯทั้ง 11 ราย ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องไปทั้งหมด ถ้าหากทางฝั่งทั้ง 11 คนไปฟ้องกลับโทษฐานหมิ่นประมาท ทางฝั่งนักกีฬาจะมีปัญหาแน่นอน เพราะยังเรียนกันอยุ่ แต่กลับมีเรื่องคดีอาญาติดตัวก็จะมีปัญหาเวลาไปสมัครงานในที่ต่างๆ ดังนั้น ต้องถามนักกีฬาว่าต้องการจะฟ้องเพื่อเอาอะไร หรือเอาแค่ความสะใจ ทั้งๆที่สิ่งที่ได้กลับ คือการมีคดีติดตัวก่อนที่จะเริ่มทำงานเสียอีก"
คือ เนื้อหาสรุปบางตอนในคลิปเสียง ที่สำนักข่่าวอิศรา www.isranews.org ได้รับมอบจากนายณัฐฏ์ ธีรณัฐสุภานนท์ เลขาธิการสภาธรรมาภิบาลแห่งชาติ เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปัญหาข้อร้องเรียนของนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ในสังกัดสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย ที่กล่าวอ้างว่าถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ฤดูหนาว ที่เมืองซัปโปโระ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีนักกีฬาบางส่วนไม่ได้ไปร่วมการแข่งขัน แต่ปรากฏชื่อในใบเบิกงบประมาณของสมาคมฯ จากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายนักกีฬา ค่าเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา และได้รับเงินไม่ครบจำนวนตามที่มีการทำเรื่องเบิกจ่าย นอกจากนี้ยังถูกเรียกเก็บเงินค่าซ่อมอีกวันละ 500 บาท ด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบของ กกท.
แต่ปรากฎข้อมูลว่า มีบุคคลคนๆ ในหนึ่งสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย โทรศัพท์มาล็อบบี้ไม่ให้กลุ่มนักกีฬา ฟ้องร้องสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง พร้อมต่อว่านักกีฬาที่ออกมาร้องเรียนข้อเท็จจริงเรื่องนี้ และข่มขู่ให้ถอนฟ้องคดีในส่วนของบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป ซึ่งถ้าหากไม่ถอนฟ้อง แล้วต่อมาฝ่ายที่ถูกฟ้องคดีถูกศาลตัดสินว่าบริสุทธ์ จะมีการดำเนินการฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาท โดยถ้าหากเป็นเช่นนั้น ฝ่ายที่ฟ้องคดีก็จะลำบาก เพราะว่ายังเป็นนักศึกษาอยู่ และยังไม่ได้เริ่มทำงาน ถ้าหากมีคดีติดตัวไป ก็จะลำบากในการสมัครงานได้ แต่ยอมรับว่ามีกระบวนการซิกแซก นำเบี้ยเลี้ยงที่ไม่ได้ไปแข่งไปใช้จ่ายงานส่วนอื่นจริง ซึ่งทุกสมาคมกีฬาทำเหมือนกันหมด (อ่านประกอบ:ปูดคลิปเสียงปริศนาขู่นักกีฬาฮอกกี้ฟ้องผู้บริหารเหมาเข่ง-รับมีซิกแซกเบิกเบี้ยเลี้ยงจริง)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ถอดเนื้อหาคลิปเสียงบทสนทนาของบุคคลที่ นายณัฐฏ์ อ้างว่า น่าจะเป็นบุคคลในสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง โทรศัพท์มาล็อบบี้ไม่ให้กลุ่มนักกีฬา ฟ้องร้องสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง มานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบกันอีกครั้ง โดยเลือกเอาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการบริหารเงินของสมาคมกีฬาฯ และจะขอแทนตัวผู้ที่โทรศัพท์เข้ามาเป็นชายคนที่ 1 และชายผู้รับสายเป็นชายคนที่ 2 และปิดข้อมูลบางส่วนในคลิป ซึ่งจะไปกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลทั้งในคลิปเสียงและบุคคลที่ 3 ที่ถูกพาดพิง ปรากฎเนื้อหาดังต่อไปนี้
ชายคนที่ 1: "ไอ้เงินที่ควรจะได้ถามว่ามันควรจะได้จริงหรือไม่ เราหลุดจากทีมชาติมันเป็นชื่อของเราก็จริง แต่ว่ามันก็ส่งคืนให้กับ กกท. ไม่ใช่มาส่งคืนให้กับเราที่เป็นเจ้าของชื่อ เพราะว่าเราไม่ได้ซ้อมตามโจทย์ที่บอก ต่อให้นาย บ.ที่ไปฟ้องว่าเงินส่วนที่เหลือเนี่ยควรจะต้องได้ จริงๆแล้วมันไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ สมาคมกีฬาฯผิดไหม ผิดแน่นอน คือไม่เงินคืนให้กับ กกท. ทุกคนในทีมชาติเขารู้กันอยู่แล้วว่าเงินตรงนี้เนี่ยเขาจะเก็บเอาไปทำลีกที่สำโรง ที่เพิ่งผ่านมานี้ ซึ่งเขาก็ทำจริง ไอ้ที่ผ่านมานี่ไม่รู้นะ เอาเฉพาะที่ผ่านมา เอาเฉพาะซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ กับชาเลนจ์คัพนี้ก่อน ที่เป็นปัญหา ทีนี้ถามว่าเราฟ้องแบบนี้เกิดอะไรขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือคนที่โดนฟ้องซวยหมด พี่ นาย ต. นาย ผ. และอีกที่เหลือที่อยู่ในรายชื่อสมาคมอีก 11 คนที่ไม่เกี่ยวกับนายกสมาคมกีฬาฯ ทุกคนซวยหมดเพราะจะเป็นแบล็กลิสต์ ตอนนี้พี่ต้องถูกตั้งคณะกรรมการทาง ****(หน่วยงานทางราชการที่ชายคนที่ 1 สังกัดอยู่) สอบสวนด้วย และพี่ก็โดนแบล็กลิสต์ในหน่วยงานราชการนั้นด้วย"
"พอมีหมายศาลมา ตัวพี่ก็จะมีคดีติดตัวตามมาด้วย เป็นคดีอาญา จะเป็นคดีที่จบแล้วหรือยังไม่จบ ก็ไม่เกี่ยว แต่พี่มีคดีติดตัวแล้ว 1 ถ้าจบ จะผิดหรือไม่ผิดยังไง ถ้าผิดพี่จะมีคดีแดงเลย เป็นคดีที่มันถึงกระบวนการแล้ว ทีนี้ถ้าเกิดทั้ง 11 คนนี้รวมตัวกันฟ้องกลับข้อหาหมิ่นประมาท พี่คิดว่าพี่หลุดแน่นอน"
"ถ้าพี่ฟ้องกลับไอ้ฝั่ง ห้าคน หกคนที่ฟ้องพี่มา โดนกลับแน่นอน คือ หมิ่นประมาท แล้วเราก็จะมีคดี คือถ้าพี่ฟ้องกลับนะมันก็ไม่จบ ตอนนี้พี่มองว่าเราน่าจะกลายเป็นหมากในเกมของใครบางคนแล้ว พี่ไม่รู้ว่าใคร ไม่อยากจะพูดว่าใคร แต่การที่จะกลายเป็นหมาก ถามว่ามันคุ้มกับเราไหม ชนะได้อะไร สมมติว่าได้ตังค์กลับมา เอาจริงๆพี่มองว่าไม่ได้ ยังไงก็ต้องคืน กกท. แล้ว ถ้าฝั่ง 11 คนนี้เขาโดนฟ้องโดยที่เขาไม่เกี่ยวข้อง เขาฟ้องกลับ คนที่จะซวยก็คือพวกเรานี่แหละ แล้วเราอายุยังน้อย แต่มีคดีติดตัว ถามว่าสมัครงานที่ไหนใครเขาจะเอา"
"บางบริษัทพี่บอกเลยนะถ้ามีอะไรเกี่ยวกับเรื่องคดีอาญานี่เขาไม่รับ เชื่อพี่ พยายามเคลียร์ตัวเองออก อันนี้ไม่เกี่ยวกับว่าพี่จะซวยไม่ซวยนะ แต่มันเป็นลูป(ลักษณะ) ของคดีอาญาซึ่งเรามีโอกาสสุ่มเสี่ยงที่จะโดนฟ้องกลับ ซึ่งพี่มองว่าฟ้องกลับมีสิทธิ์แพ้ คนฝั่ง 9-10 คนที่โดนเป็นฝั่งแพ้ เพราะ 11 คนที่เขาถูกฟ้อง เขียนว่าร่วมกันฉ้อโกงเนี่ย มันจะกลายเป็นกลุ่มคนที่ฟ้องกลับในข้อหาที่ถูกหมิ่นประมาท ซึ่งเขาไม่ได้ทำจริง เขาไม่มีเงินเข้าตัวเขาจริงๆ ไม่มีเงินในส่วนของสมาคมกีฬาฯ ฝั่งที่ฟ้องมา 5-6 คนก็จะมีแบล็กลิสต์ต่อไป ก็จะมีคดีอาญา ไม่ติดคุกหรอก เต็มที่ก็จะจบที่ศาลลงอาญา ลงคดีแล้วเรียบร้อย คือมีความผิดจริง แต่รอลงอาญาไว้ 2 ปี นั่นหมายความว่าเวลาเราสมัครงานปุ๊บ เขาเช็คประวัติอาชญากรรมเราในทะเบียนราษฎร์ มันจะมีข้อมูลว่าเรามีคดีความ ซึ่งพี่ว่าเราเป็นเด็กมันดิ้นไม่หลุดหรอก คนเดินมา 10 คน หนึ่งคนมีคดีความ แต่อีก 9 คนไม่มี ถามว่าเขาจะเลือกใคร"
"พี่อยู่กับงานทางด้านอาชญากรรม พี่รู้ว่ามันซวย เราเป็นเด็กไม่ควรจะมีคดีติดตัวไม่ว่ะเป็นคดีอาญาหรือคดีแพ่งก็ตาม ถามว่าคนที่บอกว่ารับผิดชอบให้เองทั้งหมดเขาจะรับผิดชอบอะไร เรื่องเงินเขาก็ไม่เดือดร้อน ถามว่าตัวคดีดำที่เกิดขึ้นมาในแบล็กลิสต์เรา ใครจะรับผิดชอบได้ เต็มที่ก็ให้เงินปลอบขวัญได้แค่นั้น แต่คดีความมันก็ไม่หายนะ ต่อให้เราไม่ผิด ก็ต้องรอให้ผ่านไป 4-5 ปีก่อน เขาถึงจะลบให้ออกจากแฟ้มประวัติ แต่ถ้าเป็นคดีที่เราผิด มันก็จะอยู่กับเราไปทั้งชีวิตเลย"
"ถ้าไม่ได้เป็นเรื่องของเราหรือเราเดือดร้อนจริงๆ อย่า ไปเซ็นชื่อถอนเสีย หรือไม่ก็ลองถามพ่อแม่น้องดูถึงเคสนี้ว่ายังไง พ่อแม่น้องรู้ไหม"
ชายคนที่ 2: "รู้ครับ"
ชายคนที่ 1: "พ่อแม่น้องรู้ด้วยหรือ แล้วเขาไม่ห้ามหรอ"
ชายคนที่ 2: "เขาบอกว่าแล้วแต่"
ชายคนที่ 1: "แล้วแต่ ...เฮ้ย มันไม่ใช่เรื่องของเรานะเว้ย เรามาคัดชื่อทีมชาติ มันเป็นชื่อเราตอนเริ่มต้นจริง แต่ถ้ามว่าชื่อ 3-4 คนนี้ มันกลายเป็นเงินของ นาย ค. นาย ย. แล้วก็ นาย ท. สามคนนี้รับเงินแทน เพราะมันไปแข่งจริง แล้วเราจะได้เงินจากอะไร ถูกไหม คือในทางทฤษฎีน่ะใช่ แต่ในทางปฏิบัติน้องไม่ได้ซ้อม แข่งจนจบน้องจะได้เงินก้อนใหญ่ได้อย่างไร ถูกไหม"
ชายคนที่ 2: "ถูกครับ"
ชายคนที่ 1: "ยังไงก้อนนี้ ถามว่า สมาคมกีฬาฯผิดไหม ผิดนะ แต่เงิน สุดท้ายที่จะได้มา มันไม่ได้คืนให้นักกีฬาที่มีชื่ออยู่ มันต้องคืนความถูกต้อง ก็คือคืนให้กับการกีฬาแห่งประเทศไทยนะ แล้วอย่างนั้นเท่ากับว่าเราฟ้องมา เราจะฟ้องเอาอะไร เอาเงินส่วนต่างหรือเอาความสะใจ พี่มองฝั่งของ นาย ช. คือความสะใจ เอาคืน แต่ฝั่งเราได้อะไร แล้วเรากำลังจะไปเป็น ----- อาชีพเรากำลังจะเริ่มต้น แต่ยังไม่ทันเริ่มต้นเลยก็มีคดีติดตัวแล้ว ถูกไหม แล้วกลุ่มพี่ 11 คน เนี่ยเราคุยแล้วว่าจะฟ้องกลับแน่นอนว่า หมิ่นประมาท เพราะจู่ๆมาเจอคดีฉ้อโกง พวกนี้มันคืออาญา คนที่จะฟ้องแทนพี่ ก็มี ----- (หน่วยงานราชการที่ชายคนที่ 1 สังกัดอยู่) ฟ้องกลับแทนว่าเจ้าหน้าที่เขาถูกหมิ่นประมาท โดยการขึ้นฟ้องศาลความเป็นเท็จ เพราะ 11 คนนั้นไม่เกี่ยว แต่โดนไปหมด เพราะฉะนั้นเราก็ลองคิดดูดีๆ ว่าจะเอาชีวิตมาเสี่ยงกับความสะใจของคนบางหรือเปล่า พูดว่าเงินตรงนี้คิดว่าถูกต้องจริงๆหรือไม่"
"อย่างพี่เป็นนักกีฬา พี่ซ้อมไม่ทุกวันหรอก ถามว่าเงินที่ไม่ซ้อม เราควรจะได้ส่วนนั้นด้วยหรือต้องคืน กกท."
ชายคนที่ 2: "คืน กกท."
ชายคนที่ 1: "เออ แต่ตอนนี้คนที่อยากจะได้ในเงินส่วนต่างตรงนี้ กลับไปฟ้อง จะเอาเงินส่วนต่างตรงนี้ ซึ่งเราไม่ได้ทำจริง ถูกไหม พี่ยังไม่กล้าเรียกร้องของพี่เองเลย อีก 20 กว่าคนทำไมไม่ฟ้องเอาตังค์คืนล่ะ ก็มันรู้ว่ามันไม่ได้เป็นเจ้าของเงินตรงนั้น มันต้องคืนหลวง ทีนี้ทุกสมาคมกีฬามันก็ซิกแซกแบบนี้แหละ มันก็เอาเงินส่วนนี้มาทำอย่างอื่น ถูกผิดไม่รู้ แต่ส่วนที่เป็นเอเชียนเกมส์ กับซีเกมส์ทุกคนก็คุยกันแล้ว ก็จะเอาแบบนี้แหละ ดังนั้นน้องก็ลองวิเคราะห์ดีๆแล้วกันว่าทำแล้วอาจจะได้อะไร"
"เมื่อวานก็มีผู้ใหญ่ฝั่งนู้นมาคุยว่าพี่ นาย ค. นาย ต.หลุดแน่นอน แต่ประเด็นคือไม่ใช่ว่าหลุดหรือไม่หลุดนะ แต่ประเด็นคือว่าฝ่ายที่ฟ้องไปฟ้องทำไม ถ้าจะฟ้องสมาคมกีฬาฯ ไปฟ้องนายกสมาคมกีฬาฯ ไปฟ้องเหรัญญิกสิ แต่ฟ้องพ่วงกันแบบนี้ คือต้องการที่จะล้มกระดานทั้งโต๊ะ ถ้าน้องลองคิดดีๆมันมีคนกลุ่มที่ต้องการล้มสมาคมทั้งสมาคมเพื่อที่จะตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาสวม ซึ่งตรงนี้คือจุดอ่อน เขาก็ตีจุดนี้เข้าไป แต่ตอนนี้เด็กกลุ่มนี้ที่เป็นคนฟ้องกำลังจะกลายเป็นเครืองมือของคนกลุ่มนี้หรือเปล่า พี่ไม่ได้เชียร์ว่าสมาคมกีฬาฯทำถูกนะ พี่ว่ามันก็ไม่ถูกในหลักการ แต่อยากให้น้องมองว่านี้มันเป็นเกมของใครกันแน่ แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไร"
------------
ทั้งหมดนี่ เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฎอยู่ในคลิปเสียง และน่าจะเป็นข้อมูลสำคัญอีกชุดหนึ่งที่ กกท. สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต่อไปได้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
ปูดคลิปเสียงปริศนาขู่นักกีฬาฮอกกี้ฟ้องผู้บริหารเหมาเข่ง-รับมีซิกแซกเบิกเบี้ยเลี้ยงจริง
ขมวดปม! ข้อกังขาสวมสิทธิ์เบี้ยเลี้ยง-ค่าซ้อมนักกีฬาฮอกกี้ฯ วัดฝีมือกกท.ทลายแดนสนธยา
เคยทักท้วงแล้วอย่าทำ! กก.สมาคมฮอกกี้ฯ แจงปัญหาเซ็นชื่อรับเบี้ยเลี้ยงแทนนักกีฬามีจริง
เปิดเอกสาร กกท.จัดงบฮอกกี้น้ำแข็งซีเกมส์ ไขปมสวมสิทธิ์เบี้ยเลี้ยง-เก็บค่าซ้อม500บ./วัน?
นักกีฬาฮอกกี้พบผู้ว่าฯกกท.ยันถูกปลอมลายเซ็นเบิกเบี้ยเลี้ยง - ปูดโดนเก็บค่าซ้อม500บ./วัน
วีระศักดิ์ ยันสั่งสอบปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยง - ข้องใจโค้ชแจงเหตุใช้งบ
ให้จ่ายเฉพาะคนไปแข่ง! ฝ่ายการคลัง กกท.แจงปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยง
ผู้ว่าฯกกท.เผย รมว.ท่องเที่ยวฯ สั่งสอบปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยงแล้ว
เปิดปม! สวมสิทธิ์หักหัวคิวเบี้ยเลี้ยงส.กีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง-โค้ชแจงไม่จริงแค่ปรับแผนใช้งบ
โชว์ใบเบิกเบี้ยเลี้ยง ส.กีฬาฮอกกี้ฯ -นักกีฬาอ้างได้เงินไม่ครบยอดเกือบแสนรับจริง7หมื่น?