ศาลสั่งอนุญาตแบงก์อิสลามฯถอนฟ้อง บ.เจ.เจ.ฯคดีเงินกู้ ‘อินสแควร์’ 1,800 ล้าน

เขียนวันที่

วันพฤหัสบดี ที่ 06 สิงหาคม 2558 เวลา 11:28 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Tags

บริษัท เจ.เจ. เซ็นเตอร์ จำกัด หรือ บริษัท อินสแควร์ ช้อปปิ้ง มอลล์ จำกัด หรือ บริษัท อินสแคว์ จำกัด | ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ศาลสั่งอนุญาตแบงก์อิสลามฯถอนฟ้องแพ่ง บ.เจ.เจ.เซ็นเตอร์ - บมจ.เดวาฯ-จุไรรัตน์ พวกผู้ค้ำประกันรวม 5 รายคดีผิดนัดชำระหนี้เงินกู้โครงการอินสแควร์ 1,800 ล้าน เห็นว่าโจทก์สุจริต หลังจำเลย 2-5 คัดค้าน จำหน่ายคดี เพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

picddssssss

กรณีเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2558 ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ตามคดีหมายเลขดำที่ ผบ.4334/2557 ระหว่าง ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย โจทก์ กับ บริษัท เจ.เจ. เซ็นเตอร์ จำกัด หรือ บริษัท อินสแควร์ ช้อปปิ้ง มอลล์ จำกัด หรือ บริษัท อินสแคว์ จำกัด ที่ 1 กับพวก 5 คน แต่เนื่องจากบริษัท เดวา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่ 2 ,นายจำนง สุขแนบ ที่ 3 ,นางจุไรรัตน์ อีโบไนเธริ์น ที่ 4 ,นายจักรพันธ์ ศรีไกรวิน ที่ 5 จำเลย ขณะที่ จำเลยที่ 2- จำเลยที 5ได้ยื่นคำร้องคัดค้านเกี่ยวกับการถอนฟ้อง ศาลแพ่งนัดฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 3 สิงหาคม 2558

(อ่านประกอบ:แบงก์อิสลามฯยื่นถอนฟ้อง‘อินสแควร์-จุไรรัตน์’พวก คดีผิดนัดชำระหนี้ 1,800 ล.)

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค.58 ศาลแพ่งมีคำสั่งถอนฟ้องจำเลยทั้งห้าตามคำร้องของโจทก์และจำหน่ายคดีจากสาระบบความ

ศาลให้เหตุผลว่า พิเคราะห์คำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ และคำแถลงคัดค้านของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 แล้วสรุปสาระสำคัญได้ว่าการถอนฟ้องของโจทก์เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตเนื่องจากผู้ถือหุ้นรายใหม่ของจำเลยที่ 1 (บริษัท ไดมอนด์ แกรนด์ จำกัด) กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิการถือหุ้นในบริษัทจำเลยที่ 1 หากศาลดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อาจหลุดพ้นจากความรับผิดนั้น เห็นว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องอ้างว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.58 โดยไม่ปรากฏว่าคำฟ้องของโจทก์บกพร่องและจะเสียเปรียบในเชิงคดี ข้อที่ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 คัดค้านว่ามีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับผู้ถือหุ้นรายใหม่ของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 นั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทในคดีนี้ ส่วนความรับผิดของจำเลยที่ 2 ถึง ที่ 5 ในฐานะผู้ค้ำประกันจะเป็นประการใด ล้วนต้องพิจารณาจากสัญญาค้ำประกันเป็นสำคัญ ฉะนั้นข้อคัดค้านของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 จึงยังไม่พอฟังว่าโจทก์ถอนฟ้องโดยไม่สุจริต จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งห้าได้ จำหน่ายคดีจากสารบบความ คืนค่าขึ้นศาลแก่โจทก์เป็นกรณีพิเศษเป็นเงิน 1,711,000 บาท

นอกจากนี้ยังเพิกถอนคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนคำพิพากษา เมื่อ 31 ต.ค.57

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งห้าของโจทก์ ระบุว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บริหารชุดใหม่มีเจตนาและความตั้งใจในการเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาภายในของบริษัทจำเลยที่ 1 และนับแต่ศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามฉบับลงวันที่ 31 ต.ค. 57 ผู้บริหารชุดใหม่ได้เข้ามาเจรจากับโจทก์เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ตามฟ้องมาโดยตลอด จนเมื่อวันที่ 8 พ.ค.58 โจทก์ได้ยื่นเพิกถอนคำสั่งครองชั่วคราวบางส่วน และต่อมาศาลได้มีคำสั่งเพิกถอนการอายัดชั่วคราวตามคำร้องของโจทก์ เมื่อ 11 มิ.ย.58 จากคำสั่งของศาลฉบับดังกล่าวทำให้จำเลยที่ 1 สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ และเป็นการเยียวยาให้กับผู้ค้ารายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนบางส่วน

หลังจากนั้น จำเลยที่ 1 ได้เข้ามาเจรจาเพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามฟ้องกับโจทก์ โดยนำหลักทรัพย์และบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ตามสัญญาสินเชื่อที่จำเลยทำให้ไว้แก่โจทก์ทั้ง 4 ฉบับ พร้อมชำระกำไรและค่าชดเชยให้แก่โจทก์จนเป็นที่พอใจ โจทก์จึงได้ตกลงทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับจำเลย เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.58

รายงานข่าวจาก บริษัท ดีดีมอลล์ จำกัด แจ้งว่า สัญญาปรับโครงสร้างหนี้นั้น มี นางโสภา ศิรมณีรัตน์ ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ไดมอนด์แกรนด์ จำกัด และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท ดีดีมอลล์ จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท เจ.เจ.เซ็นเตอร์) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ เป็นผู้ค้ำประกันหนี้จำนวนดังกล่าว

อ่านประกอบ: