คำชี้แจง!ดีเอสไอ VS สหกรณ์วิเศษฯ ปมร้องนายกฯถูกอายัดบัญชีจัดซื้ออาหารดิบ
“..สหกรณ์ฯ เห็นว่า การร้องเรียนของสหกรณ์ฯ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ และต่อกระทรวงยุติธรรม ไม่เป็นผล สหกรณ์ฯ จึงจำเป็นต้องนำข้อเท็จจริงทั้งหมด มาทำการร้องเรียนต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ฉะนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะเห็นว่า การร้องเรียนของสหกรณ์ฯ ไม่เคยสร้างความสับสนให้สังคมเลยแม้แต่น้อย อีกทั้ง ยังเป็นการร้องเรียนให้เห็นถึงวิธีการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ที่ได้ปฏิบัติต่อสหกรณ์ฯ..”
กรณีสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ได้ร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความเป็นธรรม กรณีถูกผู้บัญชาการสำนักคดีออาญาพิเศษ 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำหนังสือถึงธนาคารกรุงไทย สาขาวิเศษชัยชาญ อายัดบัญชีเงินฝากธนาคารของสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ โดยอ้างว่า ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย (ชสท.) และสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ มีผู้มีอำนาจคนเดียวกันคือ นายณัฎฐชัย จิตรถนอม (อ่านประกอบ : ผู้ร้องสอบฮั้วจัดซื้ออาหารดิบเรือนจำโวยถูกดีเอสไออายัดบัญชี-เตรียมยื่นนายกฯ)
ขณะที่ เมื่อ 14 ธ.ค. 2559 นายสำรวย วงษ์สนอง ประธานกรรมการ สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ระบุได้รับความเดือดร้อนและความเสียหาย กรณี พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 สั่งอายัดเงินในบัญชีของสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ซึ่งเป็นเงินที่สหกรณ์ฯ จะต้องนำไปชำระหนี้ค่าอาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังในปีงบประมาณ 2559 จำนวนประมาณ 58 ล้านบาท และปีงบฯ 2560 เป็นเงินประมาณ 35 ล้านบาท ทั้งที่ ยังไม่มีการสอบสวน และแจ้งข้อกล่าวหากับสหกรณ์ฯ แต่อย่างใด (อ่านประกอบ : สอบให้หมด 89 แห่งฮั้วจัดซื้ออาหารดิบ! ยื่น‘บิ๊กตู่'ถูกดีเอสไอเล่นงานรายเดียว)
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2559 เว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ (www.dsi.go.th) ได้ชี้แจงเหตุผลในการอายัดเงินของสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด' ระบุข้อความว่า
ตามที่ สำนักข่าวอิศราเผยแพร่ข่าวทางเว็บไซต์ www.isranews.org เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2559 พาดพิงการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ยื่นหนังสือถึง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่าถูกผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ใช้อำนาจสั่งอายัดเงิน ทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวน นั้น เพื่อเป็นการชี้แจงและทำความเข้าใจต่อประชาชนประกอบการใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงขอเรียนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวให้ทราบ ดังนี้
1. กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับเรื่องร้องเรียนขอให้ตรวจสอบการเข้ามาเป็นคู่สัญญาส่งอาหารดิบของ สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด กับ กรมราชทัณฑ์ ว่า อาจมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาของรัฐ ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้สำนักคดีอาญาพิเศษ 2 ดำเนินการสืบสวนเรื่องดังกล่าว
2. จากการสืบสวนโดยสำนักคดีอาญาพิเศษ 2 พบหลักฐานว่า สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ได้เข้ามาเป็นคู่สัญญาส่งอาหารดิบกับกรมราชทัณฑ์จริง และพบว่า เงินที่ได้มาจากการเข้าเป็นคู่สัญญาในเรือนจำต่าง ๆ ของสหกรณ์ฯ ไม่ปรากฏถึงเจ้าของเงินทุนผู้ดำเนินกิจการที่แท้จริง พบเพียงรายการสินค้าผ่านบัญชีของสหกรณ์ฯ ส่วนเงินที่กรมราชทัณฑ์โอนชำระค่าอาหารดิบ มีการเปิดบัญชีเฉพาะไว้เพื่อเบิกถอนจ่ายให้แก่บุคคลอื่น อันเป็นข้อสงสัยที่จะต้องตรวจสอบ หรือพิจารณาในประเด็นดังกล่าวให้ได้ข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการรับฟังว่ามีมูลความผิดตามคำร้องเรียนหรือไม่
3. คณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 24 ซึ่งให้อำนาจพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการมีหนังสือสอบถาม หรือเรียกให้สถาบันการเงิน ส่วนราชการ องค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ ส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งบัญชีเอกสารหรือหลักฐานใด ๆ มาเพื่อตรวจสอบ รวมถึง การยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ค้นพบ โดยอายัดเงินเฉพาะในบัญชีเพื่อการจัดส่งอาหารดิบ เพื่อไม่ให้กระทบต่อกิจการอื่นของสหกรณ์ฯ และมีหนังสือแจ้งให้เหรัญญิกสหกรณ์ฯ มาชี้แจงรายละเอียดการประกอบกิจกรรมดังกล่าว เพื่อประกอบการพิจารณา แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ แต่อย่างใด และผู้บริหารสหกรณ์ฯ กลับนำเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษดังกล่าว ไปร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี และเสนอเป็นข่าวดังที่ปรากฏ จนทำให้สังคมเกิดความสับสน แต่อย่างไรก็ตาม กรมสอบสวนคดีพิเศษก็ยังคงต้องบังคับใช้กฎหมายในเรื่องดังกล่าวต่อไป รวมทั้ง ดำเนินการตรวจสอบไปถึงคู่สัญญาในการส่งอาหารดิบรายอื่นที่มีพฤติการณ์ในลักษณะเดียวกันด้วย ตลอดจน การดำเนินการตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอีกส่วนหนึ่ง
อนึ่ง การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาลและการป้องกันปราบปราม การทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ และนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือฮั้วประมูล นับเป็นคดีความผิดทางอาญาตามกฎหมายที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่กำหนดเพิ่มเติมในกฎกระทรวงโดยการเสนอแนะของคณะกรรมการคดีพิเศษ ซึ่งความผิดดังกล่าว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายด้วยความเด็ดขาด
(ขอบคุณข่าวจาก : https://www.dsi.go.th/view?tid=T0001716)
ล่าสุด วันที่ 22 ธ.ค. 2559 นายสำรวย วงษ์สนอง ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ได้ยื่นหนังสือถึง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยขอชี้แจงข้อเท็จจริงโดยมีเนื้อหาทั้งสิ้น 11 ข้อ สาระสำคัญชี้แจงที่มาที่ไปในการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายกฯ พร้อมรับการตรวจสอบจากดีเอสไอ แต่ขอให้ปฏิบัติอย่างเป็นธรรม โปร่งใส ภายใต้กรอบของกฎหมาย มีรายละเอียดดังนี้
เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2559 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชน กรณีที่สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ได้มาทำการยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ว่า สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นการเสนอข่าวจนทำให้สังคมเกิดความสับสน นั้น เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรม สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ ฯ จึงขอเรียนชี้แจงให้ท่านทราบข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ตามหนังสือที่อ้างถึง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้อ้างต่อสื่อมวลชนว่า สหกรณ์ฯ ไม่ให้ความร่วมมือในการสอบสวน เนื่องจาก ไม่ให้เหรัญญิกไปชี้แจงรายละเอียดกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ นั้น สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ขอเรียนชี้แจงให้ท่านอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ ได้ทราบข้อเท็จจริงว่า สหกรณ์ฯ ได้มีหนังสือแจ้งให้ท่านทราบแล้วว่า ขณะนี้ เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายอาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังของสหกรณ์ฯ ทั้งหมด ถูกสรรพากรเขตพื้นที่จังหวัดอ่างทองขอรับไปทำการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่สามารถที่จะมาชี้แจงกับกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ ฉะนั้น การชี้แจงแถลงการณ์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อสื่อมวลชนในกรณีดังกล่าว จึงเป็นการชี้แจงแถลงการณ์ที่ไม่ถูกต้องตรงต่อความเป็นจริง ทำให้สื่อมวลชนเสนอข่าวคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เมื่อประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้อง ถูกบิดเบือนจากความเป็นจริง ก่อให้เกิดความเสียหาย สหกรณ์ฯ จึงขอสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินการตามกฎหมาย ต่อไป
2. ก่อนที่สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ จะเดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2559 นั้น สหกรณ์ฯ ได้มีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษไว้อย่างถูกต้องแล้ว จำนวน 2 ฉบับ และรายละเอียดในหนังสือร้องเรียนฉบับที่ 2 สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ได้มีการแจ้งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทราบเป็นการล่วงหน้าไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า ถ้าหากกรมสอบสวนคดีพิเศษ ไม่ทำการสั่งถอนอายัดเงินในบัญชีของสหกรณ์ฯ ภายในวันที่ 9 ธ.ค. 2559 สหกรณ์ฯ จะไปยื่นเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ธ.ค. 2559 แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษไม่เคยให้ความสำคัญต่อการร้องเรียนขอความเป็นธรรมดังกล่าว อีกทั้ง อาจจะไม่เชื่อว่าสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ จะไปทำการร้องเรียนกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ตามที่สหกรณ์ฯ ได้แจ้งไว้ในหนังสือร้องเรียน กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงไม่มีการดำเนินการใด ๆ เพื่อระงับไม่ให้สหกรณ์ฯ ไปทำร้องเรียนต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ธ.ค. 2559 ดังนั้น การกระทำดังกล่าวของสหกรณ์ฯ จึงเป็นการดำเนินการไปตามขั้นตอนเท่าที่สหกรณ์ฯ มีสิทธิ์จะดำเนินการได้ เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิของสหกรณ์ฯ เท่านั้น
3. ก่อนที่สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ จะเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ธ.ค. 2559 สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ก็ได้มีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมไว้ก่อนแล้วเช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2559
4. จากรายละเอียดตามข้อ 2.-3. สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ เห็นว่า การร้องเรียนของสหกรณ์ฯ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ และต่อกระทรวงยุติธรรม ไม่เป็นผล สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ จึงจำเป็นต้องนำข้อเท็จจริงทั้งหมด มาทำการร้องเรียนต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ฉะนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะเห็นว่า การร้องเรียนของสหกรณ์ฯ ไม่เคยสร้างความสับสนให้สังคมแต่ประการใดเลยแม้แต่น้อย อีกทั้ง ยังเป็นการร้องเรียนให้เห็นถึงวิธีการปฏิบัติของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ที่ได้ปฏิบัติต่อสหกรณ์ฯ เพื่อให้สังคมได้รับรู้ข่าวสารอย่างถูกต้อง
5. สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ขอเรียนชี้แจงให้ท่านได้ทราบข้อเท็จจริงว่า สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ได้ใช้สิทธิตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อเข้าร่วมทำการเสนอราคาในการจัดซื้ออาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังของกรมรายทัณฑ์ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 และได้เป็นคู่สัญญากับเรือนจำต่าง ๆ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 จำนวน 6 แห่ง และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำนวน 4 แห่ง ซึ่งในส่วนของเงินทุน ค่าดำเนินการ ภาษี และรายได้ของสหกรณ์ฯ ตัวแทนในการจำหน่ายอาหารดิบฯ ของสหกรณ์ เป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
6. กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ได้มีการเปิดบัญชีเฉพาะไว้ เพื่อเบิกถอนจ่ายให้แก่บุคคลอื่นอันเป็นข้อสงสัยที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือจะต้องพิจารณาในประเด็นดังกล่าว นั้น สหกรณ์ฯ ขอเรียนชี้แจงให้ท่านทราบว่า สหกรณ์ฯ มีการประกอบธุรกิจหลายประเภท และได้มีการเปิดบัญชีแยกให้เป็นแต่ละบัญชี เพื่อความสะดวกในการบริหารกิจการของสหกรณ์ฯ ซึ่งสหกรณ์ฯ ยินดีที่จะให้ความร่วมมือเพื่อให้การตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นไปด้วยความถูกต้องและเป็นธรรมอย่างแท้จริง แต่เพราะเหตุใด พนักงานสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงต้องทำการสั่งอายัดเงินในบัญชีของสหกรณ์ฯ เอาไว้ก่อน ทั้งที่ ยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวให้เป็นที่กระจ่าง และถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายให้เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อน
7. การลงทุนในการจำหน่ายอาหารดิบ และการบริหารสัญญาในการจัดซื้ออาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังกับเรือนจำต่าง ๆ สหกรณ์ฯ ได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายกับตัวแทนในการจำหน่ายอาหารดิบของสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ อย่างถูกต้องในลักษณะ และวิธีการเดียวกันกับองค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร องค์การคลังสินค้า และชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด ซึ่งเป็นประเพณีปฏิบัติของหน่วยงานที่ได้รับสิทธิพิเศษตามกฎหมายได้ปฏิบัติตามสัญญากับกรมราชทัณฑ์ และสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ขอเรียนยืนยันว่า สหกรณ์ฯ ได้มีการลงบัญชีซื้อขายอย่างถูกต้อง และได้ผ่านการตรวจสอบของกรมตรวจสอบบัญชีสหกรณ์อย่างถูกต้องอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว รายละเอียดต่าง ๆ สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ พร้อมที่จะให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้าทำการตรวจสอบเอกสารและข้อเท็จจริงทั้งหมดได้ตลอด
8. สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ขอเรียนยืนยันว่าสหกรณ์ฯ ไม่เคยร้องขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ละเว้นไม่ต้องดำเนินการตรวจสอบ หรือดำเนินคดีกับสหกรณ์ฯ เลยแม้แต่ครั้งเดียว สหกรณ์ฯ เพียงแต่ได้ร้องขอให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนจาก พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน เป็นบุคคลอื่นเท่านั้น เนื่องจากสหกรณ์ฯ เห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของ พ.ต.ท.มนตรี บุณยโยธิน พนักงานสอบสวนมิได้กระทำอย่างตรงไปตรงมา โดยยังไม่มีการสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่างเสียก่อน แต่กลับมีคำสั่งอายัดเงินในบัญชีของสหกรณ์ฯ ในทันทีเพียงรายเดียว โดยไม่ทำการอายัดเงินของชุมชนสหกรณ์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นคู่สัญญากับเรือนจำสุพรรณบุรี หรือกับหน่วยงานอื่น ๆ ที่ได้รับสิทธิพิเศษตามกฎหมาย เหมือนที่ได้กระทำกับสหกรณ์ฯ
9. ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า จะต้องบังคับใช้กฎหมายในเรื่องดังกล่าว ตลอดจนต้องบังคับใช้กฎหมายในเรื่องดังกล่าว ตลอดจนต้องบังคับใช้กฎหมายป้องกันการฟอกเงินอีกส่วนหนึ่งกับสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ นั้น สหกรณ์ฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า ถ้าหากสหกรณ์ฯ ได้กระทำความผิดตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แถลงข่าว นั้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีอำนาจตามกฎหมายที่จะสามารถดำเนินการได้ มิใช่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แถลงข่าวโดยบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ประชาชนเกิดความสับสน ทั้ง ๆ ที่ ยังไม่มีการแสวงหาพยานหลักฐาน หรือมีพยานหลักฐานใดชี้ชัดได้ว่า สหกรณ์ฯ กระทำความผิด ดังนั้น สหกรณ์ฯ ขอให้ท่านได้โปรดสั่งการให้พนักงานสอบสวน ดำเนินการด้วยความถูกต้อง โปร่งใส ตามหลักกฎหมายและหลักคุณธรรม โดยไม่มีการละเว้น หรือเลือกปฏิบัติกับหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใด หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นการเฉพาะ ดังเช่นการกระทำกับสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ อยู่ในขณะนี้ และขอท่านได้โปรดสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านหยุดให้ข่าวที่บิดเบือนต่อความเป็นจริง เพราะทำให้เกิดความเสียหายกับสหกรณ์ฯ
10. กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ชี้แจงว่า การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ถือเป็นนโยบายของรัฐซึ่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือฮั้วประมูล นับเป็นคดีความผิดทางอาญา นั้น สหกรณ์ฯ ขอเรียนยืนยันว่า ปัจจุบัน สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ได้เป็นคู่สัญญากับเรือนจำต่าง ๆ เพียง 4 เรือนจำ จากจำนวนเรือนจำที่มีทั้งหมด 143 แห่ง ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบัน สหกรณ์ฯ ได้ปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด และนอกจากที่สหกรณ์ฯ ได้มีหนังสือร้องเรียนขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบการฮั้วประมูลใน 89 เรือนจำแล้ว สหกรณ์ฯ และตัวแทนยังได้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับกรณีการฮั้วประมูลในการจัดซื้ออาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังของกรมราชทัณฑ์มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ยังได้ร้องขอให้กรมราชทัณฑ์สั่งให้เรือนจำทุกแห่งทำการจัดซื้อแบบเสรี ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2549 (E-Auction) และด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) มาโดยตลอดเช่นเดียวกัน ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถขอทราบข้อมูลในเบื้องตนจากสำนักข่าวอิศราได้ทั้งหมด หรือสามารถดูได้จากเอกสารที่สหกรณ์ฯ ได้เคยยื่นให้ต่อท่านแล้วนั้น
11. สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ได้ชี้แจงให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทราบอย่างชัดเจนแล้วว่า เงินค่าอาหารดิบที่กรมสอบสวนคดีพิเศษสั่งอายัดบัญชีนั้น เป็นเงินที่สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ต้องนำไปชำระให้กับตัวแทนที่ได้ทำสัญญากับสหกรณ์ฯ ไว้ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต้องทราบข้อเท็จจริงดีอยู่แล้วเช่นเดียวกันว่า ถ้าตัวแทนของสหกรณ์ฯ หยุดส่งอาหารดิบสำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังให้กับเรือนจำตามสัญญา เพราะขาดสภาพคล่องทางการเงิน อาจก่อให้เกิดปัญหาร้ายแรงกับเรือนจำและกับสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญฯ ตามมาอย่างแน่นอน แต่กรมสอบสวนคดีพิเศษก็ไม่เคยรับฟังเหตุผล และข้อเท็จจริงของสหกรณ์ฯ ฉะนั้น ถ้าหากเกิดกรณีผู้ต้องขังไม่มีอาหารกินแล้ว ก่อการจลาจล เผาเรือนจำ ดังที่เคยเป็นข่าวหรือเกิดกรณีตัวแทนฟ้องสหกรณ์ฯ ว่า ผิดสัญญาและเรียกค่าเสียหายกับสหกรณ์ฯ สหกรณ์ฯ ขอสงวนสิทธิ์ที่จะฟ้องเพื่อเรียกค่าเสียหายจากการกระทำของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ต่อไป (ดูเอกสารประกอบ)
ต้องติดตามผลกันต่อไป
อ่านประกอบ :
สอบให้หมด 89 แห่งฮั้วจัดซื้ออาหารดิบ! ยื่น‘บิ๊กตู่'ถูกดีเอสไอเล่นงานรายเดียว
ผู้ร้องสอบฮั้วจัดซื้ออาหารดิบเรือนจำโวยถูกดีเอสไออายัดบัญชี-เตรียมยื่นนายกฯ
เปิดช่อง ‘ฮั้ว’ รอบใหม่!กรมราชทัณฑ์คลอด 3 แนวทางจัดซื้ออาหารดิบ 5 พันล.
เรือนจำกลางเขาบิน โชว์จัดซื้ออาหารดิบ 21 ล. ใช้ ‘อี-บิดดิ้ง’ ต่ำกว่าราคากลาง 42%