- Home
- Isranews
- ข่าว
- ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน ปลัดเทศบาล จ.สมุทรสาคร ยื่นเท็จ-คุก 2 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน ปลัดเทศบาล จ.สมุทรสาคร ยื่นเท็จ-คุก 2 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
ฉบับเต็ม! องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาพิพากษายืน ปลัดเทศบาล ต.สวนหลวง จ.สมุทรสาคร จงใจยื่นบัญชีฯเท็จ ไม่แสดงโฉนดตนเอง เมีย ถือครองร่วม พล.ต.ต. คนอื่น 13 แปลง ข้ออ้างที่ดินมีภาระจำยอม ฟังไม่ขึ้น ให้พ้นตำแหน่งนับจาก 22 พ.ค.2562 จำคุก 2 เดือน ปรับ 8.000 บาท รอลงโทษ 1 ปี
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.2563 ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกามีคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ พิพากษายืน คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า นายประชา ไพประพันธ์ ผู้ถูกกล่าวหา เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง (นักบริหารงานท้องถิ่น ระดับสูง) อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่ง ทรัพย์สินหรือหนี้สิน ในส่วนรายการที่ดิน 13 แปลง ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 3215 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ของผู้ถูกกล่าวหาซึ่งถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับพลตํารวจตรี สมเกียรติ แสงสินศร ที่ดินโฉนดเลขที่ 9337 และ 66302 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ของนางศิรินันท์ ไพประพันธ์ คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา ที่ดินโฉนดเลขที่ 940, 2085, 45815, 45616, 70932, 70944, 70947, 70979, 70982 และ 79091 ต.สวนหลวง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ของนางศิรินันท์ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับ นางสาวนิธิชา ศรีบัว
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิพากษา เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2562 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง ที่ดํารงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําวินิจฉัย ห้ามมิให้ ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะตําแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินตามมาตรา 39 และ 40 เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารง ตําแหน่งทางการเมืองมีคําวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ มีกําหนด 1 ปี
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ รับวันที่ 16 เดือน ธันวาคม 2562 พยานหลักฐานตาม ทางไต่สวนรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตําแหน่ง ปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้นและพิพากษายืนในที่สุด (คดีหมายเลขแดงที่ อม.อธ.1/2563)
รายละเอียดคำพิพากษาดังนี้
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง (นักบริหารงานท้องถิ่น ระดับสูง) อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่ง ทรัพย์สินหรือหนี้สิน ในส่วนรายการที่ดิน 13 แปลง ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 3215 ตําบลสวนหลวง อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ของผู้ถูกกล่าวหาซึ่งถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับพลตํารวจตรี สมเกียรติ แสงสินศร ที่ดินโฉนดเลขที่ 9337 และ 66302 ตําบลคลองมะเดื่อ อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ของนางศิรินันท์ ไพประพันธ์ คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา ที่ดินโฉนดเลขที่ 940, 2085, 45815, 45616, 70932, 70944, 70947, 70979, 70982 และ 79091 ตําบลสวนหลวง อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ของนางศิรินันท์ซึ่งถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับ นางสาวนิธิชา ศรีบัว ผู้ร้องแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริง ต่อมาผู้ถูกกล่าวหามีหนังสือชี้แจงแล้ว ผู้ร้องพิจารณาเห็นว่า ที่ดินทั้ง 13 แปลง มีสภาพเป็นถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำ และมีการจด ทะเบียนภาระจํายอมให้บุคคลต่าง ๆ ใช้เป็นทางเข้าออกสู่ทางสาธารณะ แต่มีการจดทะเบียนซื้อขาย ที่ดินมูลค่ารวมกัน 3,148,300 บาท และที่ดินที่มีภาระจํายอมไม่มีบทบัญญัติห้ามเจ้าของภารยกทรัพย์ ขายหรือจําหน่ายจ่ายโอนแต่อย่างใด จึงยังเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถจําหน่ายจ่ายโอนและ มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ อีกทั้งผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสมิได้อุทิศที่ดินดังกล่าวเป็นทางสาธารณะ เพื่อแสดงเจตนาไม่ถือเอาประโยชน์จากที่ดินดังกล่าวแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาทราบดี อยู่แล้วว่า ตนและคู่สมรสมีทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ในขณะที่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง จึงทําให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน ผู้ร้องจึงมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่ง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ในส่วนของรายการที่ดิน 13 แปลง ขอให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่ง นับแต่วันที่มีคําวินิจฉัย ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ พ้นจากตําแหน่ง กับลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควร แจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 254 มาตรา 41, 119
ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า นายประชา ไพประพันธ์ ผู้ถูกกล่าวหา จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40 ประกอบมาตรา 32, 33 และ 39 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพ้นจากตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบล สวนหลวง อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ที่ดํารงอยู่ในปัจจุบันนับแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําวินิจฉัย ห้ามมิให้ ผู้ถูกกล่าวหาดํารงตําแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเฉพาะตําแหน่งที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินตามมาตรา 39 และ 40 เป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารง ตําแหน่งทางการเมืองมีคําวินิจฉัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 วรรคหนึ่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จําคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเคยได้รับโทษจําคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ มีกําหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชําระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ตรวจสอบพยานหลักฐานในชั้นไต่สวนประกอบรายงานของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้แย้งกันในชั้นอุทธรณ์รับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหา เข้ารับตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง (นักบริหารงานท้องถิ่น ระดับสูง) อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 หลังจากนั้นผู้ร้องมีประกาศกําหนดให้ตําแหน่ง เจ้าหน้าที่รัฐดังกล่าวมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง โดยใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2560 ต่อมาวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง (นักบริหารงานท้องถิ่น ระดับสูง) อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร โดยไม่แสดงรายการทรัพย์สิน เป็นที่ดิน 13 แปลง ได้แก่ ที่ดินโฉนดเลขที่ 3215 ตําบลสวนหลวง อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัด สมุทรสาคร ของผู้ถูกกล่าวหาที่ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับพลตํารวจตรี สมเกียรติ แสงสินศร ที่ดินโฉนด เลขที่ 9337 และ 66302 ตําบลคลองมะเดื่อ อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ของนางศิรินันท์ ไพประพันธ์ คู่สมรสของผู้ถูกกล่าวหา และที่ดินโฉนดเลขที่ 940, 2085, 45815, 45186, 70932, 70944, 70947, 70979, 70982 และ 79091 ตําบลสวนหลวง อําเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ที่นางศิรินันท์ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับนางสาวนิธิชา ศรีบัว ซึ่งเป็นที่ดินในหลายโครงการ ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของการไม่แสดงรายการทรัพย์สิน ดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงว่า ที่ดินทั้ง 13 แปลง มีสภาพเป็นถนนคอนกรีตพร้อมท่อระบายน้ำ มีการจดทะเบียนภาระจํายอมให้ที่ดินแปลงอื่นใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกทางสาธารณะ ซึ่งไม่อาจ นําไปขายได้ จึงเข้าใจว่าไม่ต้องนํามายื่นแสดงเป็นทรัพย์สิน ผู้ร้องมีมติว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สิน หรือหนี้สินจึงยื่นคําร้องเป็นคดีนี้ หลังจากนั้นผู้ถูกกล่าวหาพร้อมกับคู่สมรสและผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมได้ จดทะเบียนยกที่ดินทั้ง 13 แปลง ตามคําร้องในส่วนที่มีชื่อผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ อยู่ให้เป็นทางสาธารณะแล้ว
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหามีว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตําแหน่งปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวงหรือไม่
ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์ว่า ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีเจตนาปกปิดทรัพย์สินที่ดินทั้ง 13 แปลง กล่าวคือ ผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรส ไม่มีรายได้จากการขายที่ดินแปลงย่อยในขณะหรือระหว่างที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สิน การจดทะเบียนภาระจํายอมแก่ที่ดินแปลงย่อยที่ขายนั้นไม่มีค่าตอบแทน ผู้ถูกกล่าวหา เชื่อว่าที่ดินทั้ง 13 แปลง ไม่อาจขายได้ เมื่อแบ่งขายที่ดินแปลงย่อยเสร็จสิ้นแล้วผู้ถูกกล่าวหาก็จะยก ที่ดินทั้ง 13 แปลง ให้เป็นทางสาธารณะ ผู้ถูกกล่าวหามิได้หลีกเลี่ยงการขอจัดสรรที่ดินอันจะเป็น มูลเหตุจูงใจทําให้ไม่แสดงที่ดินทั้ง 13 แปลง ส่วนที่ได้แบ่งขายที่ดินแปลงย่อยในบริเวณเดียวกันนั้น เป็นการซื้อที่ดินในภายหลังต่อเชื่อมกับโครงการเดิม ที่ดินทั้ง 13 แปลงไม่อาจใช้เป็นหลักทรัพย์ ประกันหนี้ได้ และปัจจุบันผู้ถูกกล่าวหาได้จดทะเบียนยกที่ดินทั้ง 13 แปลง ให้เป็นทางสาธารณะแล้ว นั้น องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์มีมติเสียงข้างมากเห็นว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกาศ กําหนดมีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุ นิติภาวะต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทุกครั้งที่เข้ารับตําแหน่ง เพื่อให้มีการตรวจสอบความถูกต้อง และความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและหนี้สิน หากเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใดจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กําหนด หรือจงใจ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ย่อมถูกจํากัดสิทธิและได้รับโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 และมาตรา 119 ซึ่งการที่จะ ถือว่าจงใจตามบทบัญญัติดังกล่าว จะต้องเป็นการกระทําโดยรู้สํานึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการ กระทําของตน ในกรณีนี้คือทําให้เสียหายแก่การตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สิน และหนี้สินอันเป็นวัตถุประสงค์ของกฎหมาย สําหรับที่ดินทั้ง 13 แปลง ตามคําร้องเป็นทรัพย์สินที่ ผู้ถูกกล่าวหาได้มาจากการจดทะเบียนซื้อขาย เฉพาะที่ดินบางส่วน 10 แปลง มีมูลค่ารวมกัน 3,148,300 บาท แล้วได้นํามาเป็นสินทรัพย์สําหรับการประกอบธุรกิจแบ่งขายที่ดินแปลงย่อย อันเป็นกิจการแสวงหากําไร โดยผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย ผู้ถูกกล่าวหาจึงต้อง ทราบดีถึงความมีอยู่ของที่ดินทั้ง 13 แปลง ฉะนั้น ตราบใดที่ผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสยังมีกรรมสิทธิ์ ในที่ดินทั้ง 13 แปลง ก็จะต้องแสดงรายการทรัพย์สินที่ดินทั้ง 13 แปลง ไว้ในบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหนี้สินด้วย หากผู้ถูกกล่าวหาจะยกข้ออ้างที่ทําให้ตนเข้าใจว่าไม่ต้องแสดงรายการ ทรัพย์สินที่ดินทั้ง 13 แปลง ก็จะต้องแสดงเหตุผลสนับสนุนให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้จงใจที่จะปกปิดข้อความจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ซึ่งในข้อนี้ผู้ถูกกล่าวหากล่าวอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาเชื่อว่าที่ดิน ทั้ง 13 แปลง ไม่อาจขายได้ในทางพฤตินัย เนื่องจากที่ดินมีสภาพเป็นถนนคอนกรีตและท่อระบายน้ำ มีการจดทะเบียนภาระจํายอมให้ที่ดินแปลงอื่นใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกทางสาธารณะ และไม่อาจ นําไปเป็นหลักประกันในการกู้ยืมเงินธนาคารได้ จึงไม่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่ความที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อจํากัดบางอย่างในการใช้ประโยชน์ที่ดินหรือเสนอขายที่ดิน การที่ผู้ถูกกล่าวหา และคู่สมรสได้ร่วมลงทุนซื้อที่ดินทั้ง 13 แปลง โดยที่ดิน 10 แปลง มีมูลค่ารวม 3,148,300 บาท จากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยและบุคคลอื่นมาในสภาพที่เป็นถนนและท่อระบายน้ำ หรือนํามา แบ่งแยกและกันเป็นถนน ย่อมแสดงให้เห็นชัดแจ้งอยู่ในตัวว่าที่ดินทั้ง 13 แปลง มิได้ไร้มูลค่าทาง เศรษฐกิจดังที่อ้าง และยังสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่พันตํารวจเอก อดุลย์ ชายภักตร์ ขายที่ดินแปลง หนึ่งให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาอีกด้วย แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะอ้างว่า ผู้ถูกกล่าวหาจดทะเบียนภาระจํายอม ให้ที่ดินแปลงอื่นใช้ประโยชน์เป็นทางเข้าออกทางสาธารณะโดยไม่มีค่าตอบแทนก็ตาม แต่ผู้ถูกกล่าวหา ย่อมจะได้รับผลตอบแทนจากการซื้อที่ดินทั้ง 13 แปลง นี้กลับคืนมาในรูปของรายได้จากการแบ่งขาย ที่ดินแปลงย่อย ประกอบกับการจดทะเบียนภาระจํายอมให้แก่ที่ดินแปลงอื่นแต่ละครั้งจะต้องกระทํา โดยเจ้าของที่ดินจึงเป็นข้อแสดงให้เห็นว่าผู้ถูกกล่าวหายังมีเจตนายึดถือที่ดินทั้ง 13 แปลง การถือครอง ที่ดินทั้ง 13 แปลง นี้ถือเป็นข้อความจริงที่ผู้ถูกกล่าวหาต้องแจ้งให้ผู้ร้องทราบ ข้ออ้างของผู้ถูกกล่าวหา เป็นเพียงความเข้าใจของผู้ถูกกล่าวหาเองฝ่ายเดียวโดยไม่มีบทกฎหมายหรือเหตุผลอันควรสนับสนุน ส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้างอีกว่า ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาจะยกที่ดินทั้ง 13 แปลง ให้เป็นทางสาธารณะ หลังจากแบ่งขายที่ดินแปลงย่อยเสร็จสิ้นแล้ว นั้น เป็นเพียงการอ้างถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวหามีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน จึงไม่เป็นเหตุลบล้าง หน้าที่ตามกฎหมายของผู้ถูกกล่าวหาตามที่เป็นอยู่ในเวลานั้นได้ แม้ปัจจุบันผู้ถูกกล่าวหาพร้อมกับ คู่สมรสและผู้ถือกรรมสิทธิ์รวมได้จดทะเบียนยกที่ดินทั้ง 13 แปลง ตามคําร้องในส่วนที่มีชื่อผู้ถูกกล่าวหา และคู่สมรสเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์อยู่ให้เป็นทางสาธารณะดังที่อ้างแล้ว แต่ก็เป็นการกระทําอันเป็นการ ขัดแย้งกับเจตนาเดิมของผู้ถูกกล่าวหาที่จะยกให้เป็นทางสาธารณะต่อเมื่อขายที่ดินแปลงย่อยเสร็จแล้วการที่ผู้ถูกกล่าวหาเปลี่ยนมายกที่ดินให้เป็นทางสาธารณะหลังจากผู้ร้องยื่นคําร้องคดีนี้ จึงไม่อาจ พิสูจน์เจตนาของผู้ถูกกล่าวหาขณะยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินได้ พยานหลักฐานตาม ทางไต่สวนรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสาร ประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตําแหน่ง ปลัดเทศบาลตําบลสวนหลวง ปัญหาอื่นตามอุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหานอกจากนี้เป็นข้อปลีกย่อย ไม่ทําให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่จําต้องวินิจฉัย ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทาง การเมืองพิพากษามานั้นชอบแล้ว อุทธรณ์ของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.
อ่านเรื่องเกี่ยวข้อง:
คดีขาดอายุความ! ศาลฎีกาฯยกคำร้อง นายก อบต. แสนทอง จ.น่าน ยื่นบัญชีฯเท็จ
คุก 1 เดือน นายก อบต. ใน จ.สิงห์บุรี ปัตตานี คดีบัญชีทรัพย์สิน -รอลงโทษ 1 ปี
ยื่นบัญชีฯเท็จ! ศาลฎีกาฯคุก 1 เดือน นายก อบต.บางพรม จ.สมุทรสงคราม รอลงโทษ 1 ปี
ให้พ้นตำแหน่ง! ศาลฎีกาฯฟันรองนายกเทศมนตรี จ.สุรินทร์ ซุกทรัพย์สิน ป.ป.ช. 4 ครั้ง
ศาลฎีกาฯยกคำร้อง ‘เล็ก เมืองนนท์’ยื่นบัญชีฯเท็จ เหตุขาดอายุความ-เคยถูก ตร.ยุคบิ๊กโจ๊กสอบ
ศาลฎีกาฯคุก 1 ด.-รอลงโทษ รองนายกอบต. จ.สตูล -รองเทศมนตรี จ.สุราษฎร์ฯ ไม่ยื่นบัญชีฯ
ลอตใหม่ปี 63 !ศาลฎีกาฯฟัน 6 คดีบัญชีทรัพย์สิน-ให้นายก อบต.บางขนุน นนทบุรี พ้นทันที
รายชื่อ 117 นักการเมือง ถูกศาลฎีกาฯฟันคดียื่นบัญชีทรัพย์สิน-ท้องถิ่น 110 คน
INFO: 28 นักการเมือง หลุดคดีบัญชีทรัพย์สิน ปี 62
รายชื่อ 28 นักการเมือง ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง คดีบัญชีทรัพย์สินปี 62
INFO: 117 นักการเมือง ศาลฎีกาฯ ฟัน จงใจยื่น‘บัญชีฯเท็จ-ไม่ยื่น’ป.ป.ช. ปี 2562
ปี 62 นักการเมือง 117 คนถูกศาลฎีกาฯฟันคดีบัญชีทรัพย์สิน-รองนายก อบต.มากสุด 51 ราย