คุ้ยข้อมูลบ. Gemalto ผู้ชนะประมูลทำพาสปอร์ต7.4 พันล.-มีคดีข้อพิพาทบัตรปชช.ที่เอสโตเนีย

เขียนวันที่

วันพุธ ที่ 05 มิถุนายน 2562 เวลา 20:00 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

จัดซื้อจัดจ้าง | Isranews | Investigative | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา | ข่าวเด่นสืบสวน

Tags

Gemalto | DGM Consortium | กระทรวงต่างประเทศ

"...สำนักข่าวรอยเตอร์ของอังกฤษ รายงานว่า ในช่วงเดือน ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศเอสโตเนีย ได้มีการหารือถึงการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท Gemalto เป็นเงินจำนวน 152 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,354 ล้านบาท จากกรณีการตรวจสอบพบช่องโหว่ของระบบรักษาความปลอดภัยในบัตรประชาชนซึ่งถูกผลิตโดยบริษัท Gemalto ช่วงประมาณปี 2560 จนทำให้ต้องมีการเรียกคืนบัตรประชาชนจำนวนหนึ่ง..."

Gemalto

บริษัท Gemalto ผู้ผลิตชิปและโซลูชันด้านความมั่นคงปลอดภัยในต่างประเทศ หนึ่งในบริษัทเอกชนที่ใช้ชื่อว่า DGM Consortium (ประกอบด้วย บริษัท ดาต้าโปรดักส์ ทอปปัง ฟอร์ม และ บริษัท Gemalto ) ที่ปรากฎชื่อเป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 จำนวน 15 ล้านเล่ม หรือ ภายในระยะเวลา 7 ปีแล้วแต่กรณีใดจะถึงก่อน โดยเสนอราคา 7,463,250,000.00 บาท ต่ำกว่าราคากลาง 12,438,750,000 บาท เฉลี่ยเล่มละ 497.55 บาท ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ประกาศผลเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 8 พ.ค.2562 กำลังถูกจับตามอง (อ่านประกอบ:ประกาศแล้ว! กลุ่ม DGM Consortium ชนะประกวด อี-พาสปอร์ต 15 ล้านเล่ม 7.4 พันล.)

เมื่อสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลจากสื่อต่างประเทศพบว่า บริษัท Gemalto เคยเกิดข้อพิพาทกับทางการประเทศเอสโตเนีย เกี่ยวกับปัญหาการดำเนินงานโครงการระบบรักษาความปลอดภัยในบัตรประชาชน ซึ่งถูกผลิตโดยบริษัท Gemalto ในช่วงปี 2560

โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ของอังกฤษ รายงานว่า ในช่วงเดือน ก.ย. 2561 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศเอสโตเนีย ได้มีการหารือถึงการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัท Gemalto เป็นเงินจำนวน 152 ล้านยูโร หรือประมาณ 5,354 ล้านบาท จากกรณีการตรวจสอบพบช่องโหว่ของระบบรักษาความปลอดภัยในบัตรประชาชนซึ่งถูกผลิตโดยบริษัท Gemalto ช่วงประมาณปี 2560 จนทำให้ต้องมีการเรียกคืนบัตรประชาชนจำนวนหนึ่ง

ทั้งที่ รัฐบาลเอสโตเนีย เคยได้รับการยอมรับว่า มีระบบการบริการของรัฐบาลที่เป็นระบบดิจิทัลมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีประชาชนที่ใช้บัตรประชาชอิเล็กส์ทรอนิกส์ในประเทศแห่งนี้มากถึง 1.3 ล้านคน

โดยในแถลงการณ์ของกองกำลังตำรวจตระเวนชายแดนเอสโตเนีย (PPA) ระบุว่า บริษัท Gemalto ได้สร้างรหัสล็อคส่วนตัวสำหรับบัตรประชาชนขึ้นมาในแต่ละใบ ส่งผลทำให้ข้อมูลบัตรประชาชนของทางรัฐบาลนั้นมีความเสี่ยงที่จะรั่วไหลเป็นอย่างมาก หากเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ขึ้นมา แทนที่บริษัทจะใช้วิธีรักษาข้อมูลที่ถูกต้องตามที่ได้สัญญาเอาไว้กับทางรัฐบาลเอสโตเนีย ก็คือ การฝังข้อมูลส่วนตัวลงไปในชิปการ์ดบนบัตรประชาชนแต่ละใบ

“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า คู่ค้าของเราได้ละเมิดหลักสำคัญทางด้านความปลอดภัยมานานนับปี และเราเป็นห่วงอย่างมาก กับการทำผิดสัญญานี้”นางคริสตา อาส รองผู้อำนวยการ กองตำรวจตระเวนชายแดนระบุ

ทั้งนี้ มีข้อมูลระบุว่า ประเทศเอสโตเนีย ได้ใช้บริการบริษัท Gemalto มาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางดิจิทัลที่ชื่อว่า บริษัท Axaltoและ บริษัท Gemplus International ในช่วงปี 2545 ก่อนที่ทั้ง 2 บริษัทจะรวมตัวกันเป็นบริษัท Gemalto ในปี 2549

แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศเอสโตเนียได้เปลี่ยนไปใช้บริการบริษัท Idemia แทน หลังจากที่พบกับประเด็นช่องโหว่ในระบบรักษาความปลอดภัยเมื่อปี 2560 ดังกล่าว (อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.reuters.com/article/estonia-gemalto/estonia-sues-gemalto-for-152-mln-euros-over-id-card-flaws-idUSL8N1WD5JZ)

จากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกิจของบริษัท Gemalto ยังพบว่า ในช่วงประมาณเดือน ธ.ค. 2560 ได้เกิดกรณีการเทคโอเวอร์บริษัท Gelmato โดยกลุ่มธุรกิจ Thales ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจทางด้านการบิน, อวกาศ และความมั่นคง สัญชาติฝรั่งเศสและถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาลฝรั่งเศส ใช้เงินทั้งสิ้น 4,800 ล้านยูโรหรือราวๆ 183,400 ล้านบาท ซึ่งกระบวนการซื้อขายนั้นเพิ่งจะเสร็จสิ้นไปในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลของคณะกรรมมาธิการยุโรปว่าการควบรวมนั้นอาจก่อให้เกิดปัญหาในเรื่องของการผูกขาดผลิตภัณฑ์ ปัญหาในด้านราคาของการให้บริการของบริษัทที่สูงขึ้นและลดโอกาสของผู้บริโภคซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศต่างๆในการเลือกผลิตภัณฑ์ด้านการรักษาความปลอดภัย (อ้างอิงจาก : https://www.techtalkthai.com/thales-to-acquire-gemalto-at-183400-million-thb/,https://www.ft.com/content/df547ed6-8e8a-11e8-b639-7680cedcc421 )

ทั้งนี้ ภายหลังการตรวจสอบพบข้อมูลทางธุรกิจของบริษัท Gemalto ดังกล่าว สำนักข่าวอิศรา ได้ติดต่อไปยังบริษัท เจมัลโต (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท Gemalto ที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

พนักงานบริษัทรายหนึ่ง แจ้งว่า ทางสำนักข่าวอิศราน่าจะติดต่อสอบถามไปยังบริษัท Gemalto ที่อยู่ที่ประเทศสิงคโปร์จะดีกว่า เพราะเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคของบริษัท และดูแลรับผิดชอบในการประมูลหนังสือเดินทางของประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังบริษัท Data Product Toppan Form (บริษัท ดาต้าโปรดักส์ ทอปปัง ฟอร์ม ) ที่ร่วมกับบริษัท Gemalto ในการเสนอราคางานจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ระยะที่ 3 จำนวน 15 ล้านเล่ม ของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัท Gemalto

เบื้องต้น พนักงานบริษัทฯ รายหนึ่ง ระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ขอให้ทางสำนักข่าวอิศราได้ส่งอีเมล์สอบถามมายังบริษัทจะดีกว่า เพราะต้องให้ผู้บริหารชี้แจงจะดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรารายงานว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ตัวแทนผู้รับผิดชอบงานจ้างผลิตและให้บริการจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ชี้แจงข้อมูลเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/