สารจากนายกฯ:การเป็น ปชต.ไม่ใช่ให้ความสำคัญแต่เพียงเสียงมากเสียงน้อย
พลเอกประยุทธ์ ชี้ช่วงเวลานี้ขอให้ประชาชนทุกคน ใช้ความระมัดระวังในการรับรู้ข่าวสารใดๆ ทั้งจากสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ โซเชียลมีเดีย ให้พิจารณาอย่างมีเหตุมีผลประกอบข้อเท็จจริงทั้งในปัจจุบันและในอดีต ขออย่าได้หลงเชื่อคำบิดเบือนต่างๆ อันจะทำให้ประเทศกลับไปสู่อันตรายเดิมๆ
วันที่ 29 มี.ค.62 เฟชบุค พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความ สารจากนายกรัฐมนตรี โดยมีใจความว่า
การทำงานของรัฐบาลและคสช, เหล่าทัพ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานภาครัฐในห้วงที่ผ่านมา ได้ใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะสร้างความเป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง สร้างความรักความศรัทธาต่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ทั้งนี้เพื่อประเทศชาติและประชาชนอันเป็นที่รักของคนไทยทุกคน ข่าวสารการรวมจัดตั้งรัฐบาลของพรรคต่างๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกังวลอยู่เวลานี้ ไม่อยากให้ มองว่าเป็นการมุ่งเน้นการต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียว หากแต่เป็นการรวมกลุ่มกันเพื่อทำความดีให้กับชาติบ้านเมืองและประชาชน และขจัดคนไม่ดีหรือคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายออกไป สื่อต่าง ๆ ขอให้นำเสนอข่าวอย่างพอเหมาะพอควร ช่วยกันสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับบ้านเมืองเรา สร้างความสงบสุขให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
ปัญหาความขัดแย้ง การขาดความรักความสามัคคี การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ล้วนแล้วแต่เป็นอุปสรรคที่สำคัญของความสงบสุขเรียบร้อย การพัฒนาและการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ ดังนั้นช่วงเวลานี้จึงขอให้ประชาชนทุกคน ได้ใช้ความระมัดระวังในการรับรู้ข่าวสารใดๆ ทั้งจากสื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ โซเชียลมีเดีย โดยขอให้พิจารณาอย่างมีเหตุมีผลประกอบข้อเท็จจริงทั้งในปัจจุบันและในอดีต ขออย่าได้หลงเชื่อคำบิดเบือนต่างๆ อันจะทำให้ประเทศกลับไปสู่อันตรายเดิมๆ ที่เราได้เคยร่วมกันฝ่าฟันมาแล้ว
"การเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่ให้ความสำคัญแต่เพียง เสียงมากเสียงน้อย ใครเป็นฝ่ายค้าน ใครเป็นรัฐบาล แต่ต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่พี่น้องประชาชนจะได้รับอันได้แก่ ได้รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีธรรมาภิบาลหรือไม่ ประชาชนทุกฝ่ายไม่ว่าจะเลือกใครได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงหรือไม่ ประเทศชาติได้รับการสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถหรือไม่ นี่คือสิ่งสำคัญที่รัฐบาลนี้ยึดถือเป็นหลักการมาโดยตลอด"
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากคนหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคเอกชน รวมถึงทุกพรรคการเมือง นักการเมืองทุกคน เราต้องยอมรับว่าวิธีการเดิมๆ ตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลนี้จะเข้ามา ไม่สามารถแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้างหรือเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอะไรได้เลย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีวิธีการใหม่ๆ ที่ทันต่อเทคโนโลยี มีการบูรณาการอย่างแท้จริง โดยเราจะต้องสร้าง สนับสนุน รณรงค์ สร้างการเรียนรู้ ช่วยกันปรับปรุงพัฒนาทุกเรื่องให้ครบวงจร สร้างความเข้มแข็งให้เกิดความยั่งยืน มิใช่แก้ไขปัญหาที่ปลายทางอย่างเดียวภายใต้งบประมาณที่มีอยู่จำกัด สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ดีๆ ที่เป็นอนาคตและหลักชัยของประเทศ ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐบาลควรต้องสานต่อ ขยายหรือปรับปรุงให้ดียิ่งๆขึ้นไป
โดยสรุปแล้วความสงบสุขของบ้านเมือง ความรักความสามัคคีของพี่น้องประชาชนคนไทย เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาประเทศก้าวต่อไปอย่างมีเกียรติ์ มีศักดิ์ศรี และมีเสถียรภาพ