700 องค์กร ชุมนุมใหญ่หน้าทำเนียบฯ จี้ 'ประยุทธ์' สั่งยกเลิก พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส
700 องค์กรทั่วประเทศ ชุมนุมใหญ่หน้าทำเนียบฯ จี้นายกฯ สั่งคกก.วัตถุอันตราย ทบทวนมติ ยันต้องยกเลิกพาราควอต-คลอร์ไพริฟอส ภายใน ธ.ค. 2562 พร้อมให้ก.เกษตรฯ หาวิธีทดเเทนตามมติสภาเกษตรกรเเห่งชาติ หากส่งผลกระทบต่อต้นทุน ให้ก.คลัง เก็บภาษีจากสารกำจัดศัตรูพืชมาเยียวยา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า วันที่ 5 มิ.ย. 2561 เครือข่ายสนับสนุนการเเบนสารพิษร้ายเเรง พร้อมด้วยองค์กรต่าง ๆ จากทั่วประเทศ เคลื่อนขบวนชุมนุมใหญ่หน้าทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือผ่านนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ (กษ.) ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้มีการยกเลิกการใช้ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส เเละจำกัดการใช้ ไกลโฟเซต โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ตามที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีการประชุมครั้งที่ 30-1/2561 และมีการพิจารณาการควบคุมวัตถุอันตราย 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา และมีมติไม่ยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายทั้ง 3 ชนิด โดยให้เหตุผลว่าข้อมูลผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพยังไม่เพียงพอ ซึ่งขัดแย้งกับผลการพิจารณาของคณะกรรมการหลายชุดก่อนหน้านี้ รวมทั้งความเห็นของประชาคมวิชาการและมติของสภาเกษตรกรแห่งชาติ
ในการนี้เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาชน 686 องค์กร ที่ได้ติดตามสถานการณ์เรื่องนี้และสนับสนุนมติของกระทรวงสาธารณสุข มีข้อสังเกตต่อกระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายและการทำงานของคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการควบคุมวัตถุอันตราย พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ดังนี้
1) ในขณะที่กรมวิชาการเกษตรขอปรึกษาคณะกรรมการวัตถุอันตรายในประเด็นผลกระทบต่อสุขภาพ เพื่อควบคุมสารทั้ง 3 ชนิด แต่การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการควบคุมวัตถุอันตรายฯ กลับเลือกตัวแทนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และอดีตข้าราชการกระทรวงเกษตรฯถึง 4 คน และอีก 4 คนเลือกจากผู้ที่แสดงจุดยืนสนับสนุนกระทรวงเกษตรฯ จากคณะกรรมการที่มีจำนวน 12 คน ซึ่งล้วนแต่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านผลกระทบต่อสุขภาพ
2) อนุกรรมการเฉพาะกิจฯ ดังกล่าวใช้ข้อมูลเก่าล้าสมัย เพื่อโน้มน้าวให้มีการใช้สารพิษร้ายแรงดังกล่าวต่อไป โดยเพิกเฉยต่อข้อมูลเชิงประจักษ์และรายงานใหม่ ๆ เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเครือข่ายนักวิชาการจากหลายสถาบัน เช่น สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยนเรศวร ต้องจัดเวทีให้ข้อเท็จจริงทางวิชาการ
3) กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการวัตถุอันตรายในวันที่ 23 พ.ค.2561 มีกรรมการอย่างน้อย 3 คน มีส่วนได้เสียกับสมาคมค้าสารเคมีกำจัดศัตรูพืช แต่กลับไม่มีการแสดงการมีส่วนได้เสียและไม่มีการสละสิทธิ์ลงคะแนน ซึ่งอาจขัด พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 12 วรรค 2
เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรงจึงขอกราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีได้โปรดพิจารณาบัญชาให้มีการดำเนินการ ดังนี้
1) ให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายทบทวนมติ และพิจารณายกเลิกพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ในเดือน ธ.ค.2562 ตามกรอบเวลาที่กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอไว้ โดยกระบวนการพิจารณาข้อมูลและลงมติต้องไม่มีผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วม เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 12 วรรค 2 ใช้ข้อมูลที่ทันสมัย เป็นกลางทางวิชาการ และมาจากหน่วยงานที่มีความเชียวชาญโดยตรง ได้แก่ ผลการพิจารณาของกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และข้อมูลจากเครือข่ายประชาคมวิชาการ ซึ่งเพียงพอต่อการพิจารณายกเลิกการใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอส เนื่องจากเป็นเหตุผลที่สอดคล้องกับ 53 ประเทศที่ยกเลิกการใช้พาราควอตไปก่อนหน้านี้ และเป็นไปตามแผนการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำประเทศมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
2) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการศึกษาหาวิธีการทดแทน ตามมติของสภาเกษตรกรแห่งชาติ เพื่อปกป้องคุ้มครองสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค ทั้งนี้จากการสำรวจของเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช พบว่า เกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ข้าว อ้อย ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และมันสำปะหลัง ร้อยละ 63 ไม่ได้ใช้พาราควอตในการกำจัดวัชพืช นั่นหมายถึงมีสารกำจัดวัชพืชชนิดอื่นและวิธีการในการจัดการวัชพืชที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพาราควอตอยู่แล้ว หากแต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้รวบรวมองค์ความรู้เหล่านี้มาเผยแพร่ในวงกว้าง
3) ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ก่อนจะยกเลิกการใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอสในปี 2562 หากพบว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนของเกษตรกร เสนอให้กระทรวงการคลังศึกษาและจัดเก็บภาษีจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายร้ายแรง มาใช้ในการเยียวยาผลกระทบและสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนวิธีจัดการวัชพืชที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะลดผลกระทบจากการถูกกีดกันทางการค้าจากความไม่ปลอดภัยของสารพิษตกค้าง การละเมิดสิทธิเกษตรกรที่ใช้สารพิษที่อันตรายร้ายแรง ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกในระยะยาว
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรฯ ระบุว่า กระทรวงเกษตรฯ จะเป็นเจ้าภาพในการนำเสนอข้อมูลสำหรับใช้ในการพิจารณาครั้งใหม่ โดยจะเสนอให้มีการเเต่งตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างประชาชนกับภาครัฐด้วย ส่วนกรณีที่เครือข่ายฯ อ้างว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น หากพบมีมูลความจริงจะส่งเริื่องให้เเก่สำนักนายกรัฐมนตรี ตรวจสอบเเละพิจารณาต่อไป .
อ่านประกอบ:ขาดลอย! เปิดตัวเลขผลโหวตไม่แบน 'พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส-ไกลโฟเซต'
“ดิฉันเป็นกก.เสียงข้างน้อย” จิราพร ลิ้มปานานนท์ แถลงชัดควรแบน ‘พาราควอต’
เปิดบทสรุปอนุกรรมการเฉพาะกิจ ส่วนใหญ่เห็นด้วย 'จำกัด' การใช้ ‘พาราควอต’
คกก.วัตถุอันตราย มติไม่แบน ‘พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส’-แค่จำกัดการใช้
เครือข่ายแบนสารพิษจี้นายกฯ สั่งการให้ทบทวนมติ คกก.วัตถุอันตราย ไม่ยกเลิก ‘พาราควอต’