ชั่งน้ำหนักข้ออ้างบิ๊กป้อม ‘ยืมเพื่อนใส่’ปมนาฬิกาหรู ‘ฟังขึ้น’หรือ ต้องกลับบ้าน?

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 16 มกราคม 2561 เวลา 20:30 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

รายงาน-สกู๊ป | Isranews | Investigative | บัญชีทรัพย์สิน | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

‘อิศรา’ย้อน 3 แนวทางคำชี้แจง พล.อ.ประวิตร ปมทรัพย์สิน-นาฬิกาหรู ก่อนชั่งน้ำหนัก ข้ออ้าง ‘ยืมเพื่อนใส่-คืนเขาไปแล้วทุกเรือน’ ฟังขึ้นหรือไม่ รอดูผล สอบ ป.ป.ช. หรือถึงคราวเก็บของกลับบ้าน?

picpavgdggddddddd

16 ม.ค.2651 ชี้แจงอย่างเป็นทางการครั้งแรก สำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตีว่าการกระทรวงกลาโหม กรณีเพจ CSI LA นำภาพนาฬิกาหรูจำนวน 24 เรือน มูลค่ารวมกว่า 30 ล้านบาทมาเผยแพร่ว่า “เป็นการวนเอาเรือนเก่าออกมา ไม่เป็นไรขอให้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ตรวจสอบ ..ถ้าชี้ผมผิด ผมก็ออก และการทำงานของป.ป.ช.ไม่สามารถไปแทรกแซงได้ เพราะป.ป.ช.มีการดำเนินการตามขั้นตอนของเขา คงต้องรอให้เขาตรวจสอบให้เสร็จสิ้น และผมชี้แจงป.ป.ช.ไปแล้ว”

เมื่อถามอีกว่า ปกติเป็นคนชอบสะสมนาฬิกาใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า “ผมไม่มีหรอก ผมมีเพื่อน เพื่อนเอามาให้ผมใส่ แค่นั้นเอง และก็คืนเขาทั้งหมดทุกเรือน (อ่านประกอบ:'บิ๊กป้อม' เปิดปากครั้งแรกนาฬิกาหรูยืมเพื่อนใส่ ไม่ใช่ของตนเอง-ลั่นป.ป.ช.ชี้ผิดพร้อมออก)

หลังจากปฏิเสธที่จะตอบคำถามนักข่าวหลายครั้งก่อนหน้านี้

ความจริงถ้าย้อนกลับไปดูแนวทางคำชี้แจงของพล.อ.ประวิตรที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2560 เวลา 20:30 น. (อ่านประกอบ:เปิด 3 แนวทางคำชี้แจงนาฬิกาหรู‘บิ๊กป้อม’ เทียบ คดีรถโฟล์ค ‘สุพจน์’) และ วันที่ 08 ม.ค.2561 เวลา 20:30 น. (อ่านประกอบ:จับอาการ‘บิ๊กป้อม’ปมทรัพย์สิน-นาฬิกาหรู (ถ้า) ป.ป.ช.เอาจริง ก็เหนื่อยหนัก!) ซึ่งมี 3 แนวทาง จะเห็นว่า ไม่ได้นอกเหนือความคาดหมาย นั่นคือ พล.อ.ประวิทย์เลือกแนวทางที่ 3 อ้างว่า เป็นทรัพย์สินของบุคคลอื่น อาทิ คนรู้ใจใกล้ชิด ญาติพี่น้อง เพื่อนรักให้ยืมมาสวมใส่ เมื่อปรากฎเป็นข่าวก็คืนให้เจ้าของแล้ว ฉะนั้น จึงไม่ต้องยื่นต่อ ป.ป.ช. เท่ากับ พล.อ.ประวิตรไม่ใช่เจ้าของ ทรัพย์สิน

แต่มีข้อน่าสังเกต ก็คือ พล.อ.ประวิตรไม่ยอมชี้แจงรายละเอียดต่อสาธารณะว่า ยืมเพื่อนนักธุรกิจ ชื่ออะไร (อาจเป็นเพราะนักข่าวไม่ได้ซักถาม?) และขอชี้แจงรายละเอียดต่อ ป.ป.ช.เพียงอย่างเดียว

ในทางปฏิบัติ สำนักข่าวอิศรารายงานไปแล้วว่า แนวทางการสอบสวน ป.ป.ช. จะต้องเรียกนาฬิกาดูจากเพื่อน พล.อ.ประวิตร มาตรวจสอบ (ดูของจริง) ,หลักฐานที่มา หลักฐานการซื้อขาย การจ่ายเงิน การนำเข้า ,สอบพยานบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างซึ่ง พล.อ.ประวัตรจะต้องอ้างคนที่มีศักยภาพในการเป็นเจ้าของนาฬิกา (เนื่องจากมีราคาแพง) ,ดูความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประวิตร‘ผู้ยืม’ กับ เพื่อน ‘ผู้ให้ยืม’ว่า มีความไว้เนื้อเชื่อใจกันขนาดไหน ,หากเป็นนักธุรกิจก็ต้องดูว่านักธุรกิจรายนั้นเกี่ยวพันกับ พล.อ.ประวิตรอย่างไร,พฤติกรรมของเพื่อนว่าเป็นชอบสะสมนาฬิกาหรือไม่

ป.ป.ช.จะต้องชั่งน้ำหนักว่า การอ้างเป็นของเพื่อน แต่จริงๆแล้วใครเป็นคนใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งคล้ายกับกรณีรถตู้โฟล์ค 3 ล้านของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในคดีซุกทรัพย์สินเงินสด 18 ล้านและรถตู้ กรณีรถตู้นายสุพจน์อ้างว่าเป็นของนายเอนก จงเสถียร นักธุรกิจ นำมาให้ภรรยานายสุพจน์ใช้งาน แต่ ป.ป.ช.พบว่า ทะเบียนรถยังเป็นชื่อนายเอนก (ไม่ได้โอนให้นายสุพจน์) ศาลฎีกาไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของนายสุพจน์ ตัดสินว่ามีความผิด จงใจซุกบัญชีทรัพย์สิน (อ่านประกอบ:เปิดที่มา‘รถโฟล์ค’ 3 ล.ฉบับ‘สุพจน์’ โยงเมีย นักธุรกิจ – ศาลชี้ปมเอกชนได้งานการท่าฯ)

กรณีนี้ ถ้าพล.อ.ประวิตรอ้างบุคคลเป็นพยานหลายคน (เนื่องจากนาฬิกาหลายเรือน) พยานแต่ละคนอาจให้การขัดแย้งกัน เหมือนกรณีเงินกู้ 45 ล้านบาทของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อ้างกู้ยืมกันมาเป็นทอดๆ

ในข้อเท็จจริงถ้าปั้นพยาน สามารถตรวจสอบได้ไม่ยาก และถ้า ป.ป.ช.สอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ถึงคราว พล.อ.ประวิตรอาจต้องเก็บฉาก เก็บข้าวของกลับบ้าน ตามคำพูด และอาจถูกสอบร่ำรวยผิดปกติอีกข้อหาหนึ่งอีกทั้งยังมีปมทรัพย์สินเพิ่ม 30.5 ล้านบาท (ปี 2551-2557) ที่ ป.ป.ช.จะต้องสอบข้อเท็จจริงให้กระจ่าง

ในทางกลับกันถ้า ป.ป.ช.เชื่อคำกล่าวอ้างเป็นข้อเท็จจริง พล.อ.ประวิตร กับเพื่อน จะถูกขุดคุ้ยว่าเอื้อประโยนช์ให้แก่กันและกันหรือไม่?

ฉะนั้นจากคำชี้แจง และข้อมูลประกอบการพิจารณา พอจะชั่งน้ำหนักได้ว่า ฟังขึ้นหรือไม่? และ ไม่ว่าออกทางไหน? ไม่มีคำว่าเสมอตัว