‘สมคิด’ โชว์ รถไฟฟ้า-รถไฟทางคู่-อีอีซี ผลงานศก. เลิกกินบุญเก่าป๋าเปรม 30 ปี
‘สมคิด’ แจงนโยบายเศรษฐกิจ ย้อนไกลถึงต้มยำกุ้ง สู่ที่ปรึกษา คสช. โชว์กระตุ้น ศก. ขวบปีแรก จีดีพีขยับ รถไฟฟ้า-รถไฟทางคู่-อีอีซี เป็นผลงาน เลิกกินบุญเก่าป๋าเปรม 30 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 25 ก.ค. 2562 ที่อาคารทีโอที แจ้งวัฒนะ (รัฐสภาชั่วคราว) มีการประชุมร่วมรัฐสภาระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส. ) และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา เพื่อรับฟังคำแถลงนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเปิดโอกาสให้มีการอภิปราย
โดยในช่วงค่ำ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงตอนหนึ่งถึงประเด็นด้านเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่า มีโอกาสได้อยู่ในการเมืองตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ซึ่ง 6 ปี ไม่ใช่ของง่ายตั้งแต่มีวิกฤตต้มยำกุ้ง ในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “การบริหารเศรษฐกิจ” ของประเทศ ซึ่งสิ่งสำคัญ คือ นโยบายและผู้ขับเคลื่อน แต่ความจริงแล้ว ปัญหาของไทยมีมากกว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง หากไม่เปลี่ยนแปลงจะไม่มีโอกาสทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
ทั้งนี้ สมัยเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง เราใช้เวลา 4 ปี ในการฟื้นฟูวิกฤตขึ้นมาได้ แล้วรัฐบาลสมัยนั้นต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น แต่โอกาสขับเคลื่อนยากมาก เพราะการขับเคลื่อนต้องมีนโยบายระยะยาว บนพื้นฐานแข็งแกร่ง จึงจะยั่งยืนได้ แต่ระบบการเมืองหรือระบบรัฐสภาไทยมีการเลือกตั้งบ่อยครั้ง ฉะนั้นทำให้นโยบายส่วนใหญ่อยู่ในเชิงระยะสั้น เพื่อเรียกร้องคะแนนนิยม ทำให้การทำหลายสิ่งยากมาก
“6 ปีที่เสียไป ทำได้อย่างเก่ง คือ ฟื้นฟูประเทศหลังต้มยำกุ้ง” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว และว่า อย่างไรก็ตาม เคยมีความพยายามหลายครั้งในการลงทุนเมกะโปรเจกต์
นายสมคิด ระบุจำได้ว่า ช่วงท้ายสมัยนั้น มีการเรียกทูตทั่วโลกมาที่ตึกนารีสโมสรเพื่อให้ลงทุนเมกะโปรเจกต์ เพราะรู้ว่าไทยล้าหลังไปมาก แต่ไม่ทันเวลา เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น ตนเองจึงหายไปสิบปี กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะพล.อ.ประยุทธ์ ให้มาเป็นที่ปรึกษา
“ในช่วงเวลาของปีที่เข้ามาเป็นที่ปรึกษาของ คสช. เศรษฐกิจขณะนั้นไม่ดี ถ้าเปรียบเหมือนชีพจร เรียกว่า ‘เต้นแผ่ว’ ซึ่งจะไม่เต้นแผ่วได้อย่างไร เพราะในยุคก่อนหน้าที่คสช.จะเข้ามา ลองหลับตานึกภาพว่าเป็นอย่างไร บ้านเมืองจลาจลวุ่นวาย อย่าไปโทษว่าฝ่ายไหนผิด แล้วหลังจากนั้นมีน้ำท่วมใหญ่เกิดขึ้น สร้างความเสียหายมหาศาล แต่เราไม่โทษใคร ถือว่าเป็นโชคร้ายของประเทศไทย”
หลังจากนั้น 1 ปี ของการเกิดน้ำท่วมใหญ่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จีดีพีขยับขึ้นไป 7.2% ในขณะที่ปีเกิดน้ำท่วมใหญ่จีดีพีติดลบ แต่หลังจากนั้นลดลงมาเหลือแค่ 2.7% และ 1% จนกระทั่งติดลบ 0.4% ในไตรมาส 1 ของปี 2557 ก่อนที่คสช.จะเข้ามา มีเงินเฟ้อต่ำกว่าศูนย์ แสดงว่า “ชีพจรแผ่ว” ความมั่นใจไม่เหลือแล้ว
นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงเมืองไทย เพราะไม่ปลอดภัย การส่งออกหดตัว ตลาดโลกไม่ดี แต่การหดตัวนั้น ปัญหาใหญ่กว่าที่คิด จึงไม่ใช่เรื่องง่ายในการแก้ไข อีกทั้งการลงทุนน้อยมาก ไม่มีใครเข้ามาลงทุน เพราะถนนเต็มไปด้วยม็อบ ความปลอดภัยไม่มี เศรษฐกิจถดถอย
นายสมคิด ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ระบุว่าไทยเป็นผู้ป่วยของเอเชียนั้น ตอนนั้นเมืองไทยสับสนวุ่นวายมาก ฉะนั้นถ้าสภาพการณ์เป็นอย่างนั้น ลองนึกดูว่าเมืองไทยมีอนาคตหรือไม่ ส่วนเรื่อง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่มีอะไรดีเลย เละเทะ ถามว่าจริงหรือไม่ ไม่โต้เถียง จะว่าเละเทะก็เละเทะ ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องชี้นำเลยว่า ใครผิดใครถูก
ทั้งนี้ ตอนที่ตนเองเข้ามาทำงานได้ประกาศกับทีมเศรษฐกิจว่า จะให้เศรษฐกิจตกต่ำไมได้ ฉะนั้นสิ่งที่พยายามทำในปีแรก คือ “การกระตุ้นเศรษฐกิจ” ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากกระตุ้น ทุกมาตรการไม่ว่าของรัฐบาลเก่าหรือใหม่ นำมาใช้ทั้งหมด
ยกตัวอย่าง “กองทุนหมู่บ้าน” ตอนนั้นใคร ๆ บอกให้ยุบทิ้ง แต่นายกรัฐมนตรีไม่ยุบ เพราะกองทุนหมู่บ้านคือกระดูกสันหลังที่แข็งแรงมาก ไม่มีใครเป็นเจ้าของ และไม่ยกเลิกโครงการสามสิบบาท เพียงแต่พัฒนาให้ดีขึ้น
ส่วนโครงการรับจำนำข้าว เลิกแน่! สาเหตุเพราะระยะหลังนโยบายเพี้ยนไป ทำให้มีข้าวเต็มโกดัง 17 ล้านตัน กดดันให้ราคาข้าวทั่วโลกและไทยตกต่ำ
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารัฐบาลพยายามทำงาน ซึ่งจีดีพีขยับขึ้นจาก 1% เป็น 3% และ 4% ไตรมาส 1 ของปี 2561 ขยับขึ้นเป็น 4.8% รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ได้คุยและดีใจ และยังเคยให้สัมภาษณ์ว่า อย่าฝันเลยว่าจะเกิน 5% หรือยืนอยู่อย่างนี้ได้ หากท่านไม่ปฏิรูป
นายสมคิด กล่าวต่อถึงประเด็นการลงทุน ก่อนเกิดรัฐประหาร คนหนีการลงทุน คู่แข่งไทยอย่าง เวียดนาม พม่า ฟิลิปปินส์ ตั้งคำถามว่า “เรากินบุญเก่าประเทศมา 30 ปี ตั้งแต่สมัยพล.อ.เปรม ไม่ว่าจะเป็นแหลมฉบังและมาบตาพุด ไม่เคยเปลี่ยนแปลงอะไรเลย หากไม่สร้างสิ่งใหม่ให้จูงใจนักลงทุนมาเมืองไทยได้”
“เรามีอะไรดีกว่าเวียดนาม พม่า ค่าแรงแพงกว่า เทคโนโลยีครึ่ง ๆ กลาง ๆ ถ้าไม่ปฏิรูปจะมีอะไรพัฒนาได้ ซ้ำร้ายที่สุดอนาคต สังคมเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน พฤติกรรมคนเปลี่ยน การผลิตเปลี่ยน การค้าเปลี่ยน แล้วถ้าเราไม่เปลี่ยนตามให้ทัน คิดว่าเราอยู่ได้หรือไม่”
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เราพยายามวางรากฐานไว้ ไม่ใช่ว่าจีดีพีโตแล้วดีใจ เราพยายามวางรากฐานเพื่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ คือ ความเหลื่อมล้ำ ถ้ามีมาอยู่ไม่ได้ เพราะสังคมจะตีกัน คนจนมากจะไม่ฟังเหตุผล สิบเบี้ยใกล้มือจะเอาเงินนี้ไว้ก่อน
“ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา ถ้าเป็นธรรมกับรัฐบาล ราคาข้าวตกต่ำ สินค้าเกษตรตกต่ำ ข้าวแย่กว่าเพื่อน เพราะมีแรงกดดันจากข้าวในสต๊อกมหาศาล ชาวนาเกือบ 30 ล้านคน จีดีพีไม่ถึง 10% แล้วจะเอาส่วนแบ่งที่ไหนได้ ถือว่าน้อยมาก ยกเว้นทางเดียวระยะสั้นช่วยได้ คือ จำนำข้าว ประชาธิปัตย์ ใช้ประกันรายได้ ขณะที่รัฐบาลที่ผ่านมาใช้เพิ่มรายได้ ทุกคนเน้นไปเหตุการณ์เฉพาะหน้า ยืนยันว่าเป็นการช่วยเหลือ พยายามยกระดับราคาขึ้นมาเท่าที่จะทำได้ในขณะนั้น”
ดร.สมคิด ทราบว่าราคาแค่นั้นไม่เพียงพอ ที่มีข่าวชาวนาฆ่าตัวตายที่นครปฐม มีใครดีใจบ้างหรือไม่ ทุกคนเสียใจหมด แต่เป็นสัจธรรมข้อหนึ่งที่บอกว่า ราคาสินค้าที่ผลิตขึ้นมา ต่อให้ช่วยเต็มที่ แต่โครงสร้างทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่เอื้ออำนวยชาวนา เพราะเหตุใดต่างประเทศรู้จักใช้สินค้าข้าวจากไทยไปทำสินค้านานาประเภทมีมูลค่าสูง รู้จักแปรรูปสินค้าให้ดี สนับสนุนให้เกษตรกรค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซได้ และพยายามนำเข้ามาในไทยในช่วง 4-5 ปี
ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่เรามองและกล้าทำลงไป เรารู้ว่าคนจนนั้น สมัยก่อนจะช่วยไปไม่ถึงคนจน กระทรวงการคลังขณะนั้นจึงสร้างระบบพร้อมเพย์ขึ้นมา มีประโยชน์ 2 อย่าง คือ ลดต้นทุนทั้งระบบ โดยทำให้ทุกอย่างไปถึงมือชาวบ้านและร้านค้าย่อยได้
สิ่งสำคัญ สวัสดิการประชารัฐที่ทำขึ้นมาคู่กับพร้อมเพย์ อิเล็กทรอนิกส์ ทรานเฟอร์ เพราะวิธีนี้สามารถยิงเงินไปยังที่ต้องการได้ตรง ๆ “ไม่มีทางที่ไอศกรีมละลายระหว่างทาง”
“มีการระบุว่า บัตรสวัสดิการประชารัฐเอื้อคนรวย พวกเราหลายคนเกิดมาในครอบครัวจน เรารู้ว่าคนจนแย่อย่างไร ถ้าไม่มีการศึกษา มีรายได้เพียง 3 หมื่นบาท/ปี ถามว่า อยู่ได้อย่างไร ซึ่งบัตรสวัสดิการประชารัฐ เริ่มต้นให้ซื้อผ่านธงฟ้า เพราะไม่มีอี-วอลเลท เราต้องการให้ชาวนาซื้อของที่จำเป็นเท่านั้น รวมถึงสินค้าใช้บริโภคประจำวัน แก๊ส และค่าเดินทาง”
อย่าลืมว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในอดีตขี้เหนียวมาก ไม่ใช่อยู่ ๆ จะอนุมัติง่าย ๆ แต่เริ่มขึ้นมาดีและจูงใจให้ร้านค้าย่อยมีเครื่องรูดการ์ด ฉะนั้นหลังจากนั้น จึงให้ซื้อขายผ่านร้านค้าย่อยอื่น แล้วให้เงินสดเพิ่มเติมในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี จึงยืนยันไม่มีเจตนาแจกเงิน แล้วทั้งหมดเป็นการแก้ไขปัญหาระยะสั้น
ส่วนอนาคตข้างหน้า ดร.สมคิดระบุ คนแก่เยอะ แต่ยังไม่มีระบบสวัสดิการ ลองนึกดูอะไรจะเกิดขึ้น ฉะนั้นหน้าที่ทำมาหลายปี จะทำอย่างไรเพื่อวางรากฐานรับมือข้างหน้าได้
ยกตัวอย่าง การส่งออก คิดว่าจะหาตลาดใหม่ กระทรวงพาณิชย์หามากี่ปีแล้วทุกช่องทาง ประชุมทุกปี ทุกคนมาถึงกำหนดเป้าหมาย แต่ไม่ง่าย สมัยนี้แข่งขันสูง ฉะนั้นการส่งออกได้ดี สินค้าต้องแข่งขันได้ มีมูลค่าสู้ได้ ถ้ามีแต่อุตสาหกรรมเดิม ยานยนต์ทั้งประเทศไปไม่ได้ สินค้าเกษตรแปรรูปเป็นหัวใจ ฉะนั้นจะทำอย่างไร
ขณะที่การท่องเที่ยว เราประกาศส่งเสริมท่องเที่ยวเมืองรอง เพราะการแก้ไขปัญหาความยากจนดีที่สุด คือ ชุมชนต้องเข้มแข็ง เกษตรกรหนึ่งคน จน อ่อนแอ ถ้าชุมชนเข้มแข็งได้ สามารถนำเทคโนโลยีเข้าไปได้ เอาสิ่งใหม่ ๆ เข้าไปได้ ก็สามารถสร้างมูลค่าได้
นอกจากนี้รัฐบาลมีโครงการเมกะโปรเจกต์ ก่อสร้างทางรถไฟรางคู่อย่างน้อย 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 4,000 กิโลเมตรภายใน 5 ปี และยังเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟไปเมืองรองด้วย และมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า 7 เส้นทาง
รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ถ้าไม่มีอีอีซี จะเอาอะไรไปขายสู้กับเวียดนาม เรามีอะไร ค่าแรงแพงกว่าครึ่งหนึ่ง อีอีซีจึงเกิดขึ้นมา เพื่อให้เป็นแหล่งผลิตสินค้าที่มีมูลค่าและเป็นศูนย์กลางภูมิภาค
"อย่างน้อยวันนี้ 5 โครงการใหญ่ เเหลมฉบัง มาบตาพุด รถไฟ สนามบินอู่ตะเภา เป็น 4 โครงการที่เดินหน้าเเล้ว เหลือเเค่ศูนย์ซ่อมที่ยังไม่เดินหน้า ต้องไปเร่งให้ดีขึ้น ฉะนั้นอีอีซีต้องเกิด เพราะสร้่างจุดขายให้ประเทศไทย สร้างเเรงดึงดูดให้ประเทศไทย สิ่งเหล่านี้บอกว่าสร้างหนี้เยอะเเยะ สมัยก่อนไม่ได้สร้าง สมัย 4-5 ปีก่อนที่รัฐบาลจะเข้ามา ตัวหนี้ต่อจีดีพีเท่าไหร่ ครั้งนี้ล่าสุดอยู่เเค่ 42% ไม่สูงกว่าในอดีต ที่กู้มาลงทุนอะไรจริงจัง สร้างรายได้ในอนาคตได้หรือไม่ ถ้าสร้างได้ จีดีพีโตขึ้นมา สามารถรองรับขึ้นมาได้" นายสมคิด กล่าว
อ่านประกอบ:จุรินทร์ เล็งนับหนึ่งตั้งกรอ.พาณิชย์- เพิ่มยอดส่งออกให้เอกชนเป็นทัพหน้า
จ่อฟ้องฝ่ายค้าน-คนนอก 4-5 คนใช้หลักฐานเท็จ! ‘อุตตม’ ยันไม่มีเอี่ยวคดีกรุงไทย
'บิ๊กตู่'วอล์คเอาท์-'พรเพชร'เชิญ'เสรีพิศุทธ์'ออกนอกห้อง ปมไม่ถอนคำพูดกล่าวหาโกงเลือกตั้ง
วินาทีถูกเชิญออกนอกห้องประชุม! เสรีพิศุทธ์:"เสียใจที่วันนี้ต้องเสียน้องชายไปคนหนึ่ง"
ส.ส.ฝ่ายค้านเบรก‘บิ๊กตู่’ให้พูดตามเอกสารแถลงนโยบาย-‘ปิยบุตร’กล่าวหา ครม.ถวายสัตย์ฯไม่ครบ
น้อมนําพระปฐมบรมราชโองการร.10 บริหารปท.! นโยบายรบ.'บิ๊กตู่'เสร็จแล้ว มุ่งปราบทุจริตด้วย
โชว์ 12 นโยบายด่วน‘รบ.บิ๊กตู่’ หนุนแก้ รธน.-ยกเครื่องระบบยุติธรรม-สางปัญหาทุจริต
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/