เบื้องหลังความเห็นแย้ง! คำให้การ ‘โอ๊ค’ปมรับ 10 ล.นำเข้ารถหรูมัดตัวเองคดีฟอกเงิน?
“...วัตถุประสงค์ที่จำเลยนำรถยนต์จากต่างประเทศเข้ามาเพื่อทดลองใช้แล้วจำหน่ายต่อ ซึ่งเป็นงานอดิเรกของจำเลยไม่ใช่การประกอบธุรกิจนำรถยนต์จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย นายรัชฎาไม่ได้ใช้รถกับจำเลยด้วย จำเลยจึงได้รับประโยชน์ฝ่ายเดียว และด้วยฐานะทางการเงินของจำเลย การนำรถยนต์ต่างประเทศเข้ามาเพียง 1 คัน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการร่วมลงทุนกับบุคคลอื่น ข้อที่จำเลยเบิกความจึงเจอสมพยานโจทก์ ที่ศาลรับฟังคำเบิกความของจำเลยประกอบพยานหลักฐานโจทก์ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 233 วรรคสอง ว่า จำเลยไม่ได้ประกอบธุรกิจนำเข้ารถยนต์ซุปเปอร์คาร์ร่วมกับนายรัชฎา….”
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เผยแพร่ความเห็นแย้งของผู้พิพากษาจำของสำนวนคดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดามหานครโดยทุจริต กรณีเงิน 10 ล้านบาทของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยเห็นควรสั่งจำคุกนายพานทองแท้ 4 ปี ไม่รอลงอาญา ขณะที่คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษายกฟ้องนั้น
ในตอนหนึ่งของความเห็นแย้งดังกล่าวอ้างอิงถึงคำเบิกความของนายพานทองแท้เกี่ยวกับกรณีการรับเงินดังกล่าวจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ (อดีตผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร จำเลยคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้โดยทุจริต) บิดาของนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ เพื่อนนายพานทองแท้ เพื่อนำมาลงทุนในธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรูจากต่างประเทศ โดยผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเห็นว่า การร่วมลงทุนทำธุรกิจดังกล่าวผิดวิสัยของนักธุรกิจทั่วไปที่ไม่ได้มีการศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ และไม่ปรากฏการทำสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหลักฐานระหว่างกัน จึงเชื่อว่าไม่ได้มีการร่วมลงทุนในการนำเข้ารถยนต์หรูจริง (อ่านประกอบ : Exclusive:ความเห็นแย้งผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนควรสั่งคุก 4 ปี‘โอ๊ค’คดีฟอกเงินกรุงไทย)
คำเบิกความดังกล่าวของนายพานทองแท้ เปรียบเสมือนหลักฐานชิ้นสำคัญที่ทำให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเชื่อได้ว่า นายพานทองแท้มิได้ร่วมกับนายรัชฎาทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์หรู ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปคำเบิกความของนายพานทองแท้กรณีดังกล่าว ดังนี้
จำเลย (นายพานทองแท้) เบิกความต่อศาลว่า จำเลยประสงค์ทำธุรกิจนำรถยนต์ซุปเปอร์คาร์เข้ามาจำหน่ายในไทย โดยเริ่มพูดคุยกันในระหว่างเพื่อนฝูงและนายรัชฎา หลังพูดคุยกันหนึ่งคืนนายรัชฎาได้โทรศัพท์มาหาจำเลย จำเลยได้ให้นายเฉลิม แผลงศร (กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน (CFO) ดูแลเรื่องการเงินในทุกบริษัทของนายทองแท้) ไปศึกษาวิเคราะห์การนำรถยนต์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
นายเฉลิมเบิกความต่อศาลว่า จำเลยมอบหมายให้ศึกษาธุรกิจการนำรถยนต์หรูเข้ามาในประเทศไทย นายเฉลิมจึงไปศึกษาการทำธุรกิจกับนายภูมี พรหมมา พนักงานของบริษัท ยูนิตี้ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการนำรถยนต์หรูจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในไทย นายเฉลิมศึกษาแล้วจึงนำมาแจ้งแก่จำเลย และมีการประชุมเกี่ยวกับการทำธุรกิจนี้ 3 ถึง 5 ครั้ง ในการประชุมมีจำเลย นายเฉลิม น.ส.พิรานันท์ เลขาจำเลย และนายไอยคุปต์ (กฤตบุญญาลัย บุตรชายนางดารุณี กฤตบุญญาลัย) เข้าร่วมประชุม การประชุมไม่ได้บันทึกรายงานการประชุม แต่นายเฉลิมจะบันทึกเป็นเอกสารส่วนตัวให้จำเลย
เห็นว่า นายรัชฎามีความสนิทสนมและคุ้นเคยกับจำเลย แต่ไม่เคยทำธุรกิจร่วมกันมาก่อน นอกจากการซื้อขายปลาสวยงาม และสนใจงานอดิเรก จำเลยพูดคุยในกลุ่มเพื่อนฝูงว่าประสงค์จะทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย นายรัชฎาร่วมวงพูดคุยด้วย ใช้เวลาตัดสินใจเพียงหนึ่งคืนจึงโทรศัพท์มาขอร่วมทำธุรกิจกับจำเลย และโอนเงินจำนวน 10 ล้านบาทให้แก่จำเลย โดยในขณะนั้นเป็นเพียงการพูดคุยและวางแผนในการทำธุรกิจ แต่ยังไม่ได้ศึกษาความเป็นไปได้ของการทำธุรกิจว่าจะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ จึงผิดวิสัยของผู้ประกอบธุรกิจปกติ
ทั้งเงินที่จำเลยรับโอนมารวมระยะเวลา 1 ปี ที่จำเลยโอนคืนก็ไม่ปรากฏการทำสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหลักฐานระหว่างกัน แม้จำเลยและนายรัชฎาจะเป็นผู้มีฐานะร่ำรวย แต่การทำธุรกิจปกติจะต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบธุรกิจ การร่วมลงทุ จำนวนเงินที่ร่วมลงทุน และรายละเอียดที่สำคัญต่าง ๆ ให้ชัดเจน และการศึกษาการทำธุรกิจที่นายเฉลิมเบิกความ กลับไม่ปรากฏหลักฐานการศึกษา แผนงานโครงการที่ชัดเจน การประชุมไม่จัดทำบันทึกรายงานการประชุม และนายภูมีที่นายเฉลิมไปศึกษาการทำธุรกิจเป็นเพียงพนักงานขายของบริษัทที่นำรถยนต์จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย หากจำเลยมีความประสงค์จะประกอบธุรกิจนำเข้ารถยนต์มาจำหน่ายจริง จำเลยจะว่าจ้างให้บริษัทที่ปรึกษาศึกษาความเป็นไปได้ในการประกอบธุรกิจได้โดยง่าย
ในขณะนั้นจำเลยเป็นผู้ประกอบธุรกิจบริหารกิจการของตนเองหลายบริษัท และที่จำเลยเบิกความต่อศาลว่าการทำธุรกิจนำเข้ารถยนต์เข้ามาจำหน่ายในประเทศ จำเลยจะนำเข้ามา 1 คันก่อน เพื่อเป็นการทดลองขับ เนื่องจากจำเลยกำหนดคุณสมบัติเฉพาะเจาะจงว่าเป็นรถยนต์ยี่ห้อลัมโบร์กีนี มีรูปทรงและลักษณะพิเศษ ผลิตในจำนวนจำกัด จำเลยทดลองใช้เป็นงานอดิเรกของจำเลยก่อน แล้วจำเลยจะนำรถยนต์ขายต่อ และการขายรถอาจขาดทุน แต่การได้ใช้รถถือเป็นกำไรแล้ว
เห็นว่า วัตถุประสงค์ที่จำเลยนำรถยนต์จากต่างประเทศเข้ามาเพื่อทดลองใช้แล้วจำหน่ายต่อ ซึ่งเป็นงานอดิเรกของจำเลยไม่ใช่การประกอบธุรกิจนำรถยนต์จากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย นายรัชฎาไม่ได้ใช้รถกับจำเลยด้วย จำเลยจึงได้รับประโยชน์ฝ่ายเดียว และด้วยฐานะทางการเงินของจำเลย การนำรถยนต์ต่างประเทศเข้ามาเพียง 1 คัน จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการร่วมลงทุนกับบุคคลอื่น ข้อที่จำเลยเบิกความจึงเจือสมพยานโจทก์ ที่ศาลรับฟังคำเบิกความของจำเลยประกอบพยานหลักฐานโจทก์ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 233 วรรคสอง ว่า จำเลยไม่ได้ประกอบธุรกิจนำเข้ารถยนต์ซุปเปอร์คาร์ร่วมกับนายรัชฎา
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า จำเลยไม่ได้ประสงค์ร่วมกับนายรัชฎาประกอบธุรกิจรถยนต์ซุปเปอร์คาร์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยจริง ทั้งในช่วงแรกที่จำเลยให้ถ้อยคำก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยให้ถ้อยคำว่าเงิน 10 ล้านบาท เป็นเงินทำธุรกิจนำรถยนต์เข้ามาจำหน่ายร่วมกับนายรัชฎา แต่จำเลยมาให้ถ้อยคำภายหลัง ดังนั้นเงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่จำเลยรับโอนมาจากนายวิชัย จึงไม่ใช่เป็นเงินที่นายรัชฎาร่วมลงทุนทำธุรกิจนำรถยนต์เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย
ด้วยชนวนเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนต้องทำความเห็นแย้งท้ายคำพิพากษา โดยเห็นว่าควรลงโทษจำคุกนายพานทองแท้คดีฟอกเงิน 4 ปี ?
อ่านประกอบ :
Exclusive:ความเห็นแย้งผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนควรสั่งคุก 4 ปี‘โอ๊ค’คดีฟอกเงินกรุงไทย
ไม่รู้ว่าเงินจากการทำผิด! ละเอียดคำพิพากษายกฟ้อง‘พานทองแท้’คดีฟอกเงินกรุงไทย
‘พานทองแท้’รอด! ศาลยกฟ้องคดีฟอกเงินกู้กรุงไทย-เผยความเห็นแย้งควรสั่งคุก 4 ปี
EXCLUSIVE:เส้นทางเช็ค26ล.คดีฟอกเงินกู้กรุงไทย ก่อน อัยการ-DSI สั่งไม่ฟ้อง ‘โอ๊ค-แม่เลขาฯพจมาน’
ศาลนัดพิพากษาคดีฟอกเงิน 25 พ.ย.- ‘โอ๊ค’ยันคำเดิม!ได้เช็ค 10 ล.ลงขันทำธุรกิจ
ดีเอสไอ ส่งสำนวนฟ้อง 'พานทองแท้' กับพวกฟอกเงินกรุงไทย
คณะทำงานดีเอสไอสอบเพิ่ม‘โอ๊ค-พวก’ คดีฟอกเงินหลังถูกร้อง-ทั้งที่สรุปสั่งฟ้องแล้ว
ก่อน ปปง.กล่าวโทษคดีฟอกเงินกรุงไทย ขุมธุรกิจพันล.‘พานทองแท้’ ปี’59ฟัน198 ล.ขาดทุนยับ
คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ'
เฉลยชื่อผู้รับเช็คจาก'เสี่ยวิชัย’คดีกรุงไทย-‘พานทองแท้-มานพ’อยู่ในข่าย?
ย้อนเส้นทางคดีฟอกเงินกรุงไทย!ชื่อ‘พานทองแท้-พวก’โผล่รับเช็ค-ไม่เอ่ยถึงมูลนิธิรัฐบุรุษฯ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
หมายเหตุ : ภาพประกอบรถลัมโบร์กีนีจาก https://www.autodeft.com/