อนค.งัดหลักฐานโชว์ปมโอนหุ้น‘ธนาธร’-หลาน 2 คนมาเพื่อตามหนี้ หอบเอกสารแจง กกต.แล้ว

เขียนวันที่

วันจันทร์ ที่ 22 เมษายน 2562 เวลา 12:10 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าว | Isranews | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

พรรคอนาคตใหม่ | บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด | ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

พรรคอนาคตใหม่ โชว์หลักฐาน-แจงปม ‘ธนาธร’ โอนหุ้น บ.วี-ลัคฯ ยันคำเดิมดำเนินการ 8 ม.ค. 62 ส่วนกรณีอยู่ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงได้กลับมา กทม. ก่อนนั่งเครื่องต่อ งัดข้อมูลการใช้บัตรทางด่วน ปมโอนหุ้นให้หลาน ‘ทวี-ปิติ’ เพื่อให้ติดตามหนี้ 11 ล้านคืน - ทีมกฎหมายหอบเอกสารยื่นชี้แจง กกต. แล้ว

PIC thanatorn 22 4 62 1

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2562 พรรคอนาคตใหม่ได้จัดทำสไลด์ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด สรุปสาระสำคัญได้ว่า เหตุแห่งการโอนหุ้นของนายธนาธรนั้น เพื่อเตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. โดยยืนยันว่านายธนาธร และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา โอนหุ้นบริษัท วี-ลัคฯ ให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 โดยแสดงหลักฐานเป็นตราสารการโอนหุ้น เช็คชำระค่าหุ้น และสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น (ดูเอกสารประกอบ)

PIC แจงหน 1

ส่วนกรณีสำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า ระหว่างวันที่ 7-9 ม.ค. 2562 นายธนาธร เดินสายหาเสียงอยู่ต่างจังหวัด แต่ยืนยันว่าทำสัญญาการโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 ที่กรุงเทพมหานครนั้น ชี้แจงว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ม.ค. 2562 เดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ โดยมีหลักฐานเป็นข้อมูลการใช้บัตรทางด่วน หลังจากนั้นได้เดินทางต่อในเช้าวันที่ 9 ม.ค. 2562 โดยหลักฐานเป็นข้อมูลการจองตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ-นครศรีธรรมราช ในวันที่ 7 ม.ค. 2562 และเดินทางในเวลา 08.30 น. เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2562

PIC แจงหน 2

PIC แจงหน 3

พรรคอนาคตใหม่ชี้แจงอีกว่า นายธนาธร และผู้ร่วมหุ้น ตัดสินใจจะปิดกิจการบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ทว่ามีลูกหนี้ที่ค้างชำระอีกประมาณ 11 ล้านบาทเศษ นางสมพรเห็นสมควรว่าควรติดตามหนี้ที่เหลือคืน ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2562 นางสมพร โอนหุ้นของตนให้นายทวี และนายปิติ ซึ่งมีสถานะเป็นหลานโดยมุ่งหมายให้เข้ามาดูแลกิจการบริษัท และติดตามหนี้จากลูกหนี้ค้างชำระ โดยมีหลักฐานเป็นสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของนายทวี และนายปิติ อย่างไรก็ดีภายหลังพบว่า ยอดหนี้ 11 ล้านบาทเศษเป็นหนี้คงค้างชำระสมทบมาหลายปี กลายเป็นหนี้เสีย ไม่สามารถทวงคืนได้ จึงดำเนินการปิดบริษัทต่อไป

PIC แจงหน 4

หลังจากนั้นนางรวิพรรณ ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทในวันที่ 18 มี.ค. 2562 โดยมีผลในวันที่ 19 มี.ค. 2562 โดยในวันที่ 19 มี.ค. 2562 มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2562 มีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมการประชุม 10 คน โดยผู้ถือหุ้น 4 คนปรากฏตัวในที่ประชุมด้วยตัวเอง ส่วนผู้ถือหุ้นอีก 6 คน ได้มอบฉันทะให้ผู้ถือหุ้นอีก 4 คนเข้าประชุมแทน
โดยในวันที่ 21 มี.ค. 2562 นายทวี นายปิติ และผู้ถือหุ้นอีก 3 ราย ได้โอนหุ้นให้นางสมพร โดยมีหลักฐานเป็นตราสารโอนหุ้น และสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของนายปิติ และนายทวี หลังจากนั้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ได้ยื่นสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นตามแบบ บอจ.5 ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในวันที่ 21 มี.ค. 2562

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. ทีมกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ นำเอกสารหลักฐานเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนี้ โดยนายวรวุฒิ บัตรมาตร ทีมกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ ไม่สามารถทำให้ถูกกฎหมายกว่านี้ได้แล้ว วันนี้ตนได้นำหลักฐาน ทั้งตราสารโอนหุ้น เช็คชำระค่าหุ้น และหลักฐานประกอบทางกฎหมาย มาเข้าให้ข้อมูลในวันนี้ ส่วนกรณีตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 นายธนาธร หาเสียงอยู่ จ.บุรีรัมย์ นั้น ยืนยันว่า วันดังกล่าวนายธนาธรอยู่ จ.บุรีรัมย์ จริง แต่อยู่เฉพาะช่วงเช้า จากนั้นเดินทางกลับมา กทม. เพื่อทำการโอนหุ้น

PIC แจงหน 5

สำนักข่าวอิศรารายงานด้วยว่าในวันเดียวกันนี้ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้แถลงข่าวในประเด็นดังกล่าวด้วยเช่นกัน

โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ออกมาแถลงข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ เพราะว่าพรรคอนาคตใหม่ต้องการที่จะแสดงหลักฐานต่างๆในการชี้แจงต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ในครั้งเดียวเลย แต่อย่างไรก็ตาม ทาง กกต.ก็ไม่ได้มีการเรียกพรรคอนาคตใหม่ให้เข้าไปชี้แจงในประเด็นนี้แต่อย่างใด จนกระทั่งทางพรรคอนาคตใหม่ได้มาทราบข้อมูลจากสื่อมวลชนว่า แหล่งข่าวระดับสูงใน กกต.ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในวันที่ 22 เม.ย.2562 นี้ คณะกรรมการช่วยตรวจสอบฯ ดังกล่าว ที่มีนายวินัย ดำรงค์มงคลกุล เป็นประธาน จะมีการนัดหมายประชุมคณะกรรมการฯ และคาดว่าภายหลังการประชุมจะมีความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อนำเสนอ กกต. ซึ่งจะพิจารณาเรื่องนี้ ในวันอังคาร 23 เม.ย.นี้ ถ้า กกต.เห็นว่า ข้อกล่าวหามีมูลจะทำหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อให้นายธนาธรมาชี้แจงต่อไป

นายปิยบุตรกล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคอนาคตใหม่ไม่เคยทราบข้อมูลดังกล่าวนี้และไม่เคยให้พรรคอนาคตใหม่เข้ามาชี้แจงเลย ดังนั้นถ้าหากทาง กกต.ได้พิจารณาในประเด็นนี้เพียงแค่ข้อมูลด้านเดียว ก็จะเกิดประเด็นการพิจารณาโดยไม่ยุติธรรมเกิดขึ้น ดังนั้นกรณีนี้จึงเป็นเหตุทำให้พรรคอนาคตใหม่ต้องออกมาแถลงข่าว และทำให้ต้องมีการมอบอำนาจไปยังฝ่ายกฎหมายเพื่อไปยื่นพยานหลักฐานกับทาง กกต.ด้วย

นายปิยบุตร ยืนยันต่อว่า มีเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหลักฐานการโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อาทิ เอกสารตราสารโอนหุ้นที่เขียนว่าใครโอนหุ้นกับใคร หุ้นตัวละกี่บาท เอกสารโนตารี่ที่มีการทำขึ้นจริง ใบหุ้น และมีเช็คขีดคร่อมสั่งจ่ายผู้ถือ สมุดทะเบียนหุ้น ดังนั้นจึงมีข้อมูลพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีการโอนหุ้นกันจริงในวันที่ 8 ม.ค.

นายปิยบุตร กล่าวว่า ตามกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1129 วรรค 2 นั้นระบุว่าการโอนหุ้นจะมีผลสมบูรณ์ทางกฎหมาย เมื่อทำเป็นหนังสือและผู้ที่โอนหุ้นและผู้รับโอนหุ้น ลงนามกันพร้อมกับมีพยานและมีหมายเลขหุ้น เพื่อยืนยันว่าหุ้นนั้นถูกโอนไปเรียบร้อยแล้ว และในมาตรา 1129 วรรค 3 ระบุว่าถ้าจะให้การโอนหุ้นนั้นมีผลต่อบริษัทและบุคคลภายนอกก็จะต้องมีการจดแจ้งในหนังสือทะเบียนผู้ถือหุ้น ถ้าหากดูเอกสารต่างๆก็พบว่ามีเอกสารครบหมดแล้ว และมีการจดแจ้งลงไปในสมุดทะเบียนเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ดังนั้นจึงถือว่าวันที่ 8 ม.ค.การโอนหุ้นของนายธนาธร และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา จึงมีความสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว

นายปิยบุตรกล่าวว่า แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีประเด็นที่สื่อไปนำสืบว่าในวันที่ 8 ม.ค. นายธนาธรไปอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ แล้วจะโอนหุ้นได้อย่างไร ต้องขอเรียนว่าในวันที่ 8 ม.ค.นั้นนายธนาธรได้หาเสียงที่ จ.บุรีรัมย์ในช่วงเช้าและขึ้นเวทีในช่วงบ่าย ก่อนที่จะขึ้นรถตู้กลับมาจาก จ.บุรีรัมย์ตั้งแต่ช่วงบ่ายเพื่อจะมาทำภารกิจในการโอนหุ้น โดยมีหลักฐานเป็นค่าใบเสร็จอีซี่พาสชัดเจนว่านายธนาธรได้มาถึงกรุงเทพประมาณ 4 โมงเย็น โดยข้อมูลในใบเสร็จอีซี่พาสระบุว่าเป็นช่วงเวลาประมาณบ่าย 3 โมง และในวันที่ 8 ม.ค.นายธนาธรก็ได้นอนค้างอยู่ที่บ้าน ก่อนที่วันที่ 9 ม.ค.นายธนาธรจะได้เดินทางด้วยเครื่องบินไปทำภารกิจที่ จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงเช้า

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่าตามช่วงเวลาแล้ว เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น นางสมพรได้โอนหุ้นไปยังนายทวี จรุงสถิตพงศ์และนายปิติ จรุงสถิตพงศ์ ผู้เป็นหลานชาย ส่วนสาเหตุที่นางสมพรได้โอนหุ้นนั้นก็ต้องชี้แจงก่อนว่าเดิมบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด นั้นตั้งใจจะปิดบริษัทตั้งแต่ปลายปี 2561 แต่ปรากฏว่ามีหนี้ค้างชำระประมาณ 11 ล้านบาท ทางฝ่ายบัญชีของบริษัทก็แนะนำว่าอย่าพึ่งปิด เสียดายหนี้ที่ค้างอยู่ ควรจะทางการชำระหนี้ที่ค้างชำระไว้ให้เสร็จ

" ดังนั้นนางสมพรจึงเกิดดำริว่าควรจะให้หลานๆเข้ามาทำธุรกิจ ได้เข้ามารู้ประสบการณ์การตามทวงหนี้ จึงได้ทำการโอนหุ้นไปให้นายทวีและนายปิติในวันที่ 14 ม.ค. ดังนั้นจึงขอเรียงช่วงเวลาตามนี้ว่าหลังจากวันที่ 8 ม.ค.บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด มีผู้ถือหุ้นจำนวน 8 คนหลังจากที่นายธนาธรและนางรวิพรรณได้โอนหุ้นออกไป พอมาถึงวันที่ 14 ม.ค. ก็กลับมามีผู้ถือหุ้นจำนวน 10 คนอีกเพราะมีการโอนหุ้นของนางสมพรไปให้กับนายทวีและนายปิติ ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มี.ค. นางรวิพรรณลงนามในหนังสือลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท ทั้งๆไม่มีหุ้นเหลืออยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามตามกฎหมายนั้นระบุว่าแม้จะไม่มีหุ้น แต่ก็เป็นกรรมการบริษัทได้ ดังนั้นเพื่อความสง่างาม นางรวิพรรณจึงได้ทำหนังสือลงนามว่าจะลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัทด้วย โดยให้มีผลในวันที่ 19 มี.ค.

นายปิยบุตร กล่าวว่าในวันที่ 19 มี.ค.บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด มีการประชุมผู้ถือหุ้นกัน มีผู้ถือหุ้น 10 คน โดยมีนายทวีและนายปิติเข้ามาด้วย แต่ว่าในการประชุมครั้งนั้นมีการประชุมเข้าร่วมจริงๆแค่ 4 คน ซึ่งสาเหตุที่มีแค่ 4 คนเพราะตามกฎหมายนั้นระบุว่าผู้ถือหุ้นนั้นสามารถมอบฉันทะให้ผู้ถือหุ้นคนอื่นประชุมและลงมติแทนตัวเองได้ ส่วนวาระการประชุมวันที่ 19 มี.ค.มีดังต่อไปนี้ 1.แจ้งการลาออกของนางรวิพรรณ 2.แจ้งการเปลี่ยนแปลงจำนวนผู้ถือหุ้นและมีมติให้เลิกบริษัทด้วยเหตุผลว่าฝ่ายบัญชีของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด นั้นได้สำรวจแล้วว่าหนี้ที่ยังค้างชำระอยู่กับทางบริษัทจำนวน 10 ล้านบาทเศษนั้น เป็นหนี้เสียหรือเอ็นพีแอล ซึ่งทวงไม่ได้แล้ว ดังนั้นนายทวีและนายปิติจึงได้มีการโอนหุ้นกลับมาให้กับนางสมพร เพื่อให้นางสมพรมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปิดบริษัทเช่นเดียวกับผู้ถือหุ้นอีก 3 คนก็โอนหุ้นกลับไปยังนางสมพรเพื่อจะให้นางสมพรได้มีหุ้นเบ็ดเสร็จในการบริหารงานช่วงสุดท้าย

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่าในช่วงวันที่ 21 มี.ค.ก็มีเอกสารครบถ้วนในประเด็นเรื่องการโอนหุ้นเรียบร้อยแล้ว และในวันนั้นบริษัทก็ได้นำเอาเอกสารสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หรือตามภาษาธุรกิจเรียกว่าเอกสาร บอจ. 5 ไปยื่นกลับกรมธุรกิจการค้า ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามมาตรา 1139 วรรค 2 ได้เขียนเอาไว้ว่าให้กรรมการส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าปีละ 1 ครั้ง และไม่ช้ากว่าวันที่ 14 นับจากวันประชุมสามัญ ดังนั้นการยื่นเอกสาร บอจ. 5ไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันที่ 21 มี.ค.หลังจากวันที่ 19 มี.ค. ซึ่งมีการประชุม ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย

นายปิยบุตรกล่าวย้ำว่า "ในประเด็นที่มีคนไปตั้งข้อสังเกตทำไมโอนหุ้นกันตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.แล้วแต่เพิ่งจะไปแจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันที่ 21 มี.ค. ในจุดนี้ก็ต้องขอชี้แจงว่ากระบวนการตามกฎหมายนั้นการโอนหุ้นเสร็จสิ้นไปแล้วนับตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ซึ่งเป็นวันที่มีเอกสารและพยานครบถ้วน ส่วนกรณีที่ไปแจ้งเหตุผลต่อนายทะเบียนซึ่งก็คือกรมธุรกิจการค้าในวันที่ 21 มี.ค.นั้น ก็เป็นเพราะว่าตามกฎหมายก็ระบุเองว่าต้องยื่นภายใน 14 วันนับจากวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นดังกล่าว"

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/