เมื่อรายงาน 'บิ๊กป้อม' รวยติดอันดับเศรษฐีเอเชียถูกถอดออก กับ ข้อสังเกตปมทรัพย์สินที่เหลืออยู่?

เขียนวันที่

วันศุกร์ ที่ 26 เมษายน 2562 เวลา 12:27 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | บัญชีทรัพย์สิน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

"...ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบรายงานข้อมูลเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีรายชื่อเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชีย ดังกล่าว จาก เว็บไซต์อินเวสติ้ง (www.investing.com) อีกครั้ง พบว่า มีการถอดรายงานข้อมูลดังกล่าวออกไปแล้ว..."

picdididipapapap26 4 19

สืบเนื่องจากเว็บไซต์อินเวสติ้ง (www.investing.com) เผยเเพร่รายงานข้อมูลระบุว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีรายชื่อเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชีย ขณะที่ พลโทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาแถลงข่าวโต้ตอบ ยืนยันเป็นข่าวปลอม เพราะ พล.อ.ประวิตร มีทรัพย์สินเท่าที่เเจ้งไว้กับคณะกรรมการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากนี้จะเตรียมดำเนินการฟ้องร้องต่อไป

ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบรายงานข้อมูลเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีรายชื่อเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชีย ดังกล่าว จาก เว็บไซด์อินเวสติ้ง (www.investing.com) อีกครั้ง พบว่า มีการถอดรายงานข้อมูลดังกล่าวออกไปแล้ว

อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ Thaienews ที่มีการนำรายงานข้อมูลเรื่องนี้ไปเผยแพร่ต่อ พบว่า มีการระบุประวัติและข้อมูลผู้ที่เขียนบทความชิ้นนี้ เอาไว้ว่า เป็นนักเขียนจาก เมืองโตรอนโต รัฐออนทาริโอ ประเทศแคนาดา เป็นผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว และเป็นผู้ที่คลุกคลีกับวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน และยังเขียนบทเกี่ยวกับด้านการลงทุน การท่องเที่ยว บุคคลที่มีชื่อเสียง ดนตรี และศิลปะ ไว้หลายเรื่องด้วย

ทั้งนี้ เกี่ยวกับข้อมูลบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ตั้งแต่การดำรงตำแหน่งครั้งแรกปี 2551 – 2557 ที่แจ้งไว้กับสำนักงาน ป.ป.ช.นั้น ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา เคยรวบรวมมาเสนอต่อสาธารณชนไปแล้ว โดยปรากฎข้อมูลและข้อสังเกต ดังต่อไปนี้

22 ธ.ค.2551 ยื่นบัญชี กรณีรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีทรัพย์สินรวม 56,856,005.95 บาท จำแนกเป็น เงินฝาก 25,213,889.95 บาท เงินลงทุน 8,542,116.40 บาท (กองทุน เค พันธบัตรเกาหลี และ เงินลงทุนบริษัทจดทะเบียนในบริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด) ที่ดิน 12,000,000 บาท (2 แปลง เนื้อที่ 4-0-44 ไร่) โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10,000,000 บาท (บ้าน 1 หลัง) ยานพาหนะ (รถยนต์ 1 คัน) 100,000 บาท ทรัพย์สินอื่น (มูลค่าตั้งแต่สองแสนบาท) จำนวน 1,000,000 บาท (เช็คธนาคารกสิกรไทยสำนักพหลโยธินสั่งจ่าย พล.อ.ประวิตร) ไม่มีหนี้สิน (ดูเอกสารประกอบ)

picpawwaa00057

10 ส.ค.2554 กรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีทรัพย์สินรวม 69,669,416.60 บาท จำแนกเป็น เงินฝาก 36,082,730.40 บาท เงินลงทุน 11,486,686.20 บาท (เงินลงทุนบริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ) ที่ดิน 12,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10,000,000 บาท ยานพาหนะ (รถยนต์ 1 คัน) 100,000 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น ไม่มีหนี้สิน

เปรียบเทียบการยื่นบัญชีฯ 2 ครั้ง ทรัพย์สินเพิ่มจำนวน 12,813,410.65 บาท เฉพาะเงินฝากเพิ่มขึ้น 10,868,840.45 บาท เงินลงทุนเพิ่ม 2,944,569.80 บาท (ดูเอกสารประกอบ)

picpawwaa0157

10 ส.ค.2555 กรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ครบ 1 ปี มีทรัพย์สินรวม 79,063,414.84 บาท จำแนกเป็น เงินฝาก 28,843,256.64 บาท เงินลงทุน 23,120,158.20 บาท ที่ดิน 17,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10,000,000 บาท ยานพาหนะ (รถยนต์ 1 คัน) 100,000 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น ไม่มีหนี้สิน

เทียบกับการยื่นบัญชีฯกรณีรับตำแหน่งครั้งแรกปี 51 เท่ากับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 22 ,207,408.89 บาท เป็นเงินฝากเพิ่มขึ้น 3,629,366.69 บาท เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 14,578,041.80 บาท ที่ดินเพิ่มขึ้น 5,000,000 บาท (ดูเอกสารประกอบ)

picpawwaa0257

4 ก.ย.2557 รับตำแหน่ง รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 87,373,757.62 บาท จำแนกเป็น เงินฝาก 53,197,562.62 บาท เงินลงทุน 7,076,195.00 บาท ที่ดิน 17,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 10,000,000 บาท ยานพาหนะ (รถยนต์ 1 คัน) 100,000 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น ไม่มีหนี้สิน

เทียบกับการยื่นบัญชีฯกรณีรับตำแหน่งครั้งแรกปี 51 เท่ากับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 30,517,751.67 บาท เป็นเงินฝากเพิ่มขึ้น 27,983,672.67 บาท เงินลงทุนลดลง 1,465,921.40 บาท ที่ดินเพิ่มขึ้น 5,000,000 บาท (ดูเอกสารประกอบ)

picpawwaa57

น่าสังเกตว่า

1.กรณีเงินฝาก เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิม 25,213,889.95 บาท (ปี 51) ,36,082,730.40 บาท (ปี 54) , 28,843,256.64 บาท (ปี 55) และ ล่าสุด 53,197,562.62 บาท (ปี 57)

2.กรณีของเงินลงทุน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิม 2 รายการคือ กองทุน เค พันธบัตรเกาหลี และ เงินลงทุนบริษัทจดทะเบียนในบริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด รวม 8,542,116.40 บาท (ปี 51) , 11,486,686.20 บาท บริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด (ปี 54) และ มูลค่า 23,120,158.20 บาท (ปี 55) เพิ่งลดลงเมื่อกรณีการยื่นรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม วันที่ 4 ก.ย.2557

3.กรณีที่ดินจากเดิม 2 แปลง มูลค่า 12,000,000 บาท (ปี 51) มาเพิ่ม 3 แปลงเป็น 17 ล้านบาท (เพิ่ม 5 ล้านบาท) ตอนยื่นบัญชี กรณีพ้นตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ครบ 1 ปีวันที่ 10 ส.ค.2555

4.กรณีทรัพย์สินอื่น แจ้งครั้งแรกเมื่อปี 2551 มีมูลค่า 1,000,000 บาท (เช็คธนาคารกสิกรไทยสำนักพหลโยธิน สั่งจ่าย พล.อ.ประวิตร) หลังจากนั้นก็หายไปยันล่าสุด

อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาจาก ‘รายได้’ ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ตามที่ปรากฎในบัญชีฯ พบว่า

ตอนเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม 22 ธ.ค.2551 แจ้งว่า มี ‘รายได้ต่อปี’ จากทางราชการเพียง รายการเดียวคือเงินเดือน (ข้าราชการบำนาญ) จำนวน 832,680 บาท

ตอนพ้นตำแหน่ง 10 ส.ค.2554 แจ้งว่ามีรายได้ ‘ระหว่างดำรงตำแหน่ง’ ได้แก่ เงินเดือน (รมว.กลาโหม ) 2,343,680 บาท ,เงินประจำตำแหน่งข้าราชการการเมือง 1,360,000 บาท และ เงินเดือน เงินเพิ่มผู้รับเบี้ยหวัด บำนาญ 2,331,488 บาท รวม 6,034,168 บาท (ประมาณ 3 ปี)

ตอนพ้นตำแหน่งครบ 1 ปี 10 ส.ค.2555 แจ้งว่า มี ‘รายได้ 1 ปีหลังพ้นตำแหน่ง’ 2 รายการคือ เงินเดือน เงินเพิ่มผู้รับเบี้ยหวัด บำนาญ 762,540 บาท และ เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ 111,768 บาท รวม 874,308 บาท

ตอนรับตำแหน่ง รมว.กลาโหม ครั้งที่สอง 4 ก.ย.2557 แจ้งว่ามีรายได้ประจำ 2 รายการคือ เงินเบี้ยหวัด บำเน็จ บำนาญ 762,540 บาท และ เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ 111,768 บาท รวม 874,308 บาท

เห็นได้ว่า ถ้าไม่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร มีรายได้ประจำ ประมาณ 832,680 - 874,308 บาทต่อปี หากเป็นรัฐมนตรีจะมีเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งเพิ่มอีกปีละประมาณ 1.2 ล้านบาท (เฉลี่ยเดือนละ 1 แสนบาท)

ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น 30.5 ล้านบาท (เงินฝากเพิ่มขึ้น ประมาณ 27.9 ล้านบาท) เป็นปริศนาว่ามีที่มาอย่างไร ? มาจากลงทุน บริษัท ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือไม่ ? และถ้ามีรายได้จากเงินลงทุนดังกล่าว เหตุใดถึงไม่ระบุว่ามีรายได้จากเงินลงทุน?

ส่วนประเด็นเกี่ยวกับการครอบครองนาฬิกาหรู-แหวนมารดา ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าเอามาจากไหน ได้มาอย่างไร ทำไมถึงไม่แจ้งในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ก่อนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะมีมติ 5 ต่อ 3 ให้ ‘ตีตก’ ข้อกล่าวหาดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอ สำนักข่าวอิศรา ก็ได้รวบรวมข้อมูลมานำเสนอผ่านรายงานเรื่อง ไปแล้วเช่นกัน (อ่านประกอบ : ย้อนรอยนาฬิกาหรู ‘บิ๊กป้อม’ ในวันที่สื่อนอกตีข่าว ‘ร่ำรวย’ ติดอันดับเอเชีย)

ขณะที่ ในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปมปัญหาเรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พล.อ.ประวิตร นั้น สำนักข่าวอิศรา ก็ได้เน้นย้ำไปแล้วว่า แม้ว่า ประเด็นเกี่ยวกับเรื่อง นาฬิกาหรู ของ พล.อ.ประวิตร จะถูกตีตกไปแล้ว แต่ยังมีอีกหนึ่งสำนวนที่อยู่ในกระบวนการไต่สวนคณะทำงานของ ป.ป.ช. คือ กรณีพลเอกประวิตรเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐรับทรัพย์สินเกินสามพันบาท ตามกฎหมาย ป.ป.ช. ซึ่งที่จริงอันนี้โทษหนักกว่า หากมีความผิด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนบรรทัดสุดท้ายของกรณีนี้จะออกมาเป็นอย่างไรนั้น คงต้องขึ้นอยู่กับการทำงานของคณะกรรมการป.ป.ช. ว่าจะมีมติออกมาเมื่อไรกันแน่

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/