คนละมุม! สหกรณ์วิเศษฯปูดเบื้องหลัง VS ดีเอสไอ คดีจัดซื้ออาหารดิบ-อายัด 200 ล.
เปิดคำแถลงละเอียดยิบ สหกรณ์วิเศษฯ VS ดีเอสไอ คดีจัดซื้ออาหารดิบเรือนจำ จ.สุพรรณบุรี-อายัดเงิน 200 ล. ฝ่ายหลังแจงทำตามหน้าที่ ซัดคู่กรณีไม่ได้ค้าอาหารดิบ ขณะที่ฝ่ายแรกโต้ 6 ข้อ ปูดผู้ร้องเป็นญาติผู้ค้ารายใหญ่ ชี้ควรแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนหว่านแห รองอธิบดีโทร.เรียกพบบอกให้ทำเต็มที่แต่ให้ถอนเฉพาะไม่เกี่ยวข้อง ข้องใจไม่แจงปมสั่งกรมราชทัณฑ์อายัดค่างวดเรือนจำอื่น
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2561 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำสั่งรับฟ้องโจทก์ และให้นัดไต่สวนมูลฟ้องเฉพาะผู้รับมอบอำนาจโจทก์ ในวันที่ 5 มิ.ย.2561 คดีระหว่าง สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด โดยนายสำรวย วงษ์สนอง ผู้รับมอบอำนาจ โจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท. มนตรี บุณยโยธิน ที่ 1 , ร.ต.อ. กำพล สุจินันท์กุล ที่ 2, พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง ที่ 3 (อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ) กล่าวหาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ กรณีสั่งอายัดบัญชีธนาคารของโจทก์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและการสืบสวนสอบสวนใช้ระยะเวลานานเกินสมควร ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย รวม 6 ข้อกล่าวหา (คดีหมายเลขดำที่ อท.469/2560)
@ ดีเอสไอแจงความเป็นมาก่อนรับเป็นคดี
ต่อมา วันที่ 1 มี.ค. 2561 คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ชี้แจงกรณีที่นายสำรวย วงษ์สนอง ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ได้นำคณะเดินทางไปยังศูนย์บริการประชาชน สำนักนายกรัฐมนตรี และยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาเพื่อขอทราบผลการร้องเรียน กรณีที่ได้ยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมที่ถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษ อายัดเงินค่าอาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง จนปรากฏข่าว ในสื่อออนไลน์ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า ตามที่นายสำรวย ปธ.สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ และคณะ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อขอทราบผลการร้องเรียนและระบุเงินที่ถูกอายัดนั้นเป็นเงินที่สหกรณ์ต้องนำไปชำระหนี้ให้กับตัวแทนสหกรณ์ทั้งที่ยังไม่ทำการสืบสวนและแจ้งข้อกล่าวหากับสหกรณ์ รวมทั้งอ้างถึงกรณีที่สหกรณ์ได้ยื่นฟ้องผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่าศาลรับฟ้องแล้วเป็นเหตุให้หมดความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ และประเด็นอื่นๆ นั้น เพื่อให้สาธารณชนทราบและเข้าใจถึงวิธีการปฏิบัติงานของ "ดีเอสไอ" จึงขอชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1. เรื่องนี้ สืบเนื่องจาก เมื่อเดือน ต.ค.58 "ดีเอสไอ" ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า "โครงการจัดซื้ออาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังในเรือนจำต่างๆ ของกรมราชทัณฑ์" ไม่สุจริต ไม่โปร่งใส ทั้งการจัดซื้ออาหารดิบเข้าเรือนจำยังเป็นช่องทางในการลักลอบนำสิ่งของผิดกฎหมาย , ยาเสพติด และสิ่งของต้องห้ามเข้าสู่เรือนจำ ดังนั้นเนื่องจากกรณีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการเสนอขายสินค้าหรือบริการแก่รัฐที่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ที่อาจเป็นคดีพิเศษ "อธิบดีดีเอสไอ" จึงมีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อทราบข้อมูลเบื้องต้น โดยเป็นสำนวนตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ 233/2558 อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 และต่อมาการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบมูลความผิดเพียงพอกล่าวหาและดำเนินคดีพิเศษ จึงรับไว้เป็นคดีพิเศษที่ 122/2559
2. จากการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน พบว่าการจัดซื้ออาหารดิบสำหรับ ใช้เลี้ยงผู้ต้องขังในเรือนจำต่างๆ ของกรมราชทัณฑ์นั้น ได้มีมติ ครม.เมื่อวันที่ 25 ก.ค.32 เห็นชอบให้สิทธิพิเศษประเภทไม่บังคับแก่หน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับการจำหน่ายข้าวสารและเครื่องบริโภคตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งมีสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า หากส่วนราชการประสงค์จะซื้อสินค้าประเภทเครื่องบริโภคจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) , องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) , องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย , องค์การผลิตอาหารสำเร็จรูป , องค์การอุตสาหกรรมห้องเย็น , ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด หรือสถาบันเกษตรกรที่อยู่ ในพื้นที่ใกล้ที่สุด ให้แจ้งหน่วยงานและหรือสถาบันเกษตรกรดังกล่าว ไม่น้อยกว่า 3 ราย เพื่อมาเสนอราคาและให้ซื้อจากรายที่เสนอราคาต่ำสุด โดยวิธี “กรณีพิเศษ” และต่อมาได้มีมติ ครม.เมื่อวันที่ 25 พ.ย.53 ให้สิทธิพิเศษ (1) อคส. (2) อตก. (3) องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย (4) ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด และ (5) สถาบันเกษตรกร ในการจำหน่ายข้าวสาร เครื่องอุปโภคและบริโภค ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐที่มุ่งช่วยเกษตรกรในการขายสินค้าเครื่องอุปโภคและบริโภคให้แก่รัฐโดยตรง โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เนื่องจากสถาบันเกษตรกรเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มเกษตรกรโดยตรง ส่วนองค์การต่างๆ ก็จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอยู่แล้ว แต่เพื่อให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุดจึงให้กลุ่มผู้มีสิทธิแข่งขันราคากันเองอีกชั้นหนึ่ง
@ซัดสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ ไม่ได้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับอาหารดิบ
โดยเมื่อ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 เข้าทำการสอบสวนเพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่า "สหกรณ์วิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง" ได้ใช้สิทธิในฐานะสถาบันเกษตรกร เข้าแข่งขันในการเสนอราคาอาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังในเรือนจำด้วยวิธีกรณีพิเศษ หลายพื้นที่ และพบว่าสหกรณ์และสมาชิกสหกรณ์ ไม่ได้ดำเนินกิจการเกี่ยวกับอาหารดิบ (อาหารดิบเป็นรายสิ่งและเครื่องปรุง) และมีพฤติการณ์บางประการที่อาจเข้าข่ายความผิดในการตกลงร่วมกันในการเสนอราคาเพื่อให้ประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดเป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม และมีเงินที่ได้จากการกระทำความผิดเกิดขึ้นจึงได้อายัดเงินดังกล่าวไว้ และมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องมารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนเอกสารที่ผู้ร้องยื่นต่อกรมเพื่อขอความเป็นธรรมก็มีการมอบให้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษรับไว้ประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วยแล้ว
@อ้าง ผู้บริหารสหกรณ์ฯเข้าใจปมถูกอายัดเงิน แต่ขัดข้องเรื่อง 200 ล.
3. ประเด็นเกี่ยวกับการอายัดเงินของสหกรณ์นั้น ผู้บริหารสหกรณ์ได้เข้าพบผู้บริหารดีเอสไอ เมื่อวันที่ 19 ก.พ.61 เพื่อรับฟังคำชี้แจงแนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินที่อายัด โดยผู้บริหารสหกรณ์เข้าใจและยอมรับในเหตุผลที่มีการดำเนินคดีอาญาและการอายัดเงินในส่วนการจัดหาอาหารดิบของปีงบประมาณ พ.ศ.2559 แต่ขัดข้องในกรณีที่ถูกอายัดเงินในปีงบประมาณ พ.ศ.2560 จำนวน 200 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ได้ดำเนินคดีกับสหกรณ์ในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากกรมราชทัณฑ์ไม่ร้องทุกข์ดำเนินคดีกับสหกรณ์ ซึ่งในส่วนนี้อธิบดีดีเอสไอได้มีคำสั่ง เมื่อวันที่ 20 ก.พ.60 ซึ่งท้ายบันทึกรายงานผลการประชุมร่วมกับตัวแทนสหกรณ์ ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ดำเนินการรายงานข้อเท็จจริง และประสานงานกับฝ่ายกฎหมายของกรมราชทัณฑ์แล้ว
@ ศาลรับฟ้องกระบวนการปกติ ไม่หมดความชอบธรรม
4. สำหรับประเด็นที่ระบุว่า สหกรณ์ได้ยื่นฟ้องผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว และอ้างว่าศาลรับฟ้องแล้วเป็นเหตุให้หมดความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีภาพรายงานกระบวนพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฉบับลงวันที่ 20 ก.พ.61 ที่สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ฟ้องผู้บริหารและคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ดำเนินคดีในเรื่องนี้ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ปรากฏเพียงว่าศาลรับคำฟ้องไว้และกำหนดให้นัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 5 มิ.ย.นี้ เพื่อพิจารณาว่าฟ้องของโจทก์มีมูลพอที่จะรับไว้พิจารณาคดีหรือไม่เท่านั้น ซึ่งเป็นกระบวนการปกติ ไม่ได้หมายความว่าผู้ถูกฟ้องเป็นผู้กระทำความผิดตามที่ผู้ร้องเข้าใจและเห็นว่าหมดความชอบธรรม ไม่เช่นนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่รัฐดำเนินคดีอาญากับผู้ใด ผู้นั้นก็ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐต่อศาลและทำให้หมดความชอบธรรมทุกกรณี ก็จะเกิดความเสียหายต่อราชการ อย่างไรก็ตามก็เป็นหน้าที่ของผู้ปฏิบัติงานที่จะแถลงหรือแสดงข้อเท็จจริงให้ศาลทราบถึงการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาและให้ความเป็นธรรมต่อไป จึงชี้แจงมาเพื่อทราบ
@ สหกรณ์วิเศษฯโต้ข้อมูลละเอียดยิบ 6 ข้อ
ล่าสุดวันที่ 2 มี.ค. 2561 สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด โดย นายสำรวย วงษ์สนอง ประธานกรรมการ ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวว่า ตามที่คณะโฆษกของกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการชี้แจงกรณีข้อสงสัยผลสอบคดีอาญาซื้ออาหารเรือนจำ – อายัดเงินสหกรณ์ฯ 200 ล้านบาท ผ่านสื่อมวลชน เพื่อให้สาธารณชนได้ทราบเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2561 นั้น
สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการชี้แจงของคณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าวไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริง และเข้าข่ายลักษณะของการบิดเบือน เพื่อให้สาธารณชนเกิดความสับสน และเข้าใจผิด ดังนั้น สหกรณ์ฯ จึงขอชี้แจงให้สื่อมวลชน และสาธารณชน ได้ทราบข้อเท็จจริง ดังนี้
@เปิดปมผู้ร้องเป็นญาติผู้ค้ารายใหญ่
1. สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างดีแล้วว่า ผู้ที่ร้องเรียน คือ นายประเสริฐ แซ่ซื้อ ตัวแทนองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และเป็นเครือญาติของ ผู้ค้าอาหารดิบรายใหญ่ของกรมราชทัณฑ์ รายหนึ่ง
2. การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ชี้แจงผ่านสื่อว่าการจัดซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษหน่วยงานที่ได้รับสิทธิพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี คือ องค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย องค์การคลังสินค้า องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด และสถาบันเกษตรกร แต่เพื่อให้รัฐได้ประโยชน์สูงสุด จึงให้กลุ่มที่มีสิทธิ์แข่งขันราคากันเองอีกชั้นหนึ่ง นั้นเป็นการชี้แจงที่บิดเบือนข้อเท็จจริง ดังนี้
2.1 ก่อนที่สหกรณ์จะได้สิทธิ์ในการเข้าร่วมแข่งขันการเสนอราคาโครงการจัดซื้ออาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขัง ของแต่ละเรือนจำนั้น เรือนจำจะต้องเป็นผู้ใช้ดุลพินิจในการคัดเลือกแจ้งให้หน่วยงานที่ได้รับสิทธิพิเศษ(สหกรณ์) เข้าร่วมเสนอราคาตามคำสั่งของกรมราชทัณฑ์โดยทั้งสิ้น ถ้าเรือนจำไม่แจ้งให้สหกรณ์ฯ เพื่อให้เข้าร่วมแข่งขันการเสนอราคากับหน่วยงานอื่นเช่น องค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย องค์การคลังสินค้า องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรสหกรณ์ฯ ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปร่วมเสนอราคาได้
2.2 ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ข้อ 26. การซื้อหรือการจ้างโดยวิธีกรณีพิเศษ ได้แก่ การซื้อหรือการจ้างจากส่วนราชการหน่วยงานตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถิ่น หน่วยงานอื่นซึ่งมีกฎหมายบัญญัติให้มีฐานะเป็นราชการบริหารส่วนท้องถิ่น หรือรัฐวิสาหกิจ ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เป็นผู้ผลิตพัสดุหรือทำงานจ้างนั้นเอง และนายกรัฐมนตรีอนุมัติให้ซื้อหรือจ้าง 2.3 กรมบัญชีกลางได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กค 0405.2/031214 ลงวันที่ 24 สิงหาคม 2559 ตอบข้อหารือกรมราชทัณฑ์ กรณีการจัดซื้อโดยวิธีกรณีพิเศษไว้ดังนี้
“การที่กรมฯ และเรือนจำแต่ละแห่งเลือกวิธีการจัดซื้ออาหารดิบโดยวิธีกรณีพิเศษกับหน่วยงานที่ได้รับสิทธิพิเศษในเรื่องดังกล่าวนั้น เป็นการเลือกคู่สัญญาโดยการพิจารณาคู่สัญญาที่มีคุณสมบัติว่า ต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่กรมฯ หรือเรือนจำแต่ละแห่งกำหนด ดังนั้น เมื่อหน่วยงานที่ได้รับสิทธิพิเศษรายใดได้รับคัดเลือกให้เป็นคู่สัญญาภายใต้คุณสมบัติว่าคู่สัญญารายนั้นเป็นผู้ที่สามารถปฎิบัติตามข้อกำหนด และเงือนไขที่กรมฯ และเรือนจำกำหนดได้ การที่คู่สัญญานำงานที่ตนได้รับมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ปฎิบัติตามสัญญาแทนตนนั้น จึงไม่เป็นไปตามหลักการที่หน่วยงานนั้น ๆ ได้รับสิทธิพิเศษในการตัดเลือกคู่สัญญาของกรมฯ และเรือนจำ”
ฉะนั้น ก่อนที่คณะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) จะทำการชี้แจง ในกรณีดังกล่าว ควรจะได้ศึกษาข้อระเบียบ และข้อเท็จจริงให้เข้าใจเสียก่อน
@ชี้ควรแสวงหาข้อเท็จจริงก่อนอายัด
ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษอ้างว่า สหกรณ์ฯ มีพฤติกรรมบางประการที่อาจเข้าข่ายการกระทำความผิด แล้วทำการอายัดเงินของสหกรณ์ฯ ไว้ทั้งหมดนั้น สหกรณ์ฯ เห็นว่า ก่อนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะทำการอายัดเงินของสหกรณ์ฯ กรมสอบสวนคดีพิเศษควรจะต้องทำการสืบสวนสอบสวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง พร้อมทั้งทำการแจ้งข้อกล่าวหากับสหกรณ์ฯ ให้เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อนแล้วจึงทำการอายัดเงินดังกล่าว
@เคยร้องเรียนให้ตรวจสอบต่อเนื่องตั้งแต่ยุคปู-บิ๊กตู่
2.4 ก่อนหน้านี้ สหกรณ์ฯ ได้รวบรวบเอกสารหลักฐานการจัดซื้ออาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีในข้อหาฮั้วประมูลกับองค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้าไว้แล้ว อีกทั้งตัวแทนของสหกรณ์ฯ ก็ได้เคยร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการจัดซื้ออาหารดิบฯ ของกรมราชทัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยรัฐบาลน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนถึงรัฐบาลของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มานับครั้งไม่ถ้วน ว่า องค์การตลาดกระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร และองค์การคลังสินค้า ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่ปฎิบัติให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการและได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับของหน่วยงานโดยมอบอำนาจให้เอกชนไปเสนอราคา กำหนดราคา เปลี่ยนแปลงแก้ไขรารา ต่อรองราคาแทนหน่วยงาน อีกทั้งยังมีการทุจริตโดยการเรียกร้องเงินแลกสิทธิ์ส่งอาหารนักโทษ จนนำไปสู่การจับกุมผู้บริหารระดับสูงของบางหน่วยงานดังกล่าวข้างต้น
@บิ๊กดีเอสไอโทร.เรียกพบ-สหกรณ์บอกให้ทำเต็มที่ แต่ให้ถอนอายัดเฉพาะไม่เกี่ยวข้อง
3. พันตำรวจโทประวุธ วงษศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนนายตำรวจรุ่นเดียวกัน กับ พันตำรวจโทมนตรี บุญยโยธิน ได้โทรศัพท์หา ข้าพเจ้าเพื่อขอให้ไปพบ โดยอ้างว่าจะสอบถามความต้องการของสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ว่าต้องการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำอย่างไรบ้าง
วันที่ 19 ก.พ. 2561 ข้าพเจ้าพร้อมด้วย นายประมวล โสนน้อย ผู้ช่วยผู้จัดการ นายโกศล ใสสุวรรณ ทนายความ และนายสายัณ อบเชย ได้เดินทางไปพบ พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ห้องทำงาน อาคาร B ชั้น 8 ศูนย์ราชการ
ข้าพเจ้า และทนายความได้แจ้งความต้องการของสหกรณ์ฯ ให้ พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล ทราบว่า สหกรณ์ฯ ต้องการให้กรมสอบสวนคดีพิเศษทำการถอนอายัดเงินในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีให้สหกรณ์ฯ และขอให้ดำนินคดีกับสหกรณ์ฯ ได้อย่างเต็มที่ พร้อมกับขอให้เร่งรัดสรุปสำนวนให้อัยการพิจารณาโดยเร็วที่สุด
อีกทั้งยังได้มอบสำเนาหนังสือร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ฉบับลงวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2561 และหนังสือร้องเรียนต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ฉบับลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ให้กับพันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล ไว้ด้วย และ พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล ก็ไม่เคยมีการชี้แจงใด ๆ ให้ข้าพเจ้าทราบ เพียงแต่บอกว่า อธิบดี ได้มอบหมายให้ พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล มาดูแลเรื่องนี้เท่านั้น
ทั้งนี้ สหกรณ์ฯ เห็นว่า พันตำรวจโทประวุธ วงศ์สีนิล ควรที่จะต้องออกมาทำการชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีที่ได้นัดหมาย ขอให้สหกรณ์ฯไปพบด้วยตนเองในโอกาสต่อไปด้วย
4. กรณีที่คณะโฆษก ได้ชี้แจงกรณีคำสั่งของศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง ฉบับลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2561 นั้น คำสั่งศาลมีดังนี้
“ตรวจฟ้องแล้วเห็นว่าคดีนี้อยู่ในอำนาจของศาล จึงมีคำสั่งรับฟ้องโจทก์ สำเนาฟ้องให้จำเลยทั้งสาม”
ดังนั้นสหกรณ์ฯ จึงมีความเห็นว่า ขณะนี้ พันตำรวจโทมนตรี บุญยโยธิน ที่ 1 กับพวก รวม 3 คน ได้ตกเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวแล้ว จำเลยทั้ง 3 จึงหมดความชอบธรรมในการสืบสวนสอบสวนสหกรณ์ฯ เป็นที่ประจักษ์โดยชัดแจนแล้ว
@ข้องใจไม่แจงปมสั่งกรมราชทัณฑ์อายัดเงินค่าอาหารดิบเรือนจำอื่น
5. สหกรณ์ฯ ได้มีการร้องเรียนกล่าวหาว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษทำการอายัดเงินของสหกรณ์ฯ ทั้งที่ยังไม่มีการสืบสวนแสวงหาข้อเท็จจริง และกระทำเกินอำนาจหน้าที่ อีกทั้งยังประวิงเวลาในการสืบสวนสอบสวนให้คดีมีความล่าช้าถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา เกินกว่า 15 เดือนแล้ว อีกทั้งสหกรณ์ฯ มีการกล่าวหาว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษได้ปฎิบัติ หรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ไม่แจ้งข้อกล่าวหา และอายัดเงินในบัญชีของชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ในเวลาเดียวกันกับที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการกับสหกรณ์ฯ ทั้งที่กรมสอบสอบคดีพิเศษได้แจ้งข้อกล่าวหาสหกรณ์ฯ ว่าฮั้วประมูล กับ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ดังนั้น เพราะเหตุใดคณะโฆษกจึงไม่ทำการชี้แจงให้สาธารณชน และสื่อมวลชนทราบข้อเท็จจริงในการกรณีดังกล่าว ด้วย
6. การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมีคำสั่งลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2559 สั่งให้กรมราชทัณฑ์ทำการอายัดเงินค่าอาหารดิบที่สหกรณ์ฯ จะต้องจัดส่งให้กับเรือนจำตามสัญญาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ในแต่ละวันโดยที่ไม่บอกเลิกสัญญากับสหกรณ์ฯ นั้น เป็นคำสั่งที่ถูกต้อง และ เป็นธรรมกับสหกรณ์ฯ หรือไม่ เพราะเหตุใดคณะโฆษกจึงไม่แถลงข่าวในกรณีดังกล่าวให้สาธารณชนทราบด้วย เช่นเดียวกัน (ดูเอกสารประกอบ)
อ่านประกอบ:
DSI ยันไม่หมดความชอบธรรม ทำหน้าที่ หลังถูกฟ้องอาญากลับ
ศาลอาญาทุจริตฯรับฟ้องคดีกล่าวหาบิ๊กดีเอสไอ-พวก สั่งอายัดบัญชีฯกว่า 11 เดือน
ยื่นนายกฯสอบ จนท.ดีเอสไอใช้อำนาจเกินเลย อายัดบัญชี 15 เดือน –ไม่แตะผู้ค้ารายใหญ่
จี้อธิบดีกรมราชทัณฑ์จ่ายค่าอาหารดิบเรือนจำ สั่งระงับเบิกไม่บอกเลิกสัญญา
ปมจัดซื้ออาหารดิบเรือนจำ! ยื่นฟ้องบิ๊กดีเอสไอกับพวก อายัดเงิน 1 ปี-ละเว้นสอบฮั้ว 4 แห่ง
คำชี้แจง!ดีเอสไอ VS สหกรณ์วิเศษฯ ปมร้องนายกฯถูกอายัดบัญชีจัดซื้ออาหารดิบ
คำชี้แจง 9 ข้อ ปธ.สหกรณ์วิเศษฯ ปมถูกดีเอสไออายัดบัญชี-ขอให้สอบทุกราย
สอบให้หมด 89 แห่งฮั้วจัดซื้ออาหารดิบ! ยื่น‘บิ๊กตู่'ถูกดีเอสไอเล่นงานรายเดียว