จับตา 'บิ๊กป้อม' สั่งสอบปลอมชื่อเบิกเบี้ยเลี้ยงส.ฮอกกี้ - เอาจริงหรือแค่รับปากเฉยๆ
"... เมื่อสำนักข่าวอิศรา ติดต่อไปยัง นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าฯ กกท. เพื่อสอบยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ กลับได้รับคำตอบว่า ยังไม่เห็นคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าว เป็นไปได้ว่าเรื่องอาจจะยังถูกส่งมาไม่ถึง พร้อมยืนยันว่า กรณีปัญหาในเรื่องสมาคมฮอกกี้น้ำแข็ง นั้น กกท.ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาปัญหาและข้อพิพาทที่อยู่ในสมาคมการกีฬาต่างๆ แล้ว แต่คงต้องใช้เวลาในการจัดการ เพราะจำนวนเรื่องที่ส่งเข้ามาให้คณะกรรมการชุดนี้พิจารณา มีค่อนข้างมาก..."
"เมื่อประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้ออกคำสั่งไปถึง นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าฯ กกท. ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ใน 3 ประเด็น คือ
1. ประเด็นเรื่องการปลอมลายมือชื่อของนักกีฬาในการเบิกเงินว่ามีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
2. เมื่อเบิกมาแล้วมีการจ่ายเงินให้กับนักกีฬาไม่ครบตามจำนวนหรือไม่
3. การคัดเลือกตัวฝึกซ้อมเพื่อเป็นนักกีฬาทีมชาติใช้หลักการที่ถูกต้องชอบธรรมหรือไม่"
คือ ข้อมูลยืนยันล่าสุด จาก นายณัฐฏ์ ธีรณัฐสุภานนท์ เลขาธิการสภาธรรมาภิบาลแห่งชาติ ถึงความคืบหน้าปัญหาการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงของนักกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย ที่ถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยงการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่เมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ฤดูหนาว ที่เมืองซัปโปโระ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีนักกีฬาบางส่วนไม่ได้ไปร่วมการแข่งขัน แต่ปรากฏชื่อในใบเบิกงบประมาณของสมาคมฯ จากการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายนักกีฬา ค่าเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา และได้รับเงินไม่ครบจำนวนตามที่มีการทำเรื่องเบิกจ่ายเป็นทางการ ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ : 'บิ๊กป้อม' เอาจริง! สั่งสอบปลอมชื่อเบิกเบี้ยเลี้ยงส.ฮอกกี้-เรียกนักกีฬาให้ข้อมูล31ก.ค.นี้)
หากพิจารณาถึงนัยยะวัตถุประสงค์การออกคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบัน ผู้บริหารระดับสูง ของ กกท. ได้รับทราบข้อมูลเรื่องนี้เป็นทางการแล้ว และต้องการจะค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ หากสาธารณชนยังจำกันได้ เงื่อนปมของเรื่องนี้ มีจุดเริ่มต้นในช่วงเดือน ธ.ค.2561 เมื่อ สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจาก นายณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ว่า มีปัญหาเกิดขึ้นใน สมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย เรื่องการหักหัวคิวเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา ซึ่งมีลักษณะส่อว่าจะการสวมสิทธิ์รับเงินเบี้ยเลี้ยงนักกีฬา
โดยปรากฎพฤติการณ์ ว่า มีการนำเอาชื่อนักกีฬาที่ไม่ได้ไปแข่งขันในมหกรรมการกีฬาระดับชาติไปเบิกงบประมาณค่าใช้จ่ายกับ กกท. แต่นักกีฬาที่ปรากฏชื่อ อ้างว่า ไม่ได้รับเงินดังกล่าวแต่อย่างใด
ส่วนการจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงกับนักกีฬานั้นจะให้เป็นเงินสด แค่ครั้งเดียวในช่วงไม่กี่วันก่อนจะไปแข่งขันเท่านั้น และบางรายยังได้รับเงินไม่ครบเต็มจำนวนตามที่มีการทำเรื่องเบิกจ่ายเป็นทางการด้วย และนอกจากปัญหาเรื่องการเบี้ยจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงแล้ว นักกีฬายังถูกเรียกเก็บเงินค่าซ่อมอีกวันละ 500 บาทด้วย
ขณะที่ สมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้สตาฟโค้ชชี้แจงประเด็นดังกล่าวกับสำนักข่าวอิศรา โดยยืนยันว่า ไม่มีปัญหาเรื่องการสวมสิทธิ์รับเงินตามที่มีการร้องเรียนกับสื่อ การดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
สตาฟโค้ชรายนี้ ยืนยันว่า "ในกระบวนการขอเงินสนับสนุนจาก กกท. ทางสมาคมฯ จำเป็นต้องส่งรายชื่อนักกีฬาทั้งหมดที่มีไปให้กับ กกท. แต่ในเวลาต่อมา ทางสมาคมฯ ก็จะต้องคัดเลือกนักกีฬาที่ดีที่สุด 20 คน เพื่อเอาไปแข่งขัน แต่ถ้าหากทางสมาคมฯ ไม่ได้ส่งชื่อให้ กับ กกท.ไปตั้งแต่ต้น ก็หมายความว่าคนที่ไม่ถูกส่งชื่อไปจะหมดสิทธิ์การแข่งขัน หลังจากนั้นในช่วง 2 เดือนก่อนการไปแข่งขัน กกท. ก็จะต้องเอางบประมาณในการฝึกซ้อมมาดูว่าต้องทำอย่างไรบ้าง"
“สมมติว่ามีชื่ออยู่ 40 คน ส่งไปให้ กกท. เราก็ต้องตัดออกไปให้เหลือ 20 คน ซึ่งทุกสมาคมกีฬาทำแบบนี้กันหมด”
"ถ้าหากทางสมาคมฯ ตัดสินใจคืนเงินในส่วนผู้ที่ไม่ได้ไปร่วมการแข่งขันกลับไปยัง กกท. ในปีหน้า กกท. ก็อาจจะไม่ให้เงินของนักกีฬาตรงนี้กลับมายังสมาคมฯได้ เพราะเขามองว่าเอาไปแล้วก็ไม่ได้ใช้ ดังนั้น สมาคมก็ต้องแปลงเงินตรงนี้ไปใช้อย่างอื่นเพื่อพัฒนาสมาคม"
สตาฟโค้ชรายนี้ รายนี้ ยังระบุว่า ส่วนตัวแล้วเข้าใจว่าปัญหาอีกประการหนึ่งที่ทำให้มีการกล่าวหากันในประเด็นเรื่องการสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยงในครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะเรื่องของตัวนักกีฬาเองที่เขาถูกตัดชื่อออกโดยโค้ชเพราะความสามารถไม่ถึง เขาก็เลยมาฟ้องร้องกัน
อย่างไรก็ดี ผู้บริหารสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งรายหนึ่ง ให้ข้อมูลตรงกันข้ามว่า ที่ผ่านมาเคยมีการนำปัญหาเรื่องการเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงของนักกีฬาเข้ามาหารือกันในสมาคมฯ แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการเซ็นรับเบี้ยเลี้ยงของนักกีฬา ที่ตัวนักกีฬาไม่ได้เซ็นชื่อเอง แต่มีบุคคลอื่นมาเซ็นชื่อแทนให้ ซึ่งส่วนตัวได้ทักท้วงไปแล้วว่า พฤติกรรมแบบนี้ไม่เหมาะสม อย่าทำ ต้องให้นักกีฬาเป็นคนเซ็นเอง เพราะเป็นสิทธิของนักกีฬา และถ้าไปทำแบบนั้น ก็เท่ากับว่าเป็นการทำเอกสารไม่ถูกต้อง และยังยืนยันข้อมูลที่ขัดแย้งกับทางสตาฟโค้ชอีกว่า การจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงที่ผ่านมานั้น ไม่เคยจ่ายเป็นแคชเชียร์เช็คเลย แต่จ่ายเป็นเงินสด ไม่ก็โอนเข้าบัญชีนักกีฬาโดยตลอด ส่วนประเด็นเรื่องที่สมาคมกีฬาฯ ได้เก็บเงินค่าฝึกซ้อมกับนักกีฬานั้น ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะไม่ได้เข้าประชุมมาประมาณ 2-3 ปีแล้ว
ภายหลังได้รับคำชี้แจงข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่าย สำนักข่าวอิศรา ได้สรุปข้อมูลปัญหาเรื่องนี้ พบว่า มีแง่มุมที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องเร่งตรวจสอบข้อมูลให้เกิดความกระจ่างโดยเร็วก็คือ
1. การนำชื่อของนักกีฬา ที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมแข่งขันในต่างประเทศ มาใช้ในการเบิกจ่ายเงินเป็นข้อมูลจริงหรือไม่ ถ้ามีการดำเนินการลักษณะนี้จริง ถือเป็นการฝืาฝืนระเบียบการใช้จ่ายเงินหรือไม่? นอกจากนี้จำนวนเงินที่นักกีฬาแต่ละรายได้รับ ตรงตามยอดจริง ที่มีการเบิกจ่ายหรือไม่?
2. ภายหลังได้รับเงินสนับสนุนมาแล้ว สมาคมกีฬาฯ นำเงินไปใช้ประโยชน์ในเรื่องอะไรบ้าง โดยเฉพาะเงินในส่วนเกินที่เบิกจ่ายมา โดยชื่อนักกีฬา ที่ไม่ได้เดินทางไปแข่งขันด้วย
3. งบประมาณที่ กกท. สนับสนุนให้เป็นค่าซ้อมมีจำนวนเท่าไร ทำไมจะต้องมีการเรียกเก็บจากนักกีฬาเพิ่มเติมอีกวันละ 500 บาท ถ้าจ่ายมาครบแล้ว เงินส่วนนี้หายไปไหน
4. การใช้จ่ายเงินของสมาคมกีฬาประเภทอื่น มีปัญหาแบบเดียวกันกับที่เกิดขึ้นสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งฯ หรือไม่ เนื่องจากสตาฟโค้ชสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งฯ ยืนยันว่า สมาคมกีฬาอื่น ก็ใช้วิธีการเบิกจ่ายงบประมาณแบบเดียวกัน
แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับคำถามเหล่านี้ ออกมาจากผู้มีอำนาจรับผิดชอบโดยตรงแต่อย่างใด?
จากนั้น ก็มีข่าวปรากฎว่า ตัวแทนกลุ่มนักกีฬา ได้ไปเข้ายื่นเรื่องต่อ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องการใช้จ่ายเงินของสมาคมกีฬาฮอกกี้น้ำแข็งแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาต่างๆ ด้วยเช่นกัน
ก่อนที่เรื่องราวต่างๆ จะค่อยๆ เงียบหายไป
จนกระทั่งนายณัฎฐ์ ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าเรื่องนี้ให้สำนักข่าวอิศรา ได้รับทราบว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กกท. ได้รับทราบเรื่อง และสั่งให้มีการสอบสวนเป็นทางการตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปแล้ว
พร้อมยืนยันว่า ในส่วนของนายณัฎฐ์เอง ยังได้รับการประสานงานให้นำตัวนักกีฬาที่ได้รับผลกระทบจากกรณีนี้ เพื่อเข้าให้ข้อมูลกับทางคณะกรรมการสอบสวน ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อสำนักข่าวอิศรา ติดต่อไปยัง นายก้องศักดิ์ ยอดมณี ผู้ว่าฯ กกท. เพื่อสอบยันข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ กลับได้รับคำตอบว่า ยังไม่เห็นคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนดังกล่าว เป็นไปได้ว่าเรื่องอาจจะยังถูกส่งมาไม่ถึง พร้อมยืนยันว่า กรณีปัญหาในเรื่องสมาคมฮอกกี้น้ำแข็ง นั้น กกท.ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาปัญหาและข้อพิพาทที่อยู่ในสมาคมการกีฬาต่างๆ แล้ว แต่คงต้องใช้เวลาในการจัดการ เพราะจำนวนเรื่องที่ส่งเข้ามาให้คณะกรรมการชุดนี้พิจารณา มีค่อนข้างมาก
เมื่อคำชี้แจงของ นายก้องศักดิ์ ออกมาเป็นแบบนี้ กรณีการออกคำสั่งสอบสวน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ดังกล่าว สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน จึงยังเป็นประเด็นที่ต้องรอดูความชัดเจนอีกครั้ง ว่า ในท้ายที่สุดแล้ว มีการสั่งดำเนินการจริงเป็นลายลักษณ์อักษร หรือ เป็นสั่งการด้วยวาจา รับปากไปเฉยๆ เท่านั้น
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม การออกมาเปิดเผยข้อมูลใหม่ ของ นายณัฎฐ์ ที่มีการยืนยันว่า ปัจจุบันนักกีฬาที่ออกมาร้องเรียนเรื่องนี้ ได้ถูกคัดชื่อออกไม่ให้ไปร่วมแข่งขันในกีฬาซีเกมส์ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศฟิลิปปินส์ ช่วงวันที่ 30 พ.ย. ถึงวันที่ 11 ธ.ค.นี้แล้ว ก็นับเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ ที่ไม่ควรถูกมองข้ามโดยเด็ดขาด
เพราะในข้อเท็จจริงของสาเหตุการคัดชื่อนักกีฬาออกดังกล่าว มิได้มีปัจจัยมาจากเรื่องศักยภาพความสามารถทางด้านกีฬาของนักกีฬา ที่ไม่ถึงขั้นให้เข้าร่วมแข่งขันได้
หากแต่เป็นผลมาจากการออกมาเปิดโปงข้อมูลความไม่โปรงใส ในการใช้จ่ายเงินของสมาคมฯ ก็สะท้อนให้เห็นถึงพฤติการณ์ ที่ไม่เหมาะสมของผู้อำนาจ ที่จงใจเอาคืนนักกีฬาคู่กรณี ตามที่มีหลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ว่า อนาคตของนักกีฬารายนี้ หมดไปแล้ว นับตั้งแต่ตัดสินใจออกมาร้องเรียนความเป็นธรรม เปิดโปงข้อมูลความไม่ชอบมาพลเรื่องนี้
คำถามที่น่าสนใจ คือ ผู้มีอำนาจใน กกท. ทั้ง ผู้ว่าการฯ กกท. รวมไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานกกท. เคยได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างหรือไม่
เมื่อทราบแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อไป? ถ้าเป็นจริงจะยอมปล่อยให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยหรือไม่
จะนิ่งเฉยไม่ดำเนินการอะไร? แล้วปล่อยให้ นักกีฬารายนี้ เผชิญหน้ากับชะตากรรม ที่ไม่พึ่งประสงค์แบบนี้ต่อไป อย่างโดดเดี่ยวเหมือนที่เคยเป็นมาตามเดิม
เพราะ "เมื่อท่านพูดเราจะฟัง แต่เมื่อท่านลงมือทำ เราจึงจะเชื่อ"
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
รุกยื่นสตง.สอบปมสวมสิทธิเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาฮอกกี้-จ่อฟ้องเพิ่มคดีปลอมลายเซ็นแข่งซีเกมส์
'ก้องศักดิ์'ยังไม่ได้คลิปขู่นักกีฬาฮอกกี้ -ลั่นรอดูผลสอบเบิกงบ ชี้ผิดกก.โหวตมติโดนหมด
ปูดคลิปเสียงปริศนาขู่นักกีฬาฮอกกี้ฟ้องผู้บริหารเหมาเข่ง-รับมีซิกแซกเบิกเบี้ยเลี้ยงจริง
ขมวดปม! ข้อกังขาสวมสิทธิ์เบี้ยเลี้ยง-ค่าซ้อมนักกีฬาฮอกกี้ฯ วัดฝีมือกกท.ทลายแดนสนธยา
เคยทักท้วงแล้วอย่าทำ! กก.สมาคมฮอกกี้ฯ แจงปัญหาเซ็นชื่อรับเบี้ยเลี้ยงแทนนักกีฬามีจริง
เปิดเอกสาร กกท.จัดงบฮอกกี้น้ำแข็งซีเกมส์ ไขปมสวมสิทธิ์เบี้ยเลี้ยง-เก็บค่าซ้อม500บ./วัน?
นักกีฬาฮอกกี้พบผู้ว่าฯกกท.ยันถูกปลอมลายเซ็นเบิกเบี้ยเลี้ยง - ปูดโดนเก็บค่าซ้อม500บ./วัน
วีระศักดิ์ ยันสั่งสอบปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยง - ข้องใจโค้ชแจงเหตุใช้งบ
ให้จ่ายเฉพาะคนไปแข่ง! ฝ่ายการคลัง กกท.แจงปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยง
ผู้ว่าฯกกท.เผย รมว.ท่องเที่ยวฯ สั่งสอบปมนักกีฬาฮอกกี้อ้างถูกสวมสิทธิ์รับเบี้ยเลี้ยงแล้ว
เปิดปม! สวมสิทธิ์หักหัวคิวเบี้ยเลี้ยงส.กีฬาฮอกกี้น้ำแข็ง-โค้ชแจงไม่จริงแค่ปรับแผนใช้งบ
โชว์ใบเบิกเบี้ยเลี้ยง ส.กีฬาฮอกกี้ฯ -นักกีฬาอ้างได้เงินไม่ครบยอดเกือบแสนรับจริง7หมื่น?