- Home
- Investigative
- ข่าวบุคคลดัง
- ย้อนเส้นทางคดีฟอกเงินกรุงไทย!ชื่อ‘พานทองแท้-พวก’โผล่รับเช็ค-ไม่เอ่ยถึงมูลนิธิรัฐบุรุษฯ
ย้อนเส้นทางคดีฟอกเงินกรุงไทย!ชื่อ‘พานทองแท้-พวก’โผล่รับเช็ค-ไม่เอ่ยถึงมูลนิธิรัฐบุรุษฯ
“…นี่คือจำนวนเช็ค 11 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องในเส้นทางการเงินของคดีนี้ ที่นายศิริชัย อ้างอิงจากผลการตรวจสอบของ ธปท. ซึ่งไม่พบว่า มีมูลนิธิรัฐบุรุษฯ หรือว่าองค์กรอื่น ๆ ตามที่นายพานทองแท้อ้างแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีเส้นทางเงินหลังจากนี้ตามการสอบสวนของดีเอสไอ พบว่า มีเงินไหลไปยังกลุ่มบุคคลอื่นอีกมาก แต่ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไปที่บุคคลใดอีกบ้าง…”
ชื่อของนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นที่สนใจจากสาธารณชนอีกครั้ง!
ภายหลังออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โต้กลับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกรณีถูกกล่าวหาพัวพันคดีฟอกเงิน ในคดีธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อเครือกฤษดามหานครโดยทุจริต (ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้วช่วงปลายปี 2558)
นายพานทองแท้ ยอมรับว่า มีธุรกรรมทางการเงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่อาจเกี่ยวข้องกับตัวเองในคดีดังกล่าว แต่เปิดเผยว่า ยังมีอีกหลายองค์กรที่ได้รับเงินก้อนนี้ด้วยอีกกว่า 300 องค์กร เช่น มูลนิธิรัฐบุรุษฯ หรือนายพลเรือคนดัง มีชื่อรับเงินด้วย (อ้างอิงข่าวจาก คมชัดลึกออนไลน์)
อย่างไรก็ดีไทยโพสต์ออนไลน์ อ้างแหล่งข่าวจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า ที่ประชุมคณะทำงานคดีนี้ มี พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานฯ ได้ประชุมกรณีดังกล่าวแล้ว คาดว่ากระบวนการนี้จะเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า โดยที่ประชุมมีความเห็นว่า ทรัพย์สินของนายพานทองแท้ ที่ได้มาจากธุรกรรมทางการเงินของเครือกฤษดามหานครดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน วงเงิน 10 ล้านบาท ส่วนนายวันชัย หงษ์เหิน นางกาญจนาภา หงษ์เหิน และนางเกศินี จิปิภิพ ที่ถูกกล่าวหาพัวพันเงินอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 26 ล้านบาท นั้น คณะทำงานฯเสียงข้างมากให้ตัดชื่อของนางเกศินี ที่เป็นมารดาของนางกาญจนาภาออก เนื่องจากสูงวัยเกินกว่าจะเล่นหุ้นดังกล่าวแล้ว
เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจเส้นทางการเงินคดีนี้มากขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบคำพิพากษากลางฉบับเต็ม และคำวินิจฉัยส่วนตนขององค์คณะผู้พิพากษาคดีดังกล่าว สรุปข้อเท็จจริงได้ ดังนี้
คดีฟอกเงินดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังศาลฎีกาฯพิพากษาจำคุกอดีตกรรมการผู้บริหารธนาคารกรุงไทย อดีตเจ้าหน้าที่สินเชื่อ และกลุ่มกฤษดามหานครจำนวนหลายราย โดยมีการกล่าวหานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1 ว่า เป็นคนสั่งการให้ผู้บริหารระดับสูงในธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้สินเชื่อดังกล่าว โดยอ้างว่า นายทักษิณคือ ‘บิ๊กบอส’ หรือ ‘ซูเปอร์บอส’ (ปัจจุบันข้อเท็จจริงนี้ยังไม่ได้ไต่สวนให้กระจ่างชัด เนื่องจากนายทักษิณ หลบหนีคดี จึงให้จำหน่ายคดีไว้เป็นการชั่วคราว)
ในคำพิพากษากลางตอนหนึ่ง ยืนยันว่า ข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน นายวิชัย กฤษดาธานนท์ (จำเลยที่ 25) ผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร (ขณะนั้น) มีการโอนเงินให้แก่บุตร และบุคคลใกล้ชิดนายทักษิณ (จำเลยที่ 1) จริง
แต่ไม่ฟันธงว่า ‘บิ๊กบอส’ หรือ ‘ซูเปอร์บอส’ คือนายทักษิณ ชินวัตร หรือคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ (อดีตภรรยานายทักษิณ) หรือว่ากลุ่มการเมืองที่เป็นเครือญาติของนายทักษิณหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงไม่กระจ่างชัด ?
อย่างไรก็ดีในคำวินิจฉัยส่วนตนของนายศิริชัย วัฒนโยธิน รองประธานศาลฎีกา (ขณะนั้น ปัจจุบันลาออกจากการเป็นประธานศาลอุทธรณ์แล้ว) ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ สรุปได้ว่า
ผลการสอบสวนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขณะนั้น พบว่า มีแคชเชียร์เช็ค 11 ฉบับ รวม 7,985,762,000 บาท (ประมาณ 7.9 พันล้านบาท) ที่เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว
โดยมีแคชเชียร์เช็ค 6 ฉบับ รวม 2,540,096,000 บาท (ประมาณ 2.5 พันล้านบาท) นำเข้าฝากบัญชีบริษัท โกลเด้น เทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (จำเลยที่ 19) ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขาศรีย่าน
นอกจากนี้ยังปรากฏพฤติกรรมในการทำธุรกรรมเบิกถอนเงินออกจากบัญชีดังกล่าว ระหว่างบุคคลหรือบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (จำเลยที่ 20 ปัจจุบันคือบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน)) หลายขั้นตอน และยังนำไปให้บริษัท โบนัสบอร์น จำกัด (บริษัทในเครือกฤษดามหานคร) ซ้อหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพของเครือกฤษดามหานครทั้งหมดเป็นเงิน 369,685,200 บาท ซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 197,622,555 บาท โอนให้บุคคลต่าง ๆ ในกลุ่มกฤษดามหานคร
ส่วนที่เหลืออีก 5 ฉบับ ถูกนำไปชำระหนี้รีไฟแนนซ์กับธนาคารกรุงเทพฯ จำนวน 3 ฉบับ เป็นเงิน 4,445,130,000 บาท (ประมาณ 4.4 พันล้านบาท) และนำไปซื้อหุ้นบุริมสิทธิชนิดแปลงสภาพของเครือกฤษดามหานคร คืนจากธนาคารกรุงเทพฯ ในนามของบริษัท แกรนด์ คอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมูนิเคชั่น จำกัด (จำเลยที่ 21) จำนวน 2 ฉบับ เป็นเงิน 1,000,536,000 บาท (ประมาณ 1 พันล้านบาท)
นอกจากนี้ยังพบว่า เงินกู้จำนวน 500 ล้านบาท ที่บริษัท อาร์เค โปรเฟสชั่นแนล จำกัด (จำเลยที่ 18 ในเครือกฤษดามหานคร) ได้รับจากธนาคารธนาคารกรุงไทย นั้น มีจำนวน 20 ล้านบาท ได้ถูกนำไปชำระค่าธรรมเนียมเงินกู้ที่บริษัท โกลเด้นฯ กู้ไปจากธนาคารกรุงไทย จำนวน 45 ล้านบาท ถูกนำไปชำระค่ามัดจำรีไฟแนนซ์ที่บริษัท โกลเด้นฯ มีต่อธนาคารกรุงเทพฯ ด้วย
นี่คือจำนวนเช็ค 11 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องในเส้นทางการเงินของคดีนี้ ที่นายศิริชัย อ้างอิงจากผลการตรวจสอบของ ธปท. ซึ่งไม่พบว่า มีมูลนิธิรัฐบุรุษฯ หรือว่าองค์กรอื่น ๆ ตามที่นายพานทองแท้อ้างแต่อย่างใด อย่างไรก็ดีเส้นทางเงินหลังจากนี้ตามการสอบสวนของดีเอสไอ พบว่า มีเงินไหลไปยังกลุ่มบุคคลอื่นอีกมาก แต่ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไปที่บุคคลใดอีกบ้าง
ส่วนเส้นทางการโอนเงินถึงนายพานทองแท้ กับพวก ซึ่งเป็นสาระสำคัญของคดีนี้ตามคำฟ้องของโจทก์ (เนื่องจากมีการอ้างว่า ‘บิ๊กบอส’ หรือ ‘ซูเปอร์บอส’ เป็นคนสั่งการให้ผู้บริหารระดับสูงธนาคารกรุงไทยปล่อยสินเชื่อให้กฤษดามหานคร และมีการโอนเงินตอบแทนดังกล่าว) นั้น
ผู้พิพากษารายอื่น แทบไม่แตะประเด็นนี้ เพราะไม่ฟันธงว่า ‘บิ๊กบอส’ หรือ ‘ซูเปอร์บอส’ คือนายทักษิณ หรือเครือญาติของนายทักษิณ มีเพียงนายศิริชัย รายเดียวเท่านั้นที่วินิจฉัยว่า ‘บิ๊กบอส’ หรือ ‘ซูเปอร์บอส’ คือนายทักษิณ
นายศิริชัย อ้างอิงผลการไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และจากปากคำให้การของพยาน ได้แก่ นายวิชัย อินทรมีทรัพย์ และนายอุตตม สาวนายน (ปัจจุบันเป็น รมว.อุตสาหกรรม รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์) ในฐานะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยขณะนั้น
พบว่า มีเครือเอกชน-นักการเมือง ที่เข้าข่ายรับเช็คจากนายวิชัยอย่างน้อย 4 ราย ได้แก่
1.นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่รับเช็คจากนายวิชัย กฤษดาธานนท์ และนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ (บุตรนายวิชัย) กรณีชำระค่าหุ้นบริษัท ช.การช่าง จำกัด ที่ระบุว่า จะจ่ายผ่านนายวันชัย แต่ไม่ทัน จึงให้จ่ายโดยตรงผ่านนางเกศินี และนางเกศินี โอนเงินเข้าบัญชีนายพานทองแท้ จำนวน 1.8 ล้านบาท และกรณีร่วมลงทุนกับนายรัชฎาจำนวน 10 ล้านบาท
2.นายมานพ ทิวารี กรณีได้รับเช็คจากบริษัท แกรนด์ แซทเทิลไลท์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือกฤษดามหานคร และเงินที่มีการโอนเข้าบัญชีก่อนหน้านี้ ซึ่งนายมานพ ระบุว่า ยืมมาจากนายวิชัย รวมเป็นเงินประมาณ 172 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้นบริษัท กฤษดามหานคร จำกัด
3.บริษัท ฮาวคัม จำกัด และ 4.บริษัท มาสเตอร์โฟน จำกัด ที่นายรัชฎานำเงินที่ได้จากสินเชื่อที่บริษัท โกลเด้นฯ ได้รับจากธนาคารกรุงไทย ไปซื้อหุ้นจองของบริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ 4.2 แสนหุ้น และนำมาเสนอขายแก่พนักงานของบริษัท ฮาวคัมฯ และบริษัท มาสเตอร์โฟนฯ ของนายพานทองแท้
นายศิริชัย เชื่อว่า ธุรกรรมของนายพานทองแท้และนายมานพ เป็นการรับผลประโยชน์ตอบแทนจากการที่บริษัท โกลเด้นฯ ได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทย
อย่างไรก็ดีประเด็นนี้ นายพานทองแท้ เคยชี้แจงต่อ คตส. แล้วว่า ฝากนายวันชัยซื้อหุ้นบริษัท ช.การช่างฯ ผ่านบัญชีของนางเกศินี วงเงิน 26 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดชำระในวันที่ 31 ธ.ค. 2546 แต่นายพานทองแท้เกรงว่าการโอนเงินค่าหุ้นดังกล่าวจะไม่ทัน จึงให้โอนเงินให้นายวันชัย ผ่านบัญชีของนางเกศินี ก่อนที่นางเกศินี จะโอนเงิน 1.8 ล้านบาท ให้นายพานทองแท้
อย่างไรก็ดีนายศิริชัย เห็นว่า ข้ออ้างดังกล่าวฟังไม่ขึ้น เนื่องจากการฝากนายวันชัยซื้อหุ้นตามที่อ้าง นายรัชฎาอ้างนั้น ย่อมสามารถโอนเงินค่าหุ้นเข้าบัญชีของนายวันชัยได้โดยตรงอยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลต้องนำแคชเชียร์เช็คฝากเข้าบัญชีนายพานทองแท้ เพื่อฝากชำระนายวันชัยอีกทอดหนึ่ง (อ่านประกอบ : คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ', เฉลยชื่อผู้รับเช็คจาก'เสี่ยวิชัย’คดีกรุงไทย-‘พานทองแท้-มานพ’อยู่ในข่าย?)
ทั้งนี้ตามการสอบสวนของดีเอสไอ แหล่งข่าวระดับสูงจากดีเอสไอเคยเปิดเผยสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงกรณีนี้ว่า อ้างอิงหลักฐานการสอบสวนของ ธปท. เกี่ยวกับเส้นทางการเงินผ่านเช็คหลายฉบับ เชื่อได้ว่า นายวิชัย มีการโอนเงินให้กลุ่มบุคคลต่าง ๆ อีกเป็นจำนวนมาก ในจำนวนเหล่านั้นมีนายพานทองแท้ ชินวัตร นายมานพ ทิวารี (บิดา น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย) นางกาญจนาภา หงษ์เหิน (เลขานุการส่วนตัวคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์) นายวันชัย หงษ์เหิน (สามีนางกาญจนาภา) และนางเกศินี จิปิภพ (มารดานางกาญจนภา) อาจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ขณะที่นางเกศินี และนายวันชัย ให้การยอมรับว่า นายวิชัย ได้โอนเงินเข้าบัญชีของตัวเองจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ (อ่านประกอบ : ‘แม่-สามีกาญจนาภา’รับได้เงิน‘เสี่ยวิชัย’จริง! ดีเอสไอเรียก‘โอ๊ค’แจง 4 มี.ค.)
ทั้งหมดคือข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของคดีนี้ที่มีการโยงถึงนายพานทองแท้ และพวกว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่จากการสอบสวนของดีเอสไอ พบว่า นอกเหนือจากนายพานทองแท้แล้ว ยังมีกลุ่มบุคคลอื่นอีกเป็นจำนวนมาก ที่ได้รับเงินจากการทำธุรกรรมระหว่างแบง์กรุงไทย กับเครือกฤษดามหานครดังกล่าว
ความคืบหน้าล่าสุดกรณีนี้ คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีการอายัดทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางเงินคดีดังกล่าวแล้ว วงเงินกว่า 40 ล้านบาท โดยมีชื่อของนางเกศินี จิปิภพ ด้วย เป็นบัญชีเงินฝาก มูลค่า 16 ล้านบาท (อ่านประกอบ : เปิดที่ดิน-เงินฝาก 40 ล.ถูก ปปง.ยึดพันคดีกรุงไทย- ‘แม่’เลขาฯ‘พจมาน’มีชื่อ)
ส่วนจะมีชื่อมูลนิธิรัฐบุรุษฯ และนายทหารพลเรือเอกชื่อดัง ติดอยู่ในข่ายตามที่นายพานทองแท้อ้างหรือไม่ คงต้องรอผลการสอบสวนของดีเอสไอต่อไป ?
อ่านประกอบ :
คำวินิจฉัยศาล-ข้อมูลดีเอสไอคดีกรุงไทย ก่อน ปปง.ยึดเงินฝาก16ล.‘แม่’ เลขาฯ‘พจมาน’
ประสาน ตลท.สาวลึก‘พานทองแท้’! อธิบดีดีเอสไอลุยสอบเองคดีฟอกเงินกรุงไทย
‘กรุงไทย’ขู่‘เอคิวฯ’ถ้าไม่วางเงินประกันพันล.คดีแพ่ง ชง ป.ป.ช.-สตง.-ขู่บังคับคดี
แค่ขายที่ดินปัญหาก็จบ! ‘เอคิว’เร่งติดต่อนักลงทุนซื้อ-ใช้หนี้คดีกรุงไทยหมื่นล.
ชำแหละสถานะ‘เอคิว’ ความพยายามผู้บริหารใช้หนี้คดีกรุงไทยหมื่นล.?
ตลท.ห้าม‘เอคิว’ลูกหนี้คดีกรุงไทยหมื่นล.ซื้อขายหลักทรัพย์-ยังขายที่ดินใช้หนี้ไม่ได้
ขาดทุนล่าสุด 2.2 พันล.! ล้วงเหตุผล ‘เอคิว’ลูกหนี้กรุงไทยหมื่นล.ทำไมยังไม่ชดใช้?
เปิดรายงานผู้สอบบัญชี! จับท่าทีผู้บริหาร‘เอคิว’ใช้หนี้คดีกรุงไทยหมื่นล.
พิพากษาจำคุก “ร.ท.สุชาย-วิโรจน์” 18 ปี ทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย ชดใช้หมื่นล.
จำแนกจำเลย-โทษเรียงตัวคดีกรุงไทย ไขปริศนา? ไฉนไม่มีชื่อ“พานทองแท้”
ดีเอสไอนัดถกจ่อสรุปคนพันคดีฟอกเงินกรุงไทย-‘โอ๊ค-เลขาฯพจมาน’ แจงแล้ว
‘พานทองแท้’ให้ถ้อยคำคดีฟอกเงินกรุงไทยแล้ว-‘กาญจนาภา’ขอเลื่อน
‘แม่-สามีกาญจนาภา’รับได้เงิน‘เสี่ยวิชัย’จริง! ดีเอสไอเรียก‘โอ๊ค’แจง 4 มี.ค.
‘สมยศ’ขายหุ้น‘เอคิว’ 750 ล.ให้‘เสี่ยโนอาร์-ลูก’ก่อนชิงนายกฯสมาคมบอล
‘พานทองแท้’ให้ถ้อยคำคดีฟอกเงินกรุงไทยแล้ว-‘กาญจนาภา’ขอเลื่อน
‘แม่-สามีกาญจนาภา’รับได้เงิน‘เสี่ยวิชัย’จริง! ดีเอสไอเรียก‘โอ๊ค’แจง 4 มี.ค.
หลักฐานใหม่คดีฟอกเงิน!พบ พนง.บ. พานทองแท้ถูกยืมชื่อซื้อหุ้น ทอท.
คาดสอบปากคำ‘พานทองแท้’คดีฟอกเงิน ก.พ.-ดีเอสไอขีดเส้นปิดคดี เม.ย.นี้
‘พานทองแท้’ขอเลื่อนให้ปากคำคดีฟอกเงินกรุงไทย-ดีเอสไอยันนัดหน้าต้องมา
ดีเอสไอยัน พนง.บ.พานทองแท้-กฤษดามหานครเข้าข่ายฟอกเงินคดีกรุงไทย
ดีเอสไอเรียก‘ทอท.-พนง.บ.พานทองแท้’ ให้ถ้อยคำคดีฟอกเงินกรุงไทย
ชัดๆอีกครั้ง! สัมพันธ์ลึก'พานทองแท้-ศิธา' ก่อนเผชิญหน้า DSI คดีฟอกเงินกรุงไทย
ดีเอสไอเชิญ ก.ล.ต.ให้ข้อมูล‘ลูกวิชัย’ ซื้อหุ้น ทอท.ขายต่อ พนง.บ.‘พานทองแท้’
ดีเอสไอสอบ‘วิชัย’ที่คุก! คดีฟอกเงินกรุงไทย-โอนให้โดยไม่มีหนี้ผิดเต็มประตู
เฉลยชื่อผู้รับเช็คจาก'เสี่ยวิชัย’คดีกรุงไทย-‘พานทองแท้-มานพ’อยู่ในข่าย?
หลักฐานโอนมัด! ดีเอสไอเชิญ‘วิชัย’ผู้บริหารกฤษดาฯแจงปมฟอกเงินคดีกรุงไทย
คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ'
ไขสัมพันธ์‘พานทองแท้-ลูกสาว‘เสี่ยวิชัย’ นอกคำวินิจฉัยศาลฎีกาฯคดีเงินกู้ กรุงไทย
ใช้ข้อมูล ธปท.สาวลึกเส้นทางเงินคดีกรุงไทย เอี่ยว 50 ราย-เครือนักการเมืองด้วย
คำวินิจฉัยผู้พิพากษาฯชำแหละเส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยง'พานทองแท้-มานพ'
5 ความเห็นผู้พิพากษาศาลฎีกาฯมัด! เส้นทางเงินคดีกรุงไทยถึง“พานทองแท้”
ดีเอสไอคัดคำพิพากษาสอบเส้นทางเงินคดีกรุงไทย-ปัดตอบโยง“พานทองแท้”
คำพิพากษาศาลฎีกาฯมัด! เส้นทางเงินคดีกรุงไทยโยงถึง“พานทองแท้”
นำเสนอ 15 นาที ก่อนปล่อยกู้ 9.9 พันล.!คำพิพากษามัด 'วิโรจน์-พวก' คดีกรุงไทย
เหตุผลศาลฎีกาฯคดีกรุงไทย ไม่รู้ใคร“บิ๊กบอส”-สาวไม่ถึง“พานทองแท้”ฟอกเงิน?
ดีเอสไอยันคตส.ไม่กล่าวหา'พานทองแท้' ฟอกเงินคดีกรุงไทย-รับของโจรไม่มีมูล
“แก้วสรร”สวนดีเอสไอ ยัน คตส.ให้เอาผิด “พานทองแท้-พวก”ฟอกเงินคดีกรุงไทย
แก้วสรร อติโพธิ : คดีทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย ภาค 2
ขยายปม อสส.ไม่ฟ้อง“พานทองแท้-พวก”รับของโจรคดีกรุงไทย ใครรับผิดชอบ?
อัยการยัน“พานทองแท้-พวก”ไม่ใช่ จนท.รัฐ ชนวนไม่ฟ้องปมรับของโจรคดีกรุงไทย
จำแนกจำเลย-โทษเรียงตัวคดีกรุงไทย ไขปริศนา? ไฉนไม่มีชื่อ“พานทองแท้”
ข้อมูลลับความเชื่อผู้บริหาร "เอคิว" ก่อนศาลฯ พิพากษาชดใช้กรุงไทยหมื่นล.!
คำให้การมัดคดีกรุงไทยโผล่เว็บศาลฯ ชื่อ 2 กก.บริหาร "อุตตม-รมว.ไอซีที" รอด!
พิพากษาจำคุก “ร.ท.สุชาย-วิโรจน์” 18 ปี ทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย ชดใช้หมื่นล.
หมายเหตุ : ภาพนายพานทองแท้ จาก mthai