จับสัญญาณ‘บิ๊กตู่-บิ๊กแดง’ เตือนพวกปลุกปั่น ใช้โซเชี่ยลบ่อนทำลายชาติ สร้างความแตกแยก?
“...เราอยู่กันแบบไทย ๆ นี่คือวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ขอให้รักกัน จะไปร่ำไปเรียนที่ไหนมา ไปเอาตำราประเทศไหน ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ เอาของเขามาแล้วมาดูด้วยว่า ควรจะมาดัดแปลง แต่ไม่ใช่พยายามจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าไปเอาความซ้ายจัดที่ไปเรียนมา แล้วมาดัดจริต ประเทศอื่นเขาไม่มีที่จะมีแบบนี้ นี่คือเมืองสยาม เมืองแห่งรอยยิ้ม เมืองที่เรามีระบอบประชาธิปไตยของเราแบบนี้...”
กำลังเป็น ‘ตำบลกระสุนตก’ สำหรับพรรคอนาคตใหม่
โดยเฉพาะกรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค อดีตอาจารย์กลุ่มนิติราษฎร์ ที่โดนบางพวกบางฝ่ายกล่าวหาอย่างหนักว่า อาจมีพฤติการณ์ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ?
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา นายปิยบุตร ออกโรงชี้แจง 6 ประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุสาระสำคัญว่า ที่ผ่านมามีความพยายามจากบางฝ่ายตัดต่อ ตัดทอนถ้อยคำเมื่อหลายปีก่อน สมัยเป็นอาจารย์นิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ หรือช่วงเป็นแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ มาบิดเบือน โจมตีกล่าวหากัน ทั้งที่ผ่านมา เป็นการบรรยายตามหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยในช่วงก่อนการเลือกตั้งที่ผ่านมามีการขุดคลิปหรือภาพชุดเหล่านี้มาเผยแพร่ เพื่อให้คนเข้าใจผิด อย่างไรก็ดีพรรคอนาคตใหม่ได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย มีความพยายามนำกลับมาเผยแพร่ใหม่เพื่อสร้างความเกลียดชังกันอีก
“การนำสถาบันกษัตริย์มาใช้โจมตีทางการเมืองของคนเหล่านี้ ไม่เพียงสร้างความแตกแยกในสังคมแล้ว ยังไม่เป็นคุณต่อสถาบันกษัตริย์ด้วย” นายปิยบุตร ยืนยัน (อ้างอิงข้อมูลจาก ไทยโพสต์ออนไลน์)
ไม่ใช่แค่รายของนายปิยบุตรเท่านั้น แต่หัวหน้าพรรคอย่างนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก่อนหน้านี้ก็เคยถูกโหมกระแสโจมตีเกี่ยวกับกรณีเป็นนายทุนให้นิตยสาร ‘ฟ้าเดียวกัน’ หนังสือที่เขียนบทความเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์อย่างเผ็ดร้อน รวมถึงวาทกรรมหลายอย่าง ที่ขุดคุ้ยขึ้นมาโจมตีไม่เว้นแต่ละวัน
กูรูการเมืองหลายคนวิเคราะห์กันว่า นี่คือแผนสกัดกั้นไม่ต้องการให้พรรคอนาคตใหม่ ที่เล่นการเมืองในรูปแบบใหม่ ส่งผลให้ ‘หน้าเก่า’ หลาย ๆ พรรคอาจสู้ไม่ไหว เลยต้องใช้ ‘มุขเดิม’ โจมตี
ยกแรกพวก ‘หน้าเก่า’ และกลุ่มอนุรักษ์นิยมบางส่วน ‘พ่ายแพ้’ เนื่องจากพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงจำนวนมาก ราว 6.2 ล้านเสียง ได้ ส.ส.เขต รวม 30 ที่นั่ง หากคำนวณรวมกับปาร์ตี้ลิสต์ จะได้ ส.ส. ราว 79-81 ที่นั่ง (ยังไม่คงที่) ถือเป็นพรรคลำดับ 3 ที่ได้จำนวนเสียง ‘ป๊อปปูล่าร์โหวต’ และจำนวนเก้าอี้ ส.ส. ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้ว่าปัจจัยหลักในการชนะของพรรคอนาคตใหม่ ตามที่กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่รายหนึ่ง ยืนยันกับสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org คือ ความนิยมของตัวบุคคลผ่านนายธนาธรที่เป็นหัวหน้าพรรค รวมถึงการที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ถูกยุบ ทำให้มีการสวิงคะแนนโหวตเทให้พรรคอนาคตใหม่ในบางพื้นที่ก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 เป็นการ ‘แจ้งเกิด’ ของพรรคอนาคตใหม่ที่อายุยังไม่ถึงขวบปีอย่างแท้จริง (อ่านประกอบ : เบื้องลึก! ปัจจัยหลักอนาคตใหม่คะแนนทะลุเป้า ผลัก‘ธนาธร’เล่นบทผู้นำฝ่ายค้านในสภา?)
หลังการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 8 ปีจนถึงขณะนี้ (วันที่ 2 เม.ย. 2562) ราว 1 สัปดาห์เศษ พรรคอนาคตใหม่ถูกบางฝ่ายขุดประเด็นขึ้นมาโจมตีอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ในยกที่สองนี้ บางกลุ่มบางฝ่ายยังคงใช้ ‘มุขเดิม’ ทำให้เกิดความเกลียดชังระหว่างประชาชน ปลุกปั่นให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างคนสองฝ่าย ท่ามกลางวาทกรรมที่นักการเมืองหลาย ๆ คนนำมาใช้คือ ฝ่ายประชาธิปไตย VS ฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจ
แรงกระเพื่อมหลังการเลือกตั้งครั้งนี้ ค่อนข้างร้อนแรงอย่างมาก ด้วยปัจจัยหลัก 2 กรณี
หนึ่ง การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่ยังไม่ลงตัว แต่ละฝ่ายมีคะแนนเสียง ‘ปริ่มน้ำ’ โดยฝ่ายที่อ้างว่าเป็น ‘ประชาธิปไตย’ ไม่ว่าจะเป็น พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย และเครือข่ายอื่น ๆ รวมจำนวนเก้าอี้ ส.ส. ได้ราวเกือบครึ่งสภา (จากทั้งหมด 500 ที่นั่ง) ขณะที่ฝ่ายที่ถูกระบุว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย เช่น พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กำลังดีลพรรคอื่น ๆ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคขนาดเล็กอื่น ๆ มาจัดตั้งรัฐบาล ถ้ารวมกันได้ก็มีคะแนนเสียงปริ่มน้ำเช่นเดียวกัน จนทำให้หลายฝ่ายกลัวจะเกิดปรากฎการณ์ ‘งูเห่า’ อีกรอบ
สอง การปะทะกันระหว่างวาทกรรมฝ่าย ‘ประชาธิปไตย’ และฝ่าย ‘เผด็จการ’ ที่แบ่งประชาชนออกเป็น 2 ซีกอีกครั้ง คล้ายคลึงกับสมัยกรณีฝ่าย ‘หนุนทักษิณ’ และฝ่าย ‘ต้านทักษิณ’ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่เกิดเหตุการณ์ม็อบทางการเมืองหลายครั้งนับตั้งแต่ปี 2549 จนถึงกลางปี 2557
2 ปัจจัยสำคัญเหล่านี้ สุมไฟให้สถานการณ์การเมืองร้อนแรงลงไปอีก สุ่มเสี่ยงอาจทำให้เกิดเหตุการณ์ ‘ม็อบ’ รอบใหม่ขึ้นได้ ในห้วงที่ประเทศไทยกำลังจะมีพระราชพิธีสำคัญระหว่างเดือน เม.ย.-พ.ค. 2562
ร้อนถึง ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงกับต้องออกสารนายกฯ 2 รอบ รอบแรก ระบุสาระสำคัญว่า ขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวังในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากทุกสื่อ พิจารณาอย่างมีเหตุผลประกอบข้อเท็จจริงในปัจจุบันและในอดีต อย่าหลงเชื่อคำบิดเบือนต่าง ๆ อันทำให้ประเทศกลับไปสู่อันตรายเดิม ๆ (อ่านประกอบ : สารจากนายกฯ:การเป็น ปชต.ไม่ใช่ให้ความสำคัญแต่เพียงเสียงมากเสียงน้อย)
สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2562 ‘บิ๊กตู่’ ออกสารนายกฯรอบ 2 ระบุสาระสำคัญว่า บ้านเมืองตอนนี้ทำมาหากินปกติสุข แต่ยังมีผู้ไม่หวังดีพยายามบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ใช้โซเชียลมีเดียปลูกฝังความคิดไม่ถูกต้อง หวังให้บ้านเมืองไม่สงบ บ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คสช. ทราบสถานการณ์มาโดยตลอด แต่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ ไม่ใช้อำนาจพิเศษดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น ขอให้ประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล พิจารณาข้อมูลข่าวสารอย่างมีเหตุผล ช่วยปกป้องบ้านเมืองไม่ให้วุ่นวายอีก (อ่านประกอบ : 'บิ๊กตู่'แพร่สารนายกฯมีคนบ่อนทำลายชาติ ขอเสพข่าวอย่างมีเหตุผล-ยันไม่ใช้อำนาจพิเศษ)
ต่อมา เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2562 ถึงคิว ‘บิ๊กแดง’ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แถลงภายหลังงานพิธีวันสถาปนา พล.ร.1 รอ. ครบรอบ 112 ปี ระบุสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า ขอร้องนิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์ ข้าราชการทั้งหลาย ไปศึกษาต่างประเทศมา ไม่ว่าประเทศใดก็ตาม บางคนได้ทุนราชการ หรือได้ทุนของวังไปเรียน ขอเน้นว่า ไปเรียนระบอบประชาธิปไตยประเทศอะไรมา ไม่ได้ว่า แต่ระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ล้วนแต่มีวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยของตัวเอง ลองถามตัวเองว่า เมื่อไปอยู่ประเทศอื่นไปศึกษาไปเรียน ต้องปรับตัวให้เข้ากับประเทศอื่นตามระบอบประชาธิปไตยของประเทศนั้น
“เราอยู่กันแบบไทย ๆ นี่คือวัฒนธรรมของระบอบประชาธิปไตยแบบไทย ๆ ขอให้รักกัน จะไปร่ำไปเรียนที่ไหนมา ไปเอาตำราประเทศไหน ไม่อยากจะเอ่ยชื่อ เอาของเขามาแล้วมาดูด้วยว่า ควรจะมาดัดแปลง แต่ไม่ใช่พยายามจะเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่าไปเอาความซ้ายจัดที่ไปเรียนมา แล้วมาดัดจริต ประเทศอื่นเขาไม่มีที่จะมีแบบนี้ นี่คือเมืองสยาม เมืองแห่งรอยยิ้ม เมืองที่เรามีระบอบประชาธิปไตยของเราแบบนี้” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
พล.อ.อภิรัชต์ ระบุด้วยว่า กองทัพไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ กองทัพเป็นของประชาชน อยากให้ดูว่าวันนี้กองทัพปรับปรุงไปมากแค่ไหน อยากให้ประชาชนเข้าใจถ่องแท้ และไม่ต้องถามแล้วว่า กองทัพจะไปยังไง จะมีปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ มันเป็นเพียงวาทกรรมเดิม ๆ ที่เอามาถามแล้วถามอีก คำนี้ไปทำให้เด็กที่ยังไม่รับรู้อะไรมากมายรู้สึกไม่ดีต่อกองทัพ ถามว่าทุกวันนี้ใครไปช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน ใครนำกำลังยุทโธปกรณ์เข้าช่วยเหลือ (อ่านประกอบ : พล.อ.อภิรักษ์ คงสมพงษ์:หยุดถามเรื่องจะรัฐประหาร-สร้างความรู้สึกไม่ดีต่อกองทัพ)
จับสัญญาณระหว่างบรรทัดจากคำพูดของ ‘บิ๊กตู่-บิ๊กแดง’ จะเห็นได้ว่า เปรียบเสมือน ‘หมัดตรง’ ซัดฝ่ายที่พยายามยัดเยียดวาทกรรมสร้างความแตกแยกให้กับสังคม รวมถึงบางกลุ่มบางฝ่ายที่ถูกโจมตีกล่าวหาเรื่องความจงรักภักดีเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
สถานการณ์การเมืองหลังจากนี้คงจะร้อนแรงขึ้นอีก หากทุกฝ่ายไม่ยอมลดทิฐิลง ทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ประชาชนตามที่อ้างกันก่อนเข้าสภา ในอนาคตอาจเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่หลายฝ่ายไม่พึงปรารถนาขึ้นอีกครั้ง ก็เป็นไปได้ ?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
เปิดไม้ตายสุดท้าย‘บิ๊กตู่’อยู่ต่อ ปิดฉากพรรคการเมือง‘ดื้อ’ตั้ง รบ.ไม่ลงตัว?
ย้อนเส้นทาง 'มิ่งขวัญ' มิตรเก่า 'ทักษิณ' ผู้รับปากจัดตั้งรบ.กลุ่มเพื่อไทย แบบมีเงื่อนไข?
เบื้องลึก! ปัจจัยหลักอนาคตใหม่คะแนนทะลุเป้า ผลัก‘ธนาธร’เล่นบทผู้นำฝ่ายค้านในสภา?
ปรากฎการณ์เลือกตั้ง 24 มี.ค. 62 'พปชร.-อนาคตใหม่' แจ้งเกิด-ปชป.พ่าย 'อภิสิทธิ์' ลาออก