"คอรีเยาะ"ทนไม่ไหว คสช.ปล่อยไฟใต้โชน!
ฝีไม้ลายมือการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้ของรัฐบาลชุดนี้ชักไม่ค่อยโดนใจคนในพื้นที่เสียแล้ว...
แม้แต่คนที่เคยออกโรงเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาตั้งแต่สมัยเป็น ผบ.ทบ. ต่อเนื่องมากระทั่งยึดอำนาจ เป็นประธาน คสช. และก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย อย่าง คอรีเยาะ หะหลี ก็ยังทนไม่ไหว
"คอรีเยาะ เป็นใคร?" หลายคนอาจมีคำถาม
คอรีเยาะคืออดีตเด็กหญิงมุสลิมที่ต้องสูญเสียบิดาไปในเหตุการณ์กรือเซะ เมื่อวันที่ 28 เม.ย.47 และออกมาต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมเพราะถูกตราหน้าว่าเป็น "ลูกโจร" เธอไม่เชื่อว่าบิดาเข้าไปร่วมปฏิบัติการความรุนแรงกับกลุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์หลายร้อยคนที่เปิดปฏิบัติการโจมตีป้อมจุดตรวจของเจ้าหน้าที่กว่า 10 แห่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงเช้ามืดวันนั้น แล้วบางส่วนหลบเข้าไปในมัสยิดกรือเซะ
เจ้าหน้าที่จัดกำลังล้อมเอาไว้เกือบทั้งวัน ก่อนตัดสินใจยิงอาวุธหนักเข้าใส่จนมัสยิดเสียหาย และคนข้างในเสียชีวิตทั้งหมดกว่า 30 คน!
หนึ่งในนั้นเป็นพ่อของคอรีเยาะซึ่งอายุมากแล้ว เธอจึงไม่เชื่อว่าบิดาจะไปร่วมกับกลุ่มที่ใช้ความรุนแรง แต่อาจไปละหมาดในมัสยิดอยู่ก่อนเหมือนกับผู้บริสุทธิ์อีกหลายๆ คน แต่สุดท้ายต้องมาตาย
เธอต่อสู้มาหลายปีจนมีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยเข้าใจเธอ ขณะที่คอรีเยาะก็เติบโตขึ้น เธอเริ่มรู้ว่าปัญหามากมายในพื้นที่ไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่แต่เพียงด้านเดียว แต่หลายปัญหาก็เกิดจากคนในพื้นที่เอง เธอจึงปรับบทบาทจากการเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าหน้าที่ เปลี่ยนเป็นการ "ใช้เจ้าหน้าที่" ให้ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับเธอและชุมชน...วันนี้เธอเป็นแกนนำสตรีบ้านส้ม ต.ควนโนรี อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
และด้วยเหตุนี้คอรีเยาะจึงรู้จักทหารมากมาย ทั้งยังเคยเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. เมื่อวันที่ 10 พ.ค.55 ในฐานะผู้นำเยาวชนจากชายแดนภาคใต้ วันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ เอ่ยปากขอโทษพี่น้องมุสลิมกับความผิดพลาดในอดีตที่เจ้าหน้าที่เคยก่อ
ก่อนจากกัน เธอชวน "บิ๊กตู่" ทำท่า "ซารางเฮโย" ซึ่งแปลว่า "ฉันรักเธอ" ในสไตล์เกาหลี ซึ่ง ผบ.ทบ.ก็ยอมทำ กลายเป็นข่าวฮือฮาไปทั่ว และนั่นยิ่งทำให้คอรีเยาะประทับใจ และสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อยมา
ทว่าตลอด 5 เดือนที่ คสช.ภายใต้การนำของ "บิ๊กตู่" รับผิดชอบปัญหาภาคใต้อย่างเต็มมือ ดูเหมือนมีหลายสิ่งที่ยังผิดพลาด โดยเฉพาะผลประชุมฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันจันทร์ที่ 3 พ.ย.57 ที่เตรียมทุ่มงบ 1,700 ล้านตั้งกรมทหารพรานใหม่ และส่งปืนยาว เอชเค 33 จำนวนหลายพันกระบอกให้ อส.ใช้เป็นอาวุธประจำกาย
คอรีเยาะจึงเขียนหนังสือฝากสื่อส่งถึงอดีต ผบ.ทบ.ซึ่งเคยทำท่า "ซารางเฮโย" ร่วมกับเธอ
"กราบเรียนท่าน ผบ.ทบ.ที่เคารพรัก (หมายถึง พล.อ.ประยุทธฺ์) ในนามเหยื่อใต้ ขอแสดงความห่วงใหญ่ในการแก้ปัญหาความไม่สงบที่ผลออกมาว่าจะจัดงบเป็นพันๆ ล้านมาจัดตั้งกรมทหารพราน จัดหาอาวุธปืนให้กับอาสาสมัคร เราในฐานะเหยื่อ ขอให้ท่านทบทวนว่ามีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องเพิ่มงบ เพิ่มกำลัง เพิ่มอาวุธปืนลงไปในพื้นที่มากขนาดนี้
อยากทราบว่าทุกวันนี้กองกำลังที่มีอยู่เดิม ถ้าลดการใช้อาวุธปืนแล้วมาใช้อาวุธทางปัญญา ใช้จิตวิทยาเอาชนะคนในพื้นที่ จะดีกว่าไหม เพราะการใช้อาวุธปืนมันจะทำให้เกิดการท้าทายอำนาจกันมากขึ้น อาจทำให้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น คนทำงานก็ขาดความรู้ความรอบคอบ ในบางเหตุการณ์ที่ผ่านมาก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐเองทำงานบนความหวาดระแวง ประมาท ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน เราจึงไม่เชื่อว่าการที่ อส.มีอาวุธปืนแล้วจะสามารถป้องกันตัวหรือเหตุต่างๆ ได้
กรณีทหารพรานหญิงก็เช่นกัน เราไม่อยากเห็นผู้หญิงสามจังหวัดโดยเฉพาะผู้หญิงที่เป็นมุสลิมเข้าไปอยู่ในวงจรความขัดแย้ง ผู้หญิงควรทำหน้าที่เป็นแม่ของลูก และต้องแต่งตัวตามหลักอิสลามอย่างเคร่งครัด แต่เท่าที่เห็นผู้หญิงมุสลิมที่ได้เข้าไปเป็นทหารพรานหญิง จะถูกบังคับไม่ให้สวมฮีญาบ ทำให้สูญเสียอัตลักษณ์ความเป็นมุสลิมไป และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ผ่านมาทหารพรานหญิงถูกทำร้ายถึงแก่ชีวิต
จึงอยากให้ทบทวนว่าสิ่งที่พยายามทำอยู่ มันใช่วิธีแก้ปัญหาจริงๆ หรือ ทุกชีวิตไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านหรือเจ้าหน้ารัฐ ไม่ควรมีใครสูญเสีย จึงขอวิงวอนให้ใช้สันติวิธีแก้ปัญหาร่วมกัน จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด"
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.และร่วมทำท่า "ซารางแฮโย" หรือ "ฉันรักเธอ" ในสไตล์เกาหลี กับ คอรีเยาะ หะหลี ทายาทผู้สูญเสียจากชายแดนใต้
อ่านประกอบ :
1 รัฐแจง"โอไอซี"ยังจำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก. – ผบ.ทบ.ขอโทษพี่น้องมุสลิมชายแดนใต้
2 "คอลีเยาะ หะหลี" หญิงแกร่งแห่งควนโนรี กับการเอาชนะตราบาป "ลูกกบฎกรือเซะ"
หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้ตีพิมพ์ในคอลัมน์ "แกะรอย" หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ปกโฟกัส ฉบับวันอังคารที่ 4 พ.ย.57 ด้วย