ศาลปกครอง!! อย่าซุกขยะใต้พรม
"..หลายคนจึงหวั่นว่า การที่นายหัสวุฒิตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริง เป็นเพียงการปัดเรื่องให้พ้นตัวและในที่สุดผลสอบก็จะออกมาแบบมวยล้มต้มคนดู แต่เพื่อให้ดูดี นายดิเรกฤทธิ์อาจจะมีความผิดบ้างก็เพียงเล็กน้อย เพราะถ้าถึงขั้น "ลอยแพ"หรือลงโทษสถานหนัก อาจมีการล้างแค้นด้วยการแฉโพยกันบ้าง.."
หลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ได้ทำบันทึกส่วนตัวหรือ "จดหมายน้อย"ถึงพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และพล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผบ.ตร. เพื่อขอให้สนับสนุน พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล รองผกก.ป. สน.หัวหมาก เป็นผู้กำกับการ (ผกก.) โดยให้เหตุผลว่าเป็นเพื่อนสนิทหลานชายนายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล ประธานศาลปกครองสูงสุด และได้ช่วยดูแลการปฏิบัติภารกิจของประธานศาลปกครองสูงสุดในหลายโอกาส
และนายดิเรกฤทธิ์ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ยืนยันว่า ก่อนดำเนินการได้เรียนให้ประธานศาลปกครองสูงสุด(นายหัสวุฒิ วิทิตวิริยะกุล)รับทราบด้วย
ได้รอดูด้วยความระทึกว่า ประธานศาลปกครองสูงสุดจะมีท่าทีหรือแถลงเรื่องนี้ต่อสาธารณะอย่างไร เพราะถ้ามีเรื่องที่กระทบต่อภาพลักษณ์ของศาลปกครองรุนแรงเช่นนี้ประธานศาลปกครองซึ่งมักให้สัมภาษณ์ชี้แจงต่อสื่อมวลชนเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมีเพียงข่าวสั้นจากสำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลปกครองอ้าง นายไพโรจน์ มินเด็น ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองชั้นต้นประจำศาลปกครองสูงสุด ในฐานะโฆษกศาลปกครอง ระบุว่า ภายหลังจากที่ประธานศาลปกครองสูงสุดได้รับทราบข่าวดังกล่าวแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (29 เมษายน 2557) ประธานศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ จึงมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งประกอบด้วย ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด และผู้บริหารในศาลปกครองชั้นต้น ให้สืบสวนข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากผิดหวังเพราะคำแถลงของโฆษกศาลปกครองไม่ได้ให้ความกระจ่างอะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้น อาทิ
- ประธานศาลปกครองสูงสุด ขอการสนับสนุนหรือ รับทราบเรื่องที่นายดิเรกฤทธิ์ ทำ"จดหมายน้อย" ขอตำแหน่ง ผู้กำกับการให้แก่ พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล ตามที่นายดิเรกฤทธิ์กล่าวอ้างตามบันทึกและการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนหรือไม่
- พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล เป็นเพื่อนสนิทของหลานนายหัสวุฒิ วิทิตวิริยกุล จรริงหรือไม่
- พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล ได้ช่วยดูแลการปฏิบัติภารกิจของประธานศาลปกครองสูงสุดในหลายโอกาสจริงหรือไม่
ทั้งสามประเด็นที่ยกตัวอย่างมานี้ ไม่ต้องตั้งกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริงแต่อย่างใด เพราะนายหัสวุฒิย่อมรู้อยู่แก่ใจในข้อเท็จจริงเหล่านี้
แต่ที่น่าผิดหวังยิ่งกว่า แทนที่นายหัสวุฒิจะแสดงความรับผิดชอบอย่างกล้าหาญต่อสาธารณะในการทำเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็วในฐานะผู้นำองค์กร ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามบานปลาย ดังเช่นผู้บริหารระดับสูงที่มีจริยธรรมคุณธรรมพึงกระทำ นายหัสวุฒิกลับเลือกที่จะหลบสื่อมวลชนและให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลที่ยิ่งสร้างความอึมครึมมากยิ่งขึ้น
อย่าลืมว่า นายหัสวุฒิตกเป็น"จำเลย"สังคมเช่นเดียวกับนายดิเรกฤทธิ์ เพราะผู้คนจำนวนมาก(รวมทั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ-ศอ.รส.) ตุลาการและข้าราชการในศาลปกครองจำนวนก็เชื่อว่า นายหัสวุฒิน่าจะ"รู้เห็น" เรื่องดังกล่าวตามที่นายดิเรกฤทธิ์กล่าวอ้าง เนื่องจากตุลาการและข้าราชการในศาลปกครองรู้ถึงความสัมพันธ์ของ "นาย"และ "ลูกน้อง" คู่นี้เป็นอย่างดี
ดังนั้น หลายคนจึงหวั่นว่า การที่นายหัสวุฒิตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริง เป็นเพียงการปัดเรื่องให้พ้นตัวและในที่สุดผลสอบก็จะออกมาแบบมวยล้มต้มคนดู แต่เพื่อให้ดูดี นายดิเรกฤทธิ์อาจจะมีความผิดบ้างก็เพียงเล็กน้อย เพราะถ้าถึงขั้น "ลอยแพ"หรือลงโทษสถานหนัก อาจมีการล้างแค้นด้วยการแฉโพยกันบ้าง
ถ้านายหัสวุฒิมีความบริสุทธิ์ใจจริง ควรจะเรียกประชุมคณะกรรมการข้าราชการตุลาการศาลปกครอง(ก.ศป.)และให้ ก.ศป.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องดังกล่าวโดยให้องค์ประกอบคณะกรรมการสอบสวนมีผู้ทรงคุฒิที่ได้รับการยอมรับเข้าร่วมด้วย ขณะเดียวกันเพื่อให้ผลการสอบสวนได้รับการยอมรับควรส่งเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินซึ่งมีหน้าที่ในการสอบสวนเรื่องจริยธรรมโดยตรงดำเนินการควบคู่กันไปด้วย
ที่สำคัญนายหัสวุฒิควรหยุดปฏิบัติหน้าที่และมอบหมายให้ผู้อื่นรักษาราชการแทน จนกว่าผลสอบสวนเสร็จสิ้นว่า มิได้มีส่วนพัวพันในทางใดทางหนึ่ง
ข้อเสนอต่างๆเหล่านี้ยังถืออยู่ในขั้นเบาะๆ เพราะถ้าเป็นประเทศนักการเมืองและผู้บริหารระดับสูงหน้าบางแล้ว คงไม่ต้องมีข้อเสนอเหล่านี้เพราะคงลาออกไปตั้งแต่แรกแล้ว
ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์อื้อฉาวเกิดขึ้นในศาลปกครองมากมาย เช่น มีการกล่าวหาอดีตตุลาการผู้บริหารศาลปกครองสูงสุดว่า ใช้อำนาจโดยมิชอบในการเปลี่ยนองค์คณะคดีปราสาทพระวิหาร การออกระเบียบเพื่อเอื้อตัวเองและพรรคพวกให้ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาหลังเกษียณอายุแล้วซึ่งอยู่ระห่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) การนั่งเป็นตุลาการพิจารณาคดีในคดีลูกสาวของตนเองอยู่ทีมทนายที่มีการนำมาฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด และอีกหลายเรื่องที่มีการร้องเรียนไปยัง ป.ป.ช.
นอกจากนั้น ยังมีผู้บริหารระดับสูงในศาลปกครองบางคนนำหลักสูตรนักบริหารการยุติธรรม ทางปกครองระดับสูง (บยป.) ของศาลปกครองไปแสวงหาอิทธิพลและผลประโยชน์โดยเฉพาะการคัดเลือกข้าราชการระดับสูงหน่วยงานต่างๆ และนักธุรกิจใหญ่เข้าเรียนในหลักสูตร ถึงขนาดชักนำตุลาการชั้นผู้ใหญ่ไปร้องคาราโอเกะในบ้าน "แม่เลี้ยง" คู่ความในศาลปกครองที่จังหวัดเชียงใหม่
แต่บรรดาตุลการทั้งในศาลชั้นต้น ศาลปกครองสูงสุดและข้าราชการจำนวนหนึ่งที่รู้เห็นการกระทำและพฤติกรรมที่อื้อฉาวเหล่านี้มีสภาพเหมือนน้ำท่วมปาก ไม่กล้ารวมพลังกันลุกขึ้นมาต่อสู้ ได้แต่รวบรวมพยานเอกสารในทางลับเพื่อร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ "จดหมายน้อย"ครั้งนี้ หากบรรดาตุลาการและข้าราชการในศาลปกครอง ยังคงนิ่งเฉยไม่แสดงความกล้าหาญรวมพลังกันชำระสะสางสิ่งที่หมักหมกอยู่ในศาลปกครองมานานหลายปีแล้ว เท่ากับท่านทั้งหลายช่วยกัน "ซุกขยะไว้ใต้พรม" เพื่อให้รอให้ขยะเหม็นเน่าจนประชาชนทนไม่ไหว ออกมารื้อทำลายบ้านเพื่อกำจัดขยะเหล่านี้ทิ้งไป
ถ้าไม่รวมพลังกำจัด "ขยะ" เหล่านี้ทิ้งไปแล้ว ก็ป่วยการที่บรรดาตุลาการและข้าราชการศาลปกครองทั้งหลายจะเอ่ยอ้างว่า ได้ทำหน้าที่ตัดสินคดีความเพื่อความยุติธรรแก่ประชาชนอีกต่อไป
เพราะประชาชนย่อมไม่เชื่อถือในคำตัดสินที่เกิดขึ้นสถาบันที่ไร้ความกล้าหาญที่จะกำจัดขยะออกจากบ้านของตัวเอง
อ่านประกอบ :
เหตุการณ์อัปยศ?ที่ศาลปกครอง
โฆษกศาลฯ ปัดตอบ"หัสวุฒิ"รู้เห็น "จม.น้อย"หรือไม่ ก่อนสั่งสอบข้อเท็จจริง
บิ๊กศาลปกครอง ยันทำจม.น้อย หนุนเพื่อนหลาน"หัสวุฒิ"เป็นผกก.ไม่ผิดกม.
"จม.น้อย"เลขาฯศาลปกครอง โผล่ฉบับที่ 3 เร่งรัด"ตุลาการ" พิจารณาคดี