ศาลอาญาทุจริตฯรับฟ้องคดีกล่าวหาบิ๊กดีเอสไอ-พวก สั่งอายัดบัญชีฯกว่า 11 เดือน
ศาลอาญาคดีทุจริตฯมีคำสั่งรับฟ้องคดีสหกรณ์วิเศษฯกล่าวหาอธิบดี ดีเอสไอ พวก 3 คน ปมสั่งอายัดเงินในบัญชีฯกว่า 11 เดือน ไม่แจ้งความคืบหน้า กรณีถูกสอบจัดซื้ออาหารดิบเรือนจำสุพรรณฯ นัดไต่สวนมูลฟ้อง 5 มิ.ย.61 ส่วนอีก 5 ข้อกล่าวหา ไม่จำเป็นต้องไต่สวนฯ
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.พ.2561 เวลา 10.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ผู้พิพากษาได้ออกนั่งพิจารณา คดีหมายเลขดำที่ อท.469/2560 ระหว่าง สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด โดยนายสำรวย วงษ์สนอง ผู้รับมอบอำนาจ โจทก์ ยื่นฟ้อง พ.ต.ท. มนตรี บุณยโยธิน ที่ 1 , ร.ต.อ. กำพล สุจินันท์กุล ที่ 2, พ.ต.อ. ไพสิฐ วงศ์เมือง ที่ 3 (อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ) กล่าวหาร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ กรณีสั่งอายัดบัญชีธนาคารของโจทก์โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายและการสืบสวนสอบสวนใช้ระยะเวลานานเกินสมควร ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย รวม 6 ข้อกล่าวหา ศาลมีคำสั่งรับฟ้องโจทก์ และให้นัดไต่สวนมูลฟ้องเฉพาะผู้รับมอบอำนาจโจทก์ในวันที่ 5 มิ.ย.2561
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ข้อกล่าวหาที่ศาลฯมีคำสั่งรับฟ้องคือข้อกล่าวหาที่ 6 ได้แก่ จำเลยทั้งสามได้ร่วมอายัดเงินในบัญชีของโจทก์จนถึงวันฟ้องเป็นระยะเวลากว่า 11 เดือนเศษ โจทก์ได้มีหนังสือสอบถามความคืบหน้าของคดีจำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 เพิกเฉยไม่ดำเนินการตอบกลับ และมีหนังสือถึงจำเลยที่ 3 ขอให้ปลดการอายัดเงินบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหา แต่เพิกเฉย จำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ด้วยการสั่งอายัดเงินในบัญชีฯทุกบัญชี และมีเจตนาที่จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีล่าช้า โดยกลั่นแกล้งโจทก์ เพื่อให้ได้รับความเสียหาย ไม่มีเงินใช้จ่ายในการประกอบกิจการค้าตามวัตถุประสงค์โจทก์ได้
ส่วนข้อกล่าวหาที่โจทก์กล่าวหาจำเลยอีก 5 ข้อกล่าวนั้น ศาลเห็นว่า เมื่อพิจารณาประกอบกับบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ข้อบังคับและระเบียบต่างๆแล้ว นับว่าเพียงพอแก่การวินิจฉัยมูลคดี จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนมูลฟ้อง คงมีเฉพาะการกระทำหรือพฤติการณ์ที่กล่าวหาจำเลยในข้อที่ 6 ที่มีความจำเป็นต้องไต่สวนต่อไปว่า ขณะมีคำสั่งอายัดบัญชีธนาคาร ยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นเงินที่มีไว้เป็นความผิดหรือ ได้มาโดยการกระทำความผิด มีความจำเป็นต้องยึดตัวเงินหรือไม่ เมื่อโจทก์สอบถามขอให้ชี้แจงและขอให้ถอนการอายัด ก็ไม่ปรากฎว่ามีการชี้แจงหรือยืนยันข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร หรือมิได้ละเลยหรือจงใจให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างไร มีการอายัดกี่บัญชี เงินจำนวนเท่าใด จำนวนเท่าใดเป็นความผิด หรือสงสัยว่าได้ใช้ในการกระทำความผิด
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ความเป็นมาคดีนี้ เมื่อวันที่ 16 ต.ค.2560 สหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ ยื่นฟ้อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษกับพวก 3 คนเป็นจำเลย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง สืบเนื่องมาจากการจัดซื้ออาหารดิบเรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี สำหรับใช้เลี้ยงผู้ต้องขังจังหวัดสุพรรณบุรี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 โดยวิธีพิเศษ สหกรณ์วิเศษฯเป็นผู้ชนะในการเสนอราคาทั้ง 2 ครั้ง แต่ ถูกร้องเรียนว่าร่วมฮั้วประมูลกับชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย อ้างว่านายณัฏฐชัย จิตรถนอม เป็นรองประธานกรรมการชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด และ เป็นประธานสหกรณ์การเกษตรวิเศษชัยชาญ จำกัด ทั้งสองได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ขณะที่สหกรณ์วิเศษฯปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ต่อมามีการกล่าวโทษในเรื่องดังกล่าวต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษและสั่งอายัดเงินบัญชีธนาคารของสหกรณ์วิเศษฯทุกบัญชีฯและสั่งให้กรมราชทัณฑ์ระงับการเบิกจ่ายเงินที่สหกรณ์วิเศษฯเป็นคู่สัญญาอีก 4 เรือนจำ ขณะที่สหกรณ์วิเศษฯร้องเรียนว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษใช้อำนาจมิชอบ ไม่เป็นธรรม จงใจกลั่นแกล้ง ไม่แจ้งข้อหาหน่วยงาน ไม่สอบสวนการจัดซื้ออาหารดิบเรือนจำแห่งอื่นที่หน่วยงานเป็นคู่สัญญาแล้วตั้งเอกชนรายใหญ่เป็นตัวแทนช่วง ขณะที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษยืนยันถึงความจำเป็น และการสอบสวนกระทำตามอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมาย หลังจากมีผู้ร้องเรียน ต่อมาสหกรณ์วิเศษฯได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯเป็นคดีในขณะนี้
อ่านเรื่องประกอบ:
ปมจัดซื้ออาหารดิบเรือนจำ! ยื่นฟ้องบิ๊กดีเอสไอกับพวก อายัดเงิน 1 ปี-ละเว้นสอบฮั้ว 4 แห่ง
คำชี้แจง!ดีเอสไอ VS สหกรณ์วิเศษฯ ปมร้องนายกฯถูกอายัดบัญชีจัดซื้ออาหารดิบ