'ศรีสุวรรณ' ยื่น กกต.สอบ'ธนาธร' ถือหุ้น13 บ.แจ้งวัตถุประสงค์ทำสื่อ-เจ้าตัวแจงโอนตั้งแต่ 8 ม.ค.แล้ว

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 10 พฤษภาคม 2562 เวลา 14:18 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

ข่าว | Isranews | ข่าวบุคคลดัง | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

'ศรีสุวรรณ' ยื่น กกต. สอบ 'ธนาธร' ถือหุ้น 13 บริษัท แจ้งวัตถุประสงค์ทำสื่อ ด้านธนาธร-ปิยบุตรโต้ โอนหุ้นเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ 8 ม.ค. โอดนักร้อง-สื่อ ตรวจสอบแล้วไม่เจอควรแสดงความรับผิดชอบ ยันยึดอุดมการณ์ต้านสืบทอดอำนาจ จี้พรรคการเมืองร่วมมือหยุดใช้กลไก ส.ว.เลือกนายกฯ

Tanatornnn

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค.2562 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมต่อ กกต. กรณีคำร้องตรวจสอบการถือหุ้นสื่อบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่อาจจะเข้าข่ายมีคุณสมบัติไม่เป็นไปตามมาตรา 98 (3) แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ประกอบมาตรา 42 (3) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 และข้อ 90 ของระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 อันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นไปโดยไม่สุจริต และเที่ยงธรรมได้

โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า "หลังจากที่มายื่นเอกสารครั้งก่อน วันนี้ได้มาตามสัญญาที่เคยให้ไว้ โดยได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับข้อสงสัยการถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งที่ผ่านมาได้ยื่นข้อมูลให้ทาง กกต.ตรวจสอบแล้ว อย่างไรก็ตามวันนี้ ได้รวบรวมข้อมูลเพิ่มที่ตรวจสอบกับทางสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพานิชย์ พบว่านายธนาธร ยังคงมีหุ้นอยู่ในบริษัทที่แจ้งวัตถุประสงค์ประกอบกิจการเกี่ยวกับสื่ออีก 13 บริษัท ประกอบด้วย

1.บริษัท ไทยซัมมิท โอโตโมทีฟ จำกัด

2..บริษัท ไทยซัมมิท โอโตพาร์ท อินดัสทตรี จำกัด

3.บริษัท ไทยซัมมิท พลาสเทค จำกัด

4.บริษัท จึงพัฒนา โฮลดิ้ง จำกัด

5.บริษัท ไทยซัมมิท เชป คอร์ป จำกัด

6.บริษัท ไทยซัมมิท ฮาร์เนส จำกัด

7.บริษัท ไทยซัมมิท บ้านโพธิ์ จำกัด

8.บริษัท ไทยซัมมิท โกลด์ เพรส จำกัด

9.บริษัท ไทยซัมมิท โอโด เพรส จำกัด

10.บริษัท ไทยซัมมิท ระยอง โอโดพาร์ท อินดัสตรี จำกัด

11.บริษัท ไทยซัมมิท พีเค คอร์ปอเรชั่น จำกัด

12.บริษัท ไทยซัมมิท พีเคเค จำกัด และ

13.บริษัท ไทยซัมมิท เอนจิเนียริง จำกัด

นายศรีสุวรรณกล่าวต่อว่า "ทั้ง 13 บริษัทข้างต้น ล้วนมีชื่อนายธนาธร เป็นผู้ถือครองหุ้น ไม่ได้เกี่ยวข้องในฐานะกรรมการในบริษัทดังกล่าว จึงขอให้ทาง กกต.ได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าว หากพบข้อมูลที่เป็นจริงจะส่งผลให้นายธนาธร เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่"

อนึ่งก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบไปแล้วว่า ปัจจุบันนายธนาธรถือหุ้นธุรกิจเครือไทยซัมมิทประมาณกว่าสิบแห่ง ในจำนวนนี้อย่างน้อย 2 แห่ง แจ้งรายละเอียดวัตถุประสงค์ของบริษัทข้อหนึ่งประกอบกิจการโรงพิมพ และออกหนังสือพิมพ์ คือ บริษัท ไทยซัมมิท ระยอง โอโตพาร์ท อินดัสตรี จำกัด และ บริษัท ไทยซัมมิท บ้านโพธิ์ จำกัด (อ่านประกอบ : ข้อมูลใหม่ ‘ธนาธร’ ถือหุ้น2บ.ไทยซัมมิท แจ้งวัตถุประสงค์ทำ 'นสพ.'-ยังติดต่อเจ้าตัวแจงไม่ได้)

สำนักข่าวอิศรารายงาน ภายหลังจากที่นายศรีสุวรรณได้ยื่นเรื่องต่อ กกต. กรณีนายธนาธรถือครองหุ้นในบริษัททั้ง 13 แห่ง ไม่นานนัก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และน.ส. พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคฯ ได้เดินทางมาที่ กกต.เพื่อยืนยันตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส. ที่สำนักงาน กกต.เช่นกัน

เมื่อสื่อมวลชนสอบถามว่า ในขณะนี้มีการร้องเรียนผู้สมัคร ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองว่าได้ถือหุ้นในบริษัทที่แจ้งวัตถุประสงค์ประกอบกิจการสื่อธุรกิจสิ่งพิมพ์ต่างๆ จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงหรือเกิดนัยยะสำคัญทางการเมืองหรือไม่

นายปิยบุตร กล่าวว่า ในเมื่อ กกต.ได้ประกาศรับรอง ส.ส.ไปแล้ว ช่วงเวลาที่จะร้องเรียนก็คงจะอีกยาว ซึ่งต้องเรียนว่าในเมื่อ กกต.ได้รับรองผู้สมัครแต่ละรายให้เป็น ส.ส.แล้ว กระบวนการร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติต้องห้ามจะต้องใช้เวลาและไปจบกันที่ศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งวิธีการดูว่าจะเข้าข่ายขาดคุณสมบัติหรือไม่ ก็จะต้องไปดูนับจากวันที่ 24 มี.ค. ไม่ใช่ไปดูวันที่มาสมัครเป็น ส.ส.

เมื่อถามถึงกรณีข้อรองเรียนของนายศรีสุวรรณที่มีต่อนายธนาธรต่อกรณีการถือหุ้นในบริษัทที่แจ้งวัตถุประสงค์ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อ สิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ

นายธนาธร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความกังวลใจอะไร

“ผมขอเรียนต่อสาธารณะว่า พวกเรารู้แล้วตั้งแต่แรกว่าคุณสมบัติของการเป็นผู้สมัคร ส.ส.อะไรบ้าง และเราก็พยายามจะทำตามกฎหมายให้ได้มากที่สุด ดังนั้นหุ้นต่างๆที่คุณศรีสุวรรณเอามา มันก็ได้มีการทำตามและขายออก เพื่อให้เราได้มีคุณสมบัติ ส.ส.ตามกฎหมายที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ซึ่งถ้าคุณศรีสุวรรณอยากทราบข้อมูลก็มา เราก็มีหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์หมดแล้ว เราทำเสร็จเรียบร้อยไปตั้งนานแล้ว ก่อนที่จะสมัครเป็น ส.ส.”นายธนาธรกล่าว

ขณะที่นายปิยบุตร กล่าวเสริมว่า "คนที่จะมาเป็นผู้สมัคร ส.ส. เปิดรัฐธรรมนูญดูก็รู้แล้วว่าคุณสมบัติต้องห้ามนั้นมีอะไรบ้าง และเราก็ทราบดีว่าเรามีนโยบาย มีจุดยืนอย่างไร ซึ่งเป็นไปได้เหลือเกินที่พรรคอนาคตใหม่นั้นจะถูกตรวจสอบมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะสิ่งที่เรานำเสนอนั้นทิ่มแทงผู้มีอำนาจ ดังนั้นเราก็ต้องมีการดำเนินการที่ครบถ้วนโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการโอนหุ้นต่างๆ ซึ่งเราทำหน้าที่เป็นนักการเมือง เราก็ต้องพร้อมที่จะได้รับการตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม คนที่ตรวจสอบ นักร้องต่างๆ โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่ตรวจสอบก็อยากให้แสดงความรับผิดชอบในการตรวจสอบด้วยหากไม่เจอข้อมูลอะไร และขอฝากไปยังสำนักข่าวที่ทำหน้าที่ตรวจสอบช่วยไปตรวจสอบในประเด็นการใช้อำนาจโดยมิชอบ อาทิประเด็นเรื่องการใช้ ม.44โดยมิชอบ การอนุมัติโครงการต่างๆ บ้าง ที่ไปที่มาของ ส.ว.ทั้ง 250 คนบ้าง จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาและพละกำลังตรวจสอบหุ้นของนายธนาธรแค่อย่างเดียว"

ทั้งนี้เมื่อถามย้ำว่า นายธนาธร ได้โอนหุ้นทั้ง 13 บริษัทในวันเดียวใช่หรือไม่

นายธนาธรกล่าวว่า "ใช่ครับ"

เมื่อถามย้ำอีกว่า ไม่ใช่แค่หุ้น บริษัท วีลัค มีเดีย ใช่หรือไม่

นายธนาธรกล่าวว่า “โอ๊ย ก็อย่างที่ผมบอก เราทำงานการเมือง เราก็รู้อยู่แล้วว่าคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.นั้นมีอะไรบ้าง เราก็จัดการก่อนการที่จะสมัครเป็น ผู้สมัคร ส.ส. มันก็เท่านั้นเอง”

นายธนาธรยังได้กล่าวต่อถึงทิศทางการเมืองหลังจากนี้ ว่า "การลงนามร่วมกันหลังการเลือกตั้งนั้นเป็นการสร้างแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.ส่วนการที่จะร่วมรัฐบาลกับใครยังอยู่ในขั้นตอนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ยังไม่มีข้อสรุป และการที่สังคมปักใจเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)จะจัดตั้งรัฐบาลได้นั้นก็เป็นเรื่องที่เกินไปเพราะพรรคพปชร. และพรรคที่เสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ เพียง 121 เสียงเท่านั้น ถ้าต้องการให้มีเสียงเกิน 250 เสียง พรรคพปชร. จะต้องรวมเสียงกับพรรคที่เหลือทั้งหมด นอกจาก 7 พรรคการเมืองที่ร่วมลงสัตยาบันต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. ซึ่งจะทำให้มีพรรคร่วมรัฐบาล 20 พรรค ซึ่งการเจรจาต่อรองกับ 20 พรรคการเมืองไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่าย ดังนั้นขอให้รอดูอีกสักพักเพราะทางพรรคอนาคตใหม่กำลังพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะยุติการสืบทอดอำนาจของคสช. อย่างที่เคยประกาศเอาไว้ให้เป็นจริงให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามตนไม่เคยยืนยันว่าจะเสนอชื่อตนเองเป็นนายกฯ"

เมื่อถามต่อว่าจะมีขั้วการเมืองใหม่เกิดขึ้นหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า "ผมพูดอะไรไม่ได้มากจะต้องเคารพกับคนที่เรากำลังเจรจาด้วย การจะบอกว่าพูดคุยอะไรกับใครเอาไว้บ้างต่อสาธารณะในตอนนี้จะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ที่เจรจา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยนั้น เรื่องดังกล่าวขอให้เป็นการพูดคุยของพรรคการเมือง ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และไม่ขอตอบว่ามีการประสานหรือมีการพูดคุยไปแล้วหรือไม่ แต่เรายังเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวมีความเป็นไปได้ ในการยุติการสืบทอดอำนาจของคสช.ซึ่งเราพยายามทำตรงนี้ให้ได้โดยลดอัตรา ลดผลประโยชน์ส่วนตัว ลดเรื่องหน้าตาลงให้มากที่สุด เพื่อนำประเทศไทยออกจากปัญหาความขัดแย้ง เอาทหารกลับกรมกอง สร้างสังคมประชาธิปไตยกลับมาใหม่ในประเทศไทย และจะมีความชัดเจนในการก่อนการประชุมสภานัดแรกแน่นอน"

“พรรคการเมืองที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นายกรัฐมนตรีอีกครั้งมีเพียง 3 พรรค มีเสียงในสภารวมกัน 121 คน หากรวมกับเสียง ส.ว.แล้วยังได้ไม่ถึงครึ่งนึงของรัฐสภา 750 เสียง ผมอยากจะเรียกร้องให้พวกเราร่วมกันตรวจสอบว่าพรรคไหนหาเสียงเรื่องจุดยืนทางการเมืองไว้อย่างไร ถึงเวลาแล้วที่คนที่มาจากการเลือกของประชาชน จะยืนอยู่ฝั่งเดียวกับประชาชน ยืนอยู่อย่างตั้งมั่นในสิ่งที่หาเสียงกับประชาชน เราสามารถหยุดยั้งกลไก ส.ว.ได้ เพราะ378 เสียง ของส.ส.ย่อมเกินกึ่งหนึ่งของของรัฐสภา ส่วนใน 378 เสียงใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้านก็ว่ากันไป แต่พวกเราสามารถหยุดยั้งการใช้อำนาจของส.ว.ที่ไม่ได้มาจากประชาชนที่จะมาบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ ยืนยันว่าสังคมไทยยังมีทางออก แต่เราจะเดินไปสู่ทางตันก็ต่อเมื่อเสียงของประชาชนไม่ได้รับการเคารพ และถูกบิดเบือนไป ”นายธนาธร กล่าว

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/