- Home
- Investigative
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวสืบสวน
- ให้จ่ายเฉพาะคนไปแข่ง! ฝ่ายการคลัง กกท.แจงปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยง
ให้จ่ายเฉพาะคนไปแข่ง! ฝ่ายการคลัง กกท.แจงปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยง
"...การเปลี่ยนแปลงเงินที่เบิกจาก กกท.เพื่อเอาไปเป็นเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาหรือเอาไปทำอย่างอื่น เป็นอำนาจของทางสมาคมกีฬาฯ ว่าจะไปดำเนินการอย่างไรกับเงินที่เบิกมาได้ อย่างไรก็ดี กระบวนการเบิกจ่ายเงินนั้น ถ้าผู้ที่ไม่ได้ไปก็ต้องไม่ได้เงินอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดไปใช้อย่างอื่น ก็ต้องมีการทำเรื่องขอเข้ามาด้วย ซึ่งผู้ที่จะร่วมดำเนินการก็คือฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศของ กกท. ที่จะดูรายละเอียดวัตถุประสงค์ว่าการขอเงินสนับสนุนจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง..."
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานความคืบหน้าล่าสุดปัญหาข้อร้องเรียนของนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง ในสังกัดสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย ที่กล่าวอ้างว่าถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ฤดูหนาว ที่เมืองซัปโปโระ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีนักกีฬาบางส่วนไม่ได้ไปร่วมการแข่งขัน แต่ปรากฏชื่อในใบเบิกงบประมาณของสมาคมฯ จากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายนักกีฬา ค่าเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา และได้รับเงินไม่ครบจำนวนตามที่มีการทำเรื่องเบิกจ่าย
เบื้องต้น นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ใหเ้สัมภาษณฺ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่าได้สั่งการไปยังนายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าฯ กกท.ให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมระบุว่า จะไปหารือกับหน่วยงานด้านการคลังเพื่อขอทราบความชัดเจนเกี่ยวกับระเบียบการใช้จ่ายเงิน ภายหลังจากที่สตาฟโค้ชออกมาชี้แจงว่า ถ้าสมาคมฯ คืนเงินในส่วนผู้ที่ไม่ได้ไปร่วมการแข่งขัน กลับไปยัง กกท. ในปีหน้า กกท. ก็อาจจะไม่ให้เงินของนักกีฬาตรงนี้กลับมายังสมาคมฯได้ และทุกสมาคมกีฬาฯ ก็ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน (อ่านประกอบ :ผู้ว่าฯกกท.เผย รมว.ท่องเที่ยวฯ สั่งสอบปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยงแล้ว, เปิดปม! สวมสิทธิ์หักหัวคิวเบี้ยเลี้ยงส.กีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง-โค้ชแจงไม่จริงแค่ปรับแผนใช้งบ, โชว์ใบเบิกเบี้ยเลี้ยง ส.กีฬาฮอกกี้ฯ -นักกีฬาอ้างได้เงินไม่ครบยอดเกือบแสนรับจริง7หมื่น?, :วีระศักดิ์ ยันสั่งสอบปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยง - ข้องใจโค้ชแจงเหตุใช้งบ)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยังหน่วยงานด้านการคลังของ กกท. เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณของสมาคมกีฬาต่อ กกท. รวมถึงเรื่องการเบิกเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังรายหนึ่ง ให้ข้อมูลยืนยันว่า "การเปลี่ยนแปลงเงินที่เบิกจาก กกท.เพื่อเอาไปเป็นเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาหรือเอาไปทำอย่างอื่น เป็นอำนาจของทางสมาคมกีฬาฯ ว่าจะไปดำเนินการอย่างไรกับเงินที่เบิกมาได้ อย่างไรก็ดี กระบวนการเบิกจ่ายเงินนั้น ถ้าผู้ที่ไม่ได้ไปก็ต้องไม่ได้เงินอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดไปใช้อย่างอื่น ก็ต้องมีการทำเรื่องขอเข้ามาด้วย ซึ่งผู้ที่จะร่วมดำเนินการก็คือฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศของ กกท. ที่จะดูรายละเอียดวัตถุประสงค์ว่าการขอเงินสนับสนุนจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง"
“การที่นักกีฬาไม่ได้ไป เงินก็ถูกตัดไปโดยปริยายอยู่แล้ว ถ้ามีเงินที่เหลือก็ไปขออนุมัติจากฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศไปดำเนินการว่าการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด สามารถจะดำเนินการได้หรือไม่”เจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังกล่าว
เมื่อถามต่อว่า การเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์การใช้จ่ายเงินต้องแจ้งให้กับทาง กกท.ทราบทุกครั้งใช่หรือไม่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังกล่าวว่า "ใช่..การเปลี่ยนแปลงต้องแจ้งให้ทราบทุกครั้ง เพราะว่า กกท.จ่ายเงินตามกระบวนการที่ระบุว่าเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงต่างๆ จะไปจ่ายนอกเหนือจากนั้นก็คงไม่ได้ ถ้ามีตัวอนุมัติว่าให้ไปจ่ายอย่างอื่นด้วย ก็ให้ไปดูที่เอกสารอนุมัติตรงนั้น"
เมื่อถามถึงประเด็นที่สตาฟโค้ชสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย ระบุว่า การขอเบิกเงินจะส่งรายชื่อผู้ที่เข้าข่ายจะเป็นนักกีฬาที่มีอยู่ในสมาคมมาให้กับทาง กกท.ก่อน ถ้าหากรายชื่อขอเบิกเงินดังกล่าวมีความเปลี่ยนแปลงไปจะต้องดำเนินการอย่างไร
เจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลัง กล่าวว่า "ก็ต้องมาขออนุมัติใหม่ สมมติถ้านายกสมาคมกีฬาต้องการจะเปลี่ยนแปลงรายชื่อนักกีฬาที่ได้ไปแข่งขันก็ต้องมาขออนุมัติมายัง กกท. ซึ่งฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศจะเป็นผู้พิจารณาว่าคนนั้นไป คนนี้ไม่ไป เพื่อจะจ่ายเงินตามบุคคลที่ไปจริง แต่ก็อาจจะมีกรณีที่เปลี่ยนแปลงการใช้เงินไปก่อนแล้วแล้วมาขออนุมัติภายหลัง ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีหรือไม่"
.......................
"...ต้องยอมรับว่าในเรื่องลายเซ็นนักกีฬาจะปลอมหรือไม่ปลอมนั้น ฝ่ายการคลังจะไม่รู้เลย เพราะว่านักกีฬาก็ไม่ได้มารับเงินจากฝ่ายการคลังโดยตรง จึงไม่รู้ว่าลายเซ็นมีความถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น ผู้ที่จะรับผิดชอบก็คือนายกสมาคมกีฬาที่จะเป็นคนรับรองว่าได้จ่ายเงินให้กับนักกีฬาจริง ส่วนทางสมาคมจะจ่ายเงินโดยวิธีไหนมันก็เป็นระเบียบการของเขา..."
......................
เจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังรายนี้ ยังระบุด้วยว่า "กระบวนการทำงานของฝ่ายการคลังนั้น มีการตรวจสอบเช่นกันว่ามีการจ่ายเงินจริงไปให้กับนักกีฬาหรือไม่ โดยตรวจว่า มีการหักล้างเงินที่เบิกไปอย่างไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม กระบวนการตรวจของฝ่ายการคลังจะดูแค่สำเนาบัตรกับตัวลายเซ็นเป็นหลักเพื่อดูว่านักกีฬารับเงินจริงหรือไม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าในเรื่องลายเซ็นนักกีฬาจะปลอมหรือไม่ปลอมนั้น ฝ่ายการคลังจะไม่รู้เลย เพราะว่านักกีฬาก็ไม่ได้มารับเงินจากฝ่ายการคลังโดยตรง จึงไม่รู้ว่าลายเซ็นมีความถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น ผู้ที่จะรับผิดชอบก็คือนายกสมาคมกีฬาที่จะเป็นคนรับรองว่าได้จ่ายเงินให้กับนักกีฬาจริง ส่วนทางสมาคมจะจ่ายเงินโดยวิธีไหนมันก็เป็นระเบียบการของเขา"
เจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลัง ยังระบุด้วยว่า "ถ้ากลัวปัญหาเรื่องนักกีฬาไม่ได้เงินจริงๆ ทางสมาคมจะให้ทาง กกท.จ่ายเงินให้นักกีฬาโดยตรงก็ได้ หรือ กกท.จะออกคำสั่งไปว่าให้จ่ายเงินไปให้กับนักกีฬาโดยตรงเลยตรงนี้ก็สามารถทำได้ แต่ก็ไม่ค่อยมีกรณีที่ให้ กกท.จ่ายเงินไปยังนักกีฬาโดยตรงเกิดขึ้น ส่วนมากจะเป็นกรณีทางสมาคมขอยืมเงินกันทั้งก้อนเสียมากกว่า เพราะเวลาไปต่างประเทศ กกท.ไม่ได้เดินทางไปกับนักกีฬาด้วย ก็คงจะมีความลำบากที่ กกท.จะไปให้เงินกับนักกีฬาโดยตรงที่อยู่ต่างประเทศ แต่ผู้ที่เดินทางไปด้วยจะเป็นทางสมาคมกีฬา ทาง กกท.ก็จะเอาเงินก้อนไปให้กับสมาคมกีฬาเพื่อมอบให้นักกีฬาใช้จ่ายต่างประเทศต่อไป"
“ก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ สักประมาณ 10 -20 วัน ตัวนักกีฬาก็อาจจะมาขอเบิกเงินก่อน กับทาง กกท.เพื่อจะไปใช้ในต่างประเทศได้เช่นกัน”เจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังกล่าว
เมื่อถามว่าแสดงว่าการจะไปแข่งกีฬาที่ต่างประเทศ สมาคมกีฬาจะต้องมีการเบิกเงินอย่างน้อยประมาณ 2 ครั้งคือ 1. ค่าฝึกซ้อม และ 2. ค่านำไปใช้ที่ต่างประเทศ และการการขอเบิกเงินจาก กกท.จะต้องมีการเช็ครายชื่อกัน อย่างน้อยประมาณ 2 ครั้ง คือ นักกีฬาที่ได้ลงรายชื่อฝึกซ้อมและนักกีฬาที่ได้ไปต่างประเทศจริงใช่หรือไม่
เจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังยอมรับว่า "ใช่ คงไม่ได้มีการเบิกเงินกันครั้งเดียวอย่างแน่นอน"
สำนักข่าวอิศรา รายเงินเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศราได้ติดต่อไปยังหนึ่งในนักกีฬาที่ร้องเรียนเรื่องการถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยง ได้รับการยืนยันว่า "ที่ผ่านมาในการแข่งขันที่ต่างประเทศแต่ละครั้ง ขะได้รับเงินจากทางสมาคมเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น คือ ประมาณ 2-3 วันก่อนที่จะบินไปแข่งขันที่ต่างประเทศ โดยมีการเรียกเข้ามาในห้องเพื่อจ่ายเงินให้กับนักกีฬาเป็นเงินสด"
ขณะที่สตาฟโค้ชรายหนึ่ง ใน สมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ชี้แจงสำนักข่าวอิศราว่า ไม่มีปัญหาเรื่องการสวมสิทธิ์รับเงินตามที่มีการร้องเรียนกับสื่อ การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ในกระบวนการขอเงินสนับสนุนจาก กกท. ทางสมาคมฯ จำเป็นต้องส่งรายชื่อนักกีฬาทั้งหมดที่มีไปให้กับ กกท. แต่ในเวลาต่อมา ทางสมาคมฯ ก็จะต้องคัดเลือกนักกีฬาที่ดีที่สุด 20 คน เพื่อเอาไปแข่งขัน แต่ถ้าหากทางสมาคมฯไม่ได้ส่งชื่อให้ กับ กกท.ไปตั้งแต่ต้น ก็หมายความว่าคนที่ไม่ถูกส่งชื่อไปจะหมดสิทธิ์การแข่งขัน หลังจากนั้นในช่วง 2 เดือนก่อนการไปแข่งขัน กกท. ก็จะต้องเอางบประมาณในการฝึกซ้อมมาดูว่าต้องทำอย่างไรบ้าง สมมติว่ามีชื่ออยู่ 40 คน ส่งไปให้ กกท. ก็ต้องตัดออกไปให้เหลือ 20 คน ซึ่งทุกสมาคมกีฬาทำแบบนี้กันหมด ส่วนเงินที่เหลือก็ต้องมีการปรับแผน เงินก็จะไปเข้าค่าลานซ้อม มีการถัวเฉลี่ยมาเพื่อบริหารสมาคม หรือมาจัดแข่งลีกต่างๆ ยืนยันว่าไม่มีการนำไปเข้ากระเป๋าใครอย่างแน่นอน
สตาฟโค้ชรายนี้ รายนี้ ยังยืนยันว่า ส่วนตัวแล้วเข้าใจว่าปัญหาอีกประการหนึ่งที่ทำให้มีการกล่าวหากันในประเด็นเรื่องการสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยงในครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะเรื่องของตัวนักกีฬาเองที่เขาถูกตัดชื่อออกโดยโค้ชเพราะความสามารถไม่ถึง เขาก็เลยมาฟ้องร้องกัน เป็นคดีความไปเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ซึ่งเรื่องก็ยุติไปแล้ว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
วีระศักดิ์ ยันสั่งสอบปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยง - ข้องใจโค้ชแจงเหตุใช้งบ
ผู้ว่าฯกกท.เผย รมว.ท่องเที่ยวฯ สั่งสอบปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยงแล้ว
เปิดปม! สวมสิทธิ์หักหัวคิวเบี้ยเลี้ยงส.กีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง-โค้ชแจงไม่จริงแค่ปรับแผนใช้งบ
โชว์ใบเบิกเบี้ยเลี้ยง ส.กีฬาฮอกกี้ฯ -นักกีฬาอ้างได้เงินไม่ครบยอดเกือบแสนรับจริง7หมื่น?