โอนหุ้นลม-ไม่แบ่งรายได้มหาศาล!หลักฐานอัยการชี้‘เสี่ยเปี๋ยง’ผู้มีอำนาจตัวจริง‘สยามอินฯ’
เปิดหลักฐานฝ่ายอัยการ ชี้ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ผู้มีอำนาจตัวจริงคุม บ.สยามอินฯ ชี้ พนง. ได้รับหุ้นโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่รู้เรื่องผลประกอบการ-กำไร-การดำเนินงานทั้งสิ้น พบโกยรายได้มหาศาล ไม่จ่ายเงินค่าชำระหุ้นคืน
จากกรณีคำแถลงปิดคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของฝ่ายพนักงานอัยการ ในคดีที่อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 28 รายเป็นจำเลย โดยปรากฏชื่อของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง ตกเป็นจำเลยด้วย ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานไปก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ : เจาะพิรุธคดีข้าวจีทูจีฉบับอัยการ!รัฐวิสาหกิจจีนไม่ได้เงิน-เช็คหมื่นล.จากก๊วน‘เสี่ยเปี๋ยง’, เอ็กซ์คลูซีฟ!เปิดครบเช็คเอกชน หมื่นล.ซื้อข้าวตรงกรมการค้าฯหลักฐานอัยการชี้ไม่ทำจีทูจีจีน)
ในชั้นการไต่สวนของศาลฎีกาฯ จำเลยหลายรายต่างยืนยันว่า ไม่รู้สถานะของนายอภิชาติว่าเป็นใคร บางรายอ้างว่าไม่รู้จักมาก่อน ขณะเดียวกันมีการอ้างว่า นายอภิชาติไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แล้ว เนื่องจากไม่ได้เป็นทั้งกรรมการ และผู้ถือหุ้นแล้วนั้น
อย่างไรก็ดีในคำแถลงปิดคดีของฝ่ายพนักงานอัยการ ได้ยกพยานจากบุคคลภายในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่ได้รับมอบการโอนหุ้นมาจากเครือข่ายนายอภิชาติโดยไม่ต้องเสียค่าหุ้น หรือที่เรียกกันว่า ‘หุ้นลม’ จำนวนหลายสิบล้านบาท รวมถึงพยานจากพนักงานระดับสูงในธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ที่ชี้ให้เห็นว่า นายอภิชาติ ยังคงเป็นผู้มีอำนาจภายในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด อยู่ สรุปได้ ดังนี้
บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 10) เป็นนิติบุคคลตามเอกสารที่กฎหมายกำหนด การโอนหรือถือกรรมสิทธิ์หุ้น และการแต่งตั้งกรรมการ เป็นเพียงการอำพรางความเป็นเจ้าของและอำนาจบริหารกิจการที่แท้จริงเท่านั้น ลักษณะการแสดงออกแก่บุคคลทั่วไป ยังคงเป็นกิจการของนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร (จำเลยที่ 14) ที่ร่วมกับ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง (จำเลยที่ 11) น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ (จำเลยที่ 12) และ น.ส.สุทธิดา หรือสุธิดา ผลดี หรือจันทะเอ (จำเลยที่ 13) ที่เป็นกรรมการตามเอกสาร และจำเลยอื่นที่เป็นบริวารในกิจการ ตลอดจนเครือญาตินั่นเอง
เห็นได้จากการโอนหุ้นแต่ละครั้ง ไม่มีการชำระราคาใด ๆ ต่อกัน อันเป็นการอำพรางความเป็นเจ้าของและอำนาจบริหาร ทั้งยังมีการทำเอกสารการโอนหุ้นไว้ให้กับนายอภิชาติ เพื่อเป็นหลักประกันว่า นายอภิชาติจะสามารถควบคุมกิจการโดยใช้เอกสารไปดำเนินการทางกฏหมายได้
ปรากฏตามคำให้การของพนักงานรายหนึ่งในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้การต่อคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ว่า เมื่อตนย้ายมาทำงานที่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ตามคำสั่งของนายอภิชาติแล้ว นายอภิชาติได้มอบหุ้นลมของบริษัทนี้เป็นรางวัลให้ แต่จำไม่ได้ว่าเป็นจำนวนเท่าใด มูลค่าเท่าใด ส่วนที่เรียกว่าหุ้นลม เพราะว่าตนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นายอภิชาติให้ตนถือครองหุ้นแทน ตนไม่ทราบจำนวน และมูลค่า แต่ทุกครั้งที่มีการโอนหุ้น นายอภิชาติจะให้ตนทำการลงลายมือชื่อลอยไว้ในใบโอนหุ้นคืนให้นายอภิชาติทุกครั้งไป
และคำให้การของพยานอีกรายหนึ่งในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ระบุว่า การถือหุ้นของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่มีนายอภิชาติ เป็นเจ้าของนั้น มีความเป็นมาจากกรณีที่ น.ส.เรืองวัน ที่เป็นสมุห์บัญชีบริษัทนี้ แจ้งให้ตนเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่ตนไม่ทราบว่าถือกี่หุ้น และไม่ทราบราคาหุ้น ตลอดจนไม่ทราบว่าถือหุ้นแทนบุคคลใด หลังจากนั้นทนายความของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่เป็นผู้ชาย ตนไม่รู้จักชื่อและนามสกุล นำเอกสารมาให้ลงลายมือชื่อเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทดังกล่าว และวันเดียวกันได้นำเอกสารใบโอนหุ้นให้ตนลงลายมือชื่อให้กับนายอภิชาติ ซึ่งการถือครองหุ้นดังกล่าว ไม่เสียค่าหุ้นให้กับบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แต่อย่างใด
แม้แต่ น.ส.รัตนา ให้การกับคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. เมื่อปี 2557 ระบุว่า ตามสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2550 ตนได้ถือครองหุ้นอีก 29,999 หุ้น หุ้นละ 1,000 บาท จำได้ว่าหุ้นดังกล่าว ขอยืนยันซื้อจากบุคคลรายหนึ่ง (นายเอ นามสมมติ) โดยมีเหตุผลเช่นเดียวกับการซื้อหุ้นครั้งแรก ใช้เงินประมาณ 29.9 ล้านบาท โดยไม่มีการชำระเงินสดแต่อย่างใด เพียงแต่ได้ทำสัญญาซื้อหุ้นกับบุคคลอีกรายหนึ่ง (นายบี นามสมมติ) เพราะเข้าใจว่านายบี ได้ซื้อหุ้นมาจากนายเอ มาอีกที โดยมีเงื่อนไขการชำระเงินค่าหุ้นดังกล่าว จะเกิดขึ้นต่อเมื่อบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ประกอบกิจการแล้วได้ผลกำไรประมาณ 7-10% ดังนั้นในข้อสัญญาจะยังไม่มีการตกลงว่าจะชำระเงินค่าหุ้นเมื่อไหร่ อย่างไร แต่ถ้าบริษัทนี้ขาดทุน หรือไม่มีผลกำไร ตนไม่จำเป็นต้องชำระค่าหุ้นดังกล่าว และนายบี ไม่มีสิทธิ์ทวงถามค่าหุ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการชำระค่าตอบแทนให้กับเจ้าของหุ้นเดิมแต่อย่างใด
น.ส.เรืองวัน เบิกความต่อศาลเมื่อปลายปี 2559 ระบุว่า หุ้นมูลค่า 40 ล้านบาท ในบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ที่มีตนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ได้รับมาจากภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสของนายอภิชาติ โดยไม่ต้องชำระราคาแต่ประการใด
ตลอดจนคำให้การของ น.ส.สุธิดา ต่อคณะอนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ระบุว่า จำไม่ได้ว่าเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ตั้งแต่เมื่อใด ตนถือหุ้นของบริษัทนี้อยู่ 1 หุ้น แต่ไม่ได้ชำระค่าหุ้นดังกล่าว เนื่องจาก น.ส.รัตนา เป็นผู้ดำเนินการ และนับแต่มาเป็นพนักงาน เป็นผู้ถือหุ้น และเป็นกรรมการ ไม่ทราบว่าบริษัทนี้มีภาระหนี้เป็นจำนวนเท่าใด กับที่ใด และปัจจุบันภาระหนี้เป็นอย่างไร ผลประกอบการอย่างไร เคยจ่ายเงินปันผลหรือไม่ อย่างไร และไม่เคยเข้าประชุมบริษัท หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการของบริษัทนี้ เนื่องจากบริษัทไม่เคยเชิญตนเข้าร่วมประชุม
น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร (จำเลยที่ 17) เบิกความต่อศาลช่วงปลายปี 2559 ระบุว่า จนถึงปัจจุบัน หุ้นของตนที่โอนให้แก่ผู้อื่น มูลค่ากว่า 4 ล้านบาท ยังไม่ได้ค่าตอบแทนใด ๆ แต่ประการใด คำเบิกความฟังดูแย่หน่อย ตรงที่แม้แต่หุ้นดังกล่าวจะถูกโอนให้แก่ใคร อย่างไร น.ส.สุนีย์ กลับไม่รู้
ขณะที่รายได้ของ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด อ้างว่า ทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัทสัญชาติสิงคโปร์ การส่งข้าวให้ประเทศโกตติวัวร์ การปรับปรุงข้าวส่งให้อินโดนีเซีย (BULOG) และตลอดจนตามแนวทางการต่อสู้ของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด กับพวกว่า ได้นำข้าวตามสัญญาขายข้าวแบบจีทูจีในคดีนี้ ไปจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ดีเมื่อปรากฏชัดว่า ขนาดขายข้าวได้กำไรมหาศาล แต่ น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง (จำเลยที่ 11) น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ (จำเลยที่ 12) และ น.ส.สุทธิดา หรือสุธิดา ผลดี หรือจันทะเอ (จำเลยที่ 13) ยังไม่ได้กำไรไปคืนแก่ผู้ถือหุ้นเดิม กรณีจึงเป็นไปได้เพียงประการเดียวคือ ผู้ถือหุ้นทั้งหมดไม่ได้ผูกพันกันตามเอกสารอย่างแท้จริง รายการตามเอกสารทะเบียนนิติบุคคล และบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เป็นเพียงข้อเท็จจริงที่อุปโลกน์ไว้ใช้กล่าวอ้างแก่บุคคลทั่วไปเท่านั้น ค่าตอบแทนและผลประโยชน์ที่กรรมการ ผู้ถือหุ้น ทั้งรายเก่า และรายใหม่ได้รับจริงจำนวนมหาศาลนี้ ไม่มีบุคคลใดจะทราบได้แน่ชัด คงมีแต่ในกลุ่มผู้สมรู้ร่วมคิดกันนั่นเอง
สอดคล้องกับคำให้การของผู้บริหารในธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ที่บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ให้คนในเครือข่ายไปเปิดบัญชีเงินฝากไว้นั้น ระบุว่า เมื่อเดือน ต.ค. 2555 น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร หรือนายสุธี เชื่อมไธสง (จำเลยคดีนี้ ปัจจุบันหลบหนี) ได้แนะนำให้ตนรู้จักว่า นายอภิชาติ ว่าเป็นประธาน และเจ้าของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ตนได้ทักทายตามปกติ แต่หลังจากวันนั้น ตนไม่ได้พบเจอนายอภิชาติอีกเลย ภายหลังเมื่อมีการเปิดเผยเรื่องการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และมีหน่วยงานราชการขอเอกสารไปยังธนาคาร เจ้าหน้าที่ธนาคารได้สืบค้นข้อมูล และภาพของนายอภิชาติในอินเทอร์เน็ต ตนเห็นภาพนายอภิชาติในอินเทอร์เน็ต และสามารถจดจำได้
ตามคำเบิกความของผู้บริหารในธนาคารพาณิชย์แห่งนี้ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองใด ๆ กับฝ่ายจำเลย ยังปรากฏชัดว่า ในระหว่างกลุ่มจำเลยด้วยกันเอง ยอมรับ และแสดงออกแก่บุคคลภายนอกว่า นายอภิชาติ ยังคงเป็นประธาน และเจ้าของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ทั้งที่ในขณะนั้นนายอภิชาติ ไม่มีรายชื่อในฐานะผู้ถือหุ้น และกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด แล้วก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ศาลฎีกาฯนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 ส.ค. 2560 ดังนั้นจำเลยทั้งหมดจึงยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
อ่านประกอบ :
พิพากษาคดีจีทูจีเก๊ 25 ส.ค.-ผู้สอบบัญชี ‘กวางตุ้ง-ไห่หนาน’ไม่รู้เซ็นในนาม รบ.จีนหรือไม่
ครบถ้วน! ไทม์ไลน์ขายข้าวจีทูจี‘มนัส’ ชง‘ภูมิ-บุญทรง’ไฟเขียวก่อนถูกเวียนขายใน ปท.
เปิดขบวนการเวียนข้าวคดีจีทูจีเก๊ในสำนวน ป.ป.ช.-‘สารวัตร’รุ่นเดียว ‘วีระวุฒิ’ร่วมเดินเรื่อง
พบ‘สารวัตร’พันคดีข้าวถุง ร่วมรับเช็ค ‘วีระวุฒิ’เวียนข้าวขายในประเทศคดีจีทูจีเก๊
บ.ค้าข้าวเข้าพบ-โทรคุย-จ่ายเงิน‘วีระวุฒิ’! ข้อมูลใหม่คดีระบายข้าวจีทูจี
เปิดพฤติการณ์เอกชน-โรงสีจ่ายเช็ค‘วีระวุฒิ’ก่อนเวียนข้าวขายใน ปท.คดีจีทูจีเก๊
นึกไม่ถึงว่าจะมีการเวียนข้าว! อดีตรองอธิบดีกรมการค้าฯแจงศาลคดีจีทูจีเก๊
ขายข้าวจีทูจีขรก.พาณิชย์รู้ดีสุด! ‘บุญทรง-ภูมิ’แจงศาล-ลั่นสอบแล้วไร้โกง
'เสี่ยเปี๋ยง'มาศาลแล้ว! เข้าไต่สวนคดีข้าวจีทูจีเก๊ หลังป่วยความดันนอน รพ.
เปิดคำสั่งศาลถอนประกัน‘เสี่ยเปี๋ยง’ เข้าเรือนจำฯ กทม.-ไฟเขียวไต่สวนคดีลับหลัง
ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯยัน‘เสี่ยเปี๋ยง’นอน รพ.ราชทัณฑ์จริง-ป่วยความดัน
เบื้องหลัง!เด้งผบ.เรือนจำปากน้ำเข้ากรุ 'เสี่ยเปี๋ยง' ถูกถอนประกัน-ส่งตัวเข้าลาดยาว
เบื้องหลัง 'อิศรา' ตะลุย ‘รพ.ตำรวจ’ ค้นหาความจริง ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ล้มป่วยจริงหรือ?
เรือนจำปากน้ำอุบเงียบส่งตัว 'เสี่ยเปี๋ยง' นอนรพ.ตร.-ญาติวางเงิน229ล. เจรจาคดียักยอกข้าว
ศาลสั่งเพิ่มเงินประกัน‘บุญทรง-เสี่ยเปี๋ยง’ อีก10ล.กันหนีคดีข้าว-4 ข้อหาใน ป.ป.ช.
อย่าโยนบาปให้ ขรก.! ‘วรงค์’ให้การคดีข้าวจีทูจีเก๊-พบพิรุธใหม่ในสัญญาขาย
ให้เอกชนจำเลยคดีข้าวชดใช้2หมื่นล.!ศาลฯรับคำร้องอสส.-'เสี่ยเปี๋ยง'อยู่รพ.ตร.จริง
ป.ป.ช.เชือดล็อตแรกคดีข้าวจีทูจี"บุญทรง-ภูมิ"ไม่รอด-ฟ้องแพ่ง 6 แสนล้าน
ป.ป.ช.ฟันลอตสอง!15 เอกชนพันคดีข้าวจีทูจี-บ.เจียเม้งตัวละครข้าวถุงโดนด้วย
เบื้องหลัง 'อิศรา' ตะลุย ‘รพ.ตำรวจ’ ค้นหาความจริง ‘เสี่ยเปี๋ยง’ ล้มป่วยจริงหรือ?
เรือนจำปากน้ำอุบเงียบส่งตัว 'เสี่ยเปี๋ยง' นอนรพ.ตร.-ญาติวางเงิน229ล. เจรจาคดียักยอกข้าว
ชีวิตในเรือนจำปากน้ำแดน 3 'เสี่ยเปี๋ยง' หลังเจอคุก 6 ปี ยักยอกข้าวรัฐ
อยู่แดน 3! จนท.เรือนจำปากน้ำ ยันศาลสั่งจำคุก 'เสี่ยเปี๋ยง' คดีข้าวยุค'เพรสซิเดนท์''
‘ไทยฟ้าฯ’เอกชนราย 5 ป.ป.ช. กันเป็นพยานคดีทูจีเก๊ คู่ค้าข้าว อคส. 285 ล.
ป.ป.ช.ยันเอกชนคดีข้าวจีทูจีบินพบ‘บิ๊กการเมือง’ ถ้ากลับคำไม่กันเป็นพยานแน่!
เอกชน ป.ป.ช.กันเป็นพยานคดีข้าวจีทูจี อ้างบินพบ‘บิ๊กนักการเมือง’ก่อนกลับคำคุย‘ผู้ใหญ่’
เปิดชื่อ 4 บ.ค้าข้าว ป.ป.ช.กันไว้เป็นพยานคดีจีทูจีเก๊-คู่ค้ารัฐ 5.5 พันล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากนายอภิชาติ จาก bangkokbiznews