- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- โอนเช็คตอบแทนค่าโฆษณาเกินเวลา! เปิดสำนวนสอบ‘สรยุทธ-พวก’คดีปลอมเอกสาร
โอนเช็คตอบแทนค่าโฆษณาเกินเวลา! เปิดสำนวนสอบ‘สรยุทธ-พวก’คดีปลอมเอกสาร
“…ทางคดีแม้บริษัท ไร่ส้มฯ นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และนางพิชชาภา จะให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่มีผู้กล่าวหาพยานบุคคล พยานเอกสาร และผลการตรวจพิสูจน์เอกสารปลอมของกลาง เป็นพยานหลักฐานที่รับฟังได้ว่า บริษัท ไร่ส้มฯ นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และนางพิชชาภา ได้ร่วมกันกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง ปลอมเอกสารสิทธิ ใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม ทำให้เสียหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”…”
อีก 2 วันข้างหน้า นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ‘อดีต’ พิธีกร-นักเล่าข่าวชื่อดัง จะต้องลุ้นอีกครั้ง !
เนื่องจากเป็นวันที่คณะทำงานฝ่ายอัยการคดีอาญาพิเศษ 3 จะสรุปผลว่าจะฟ้องหรือไม่ฟ้อง กรณีที่พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง สรุปสำนวนพร้อมมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ในคดีที่นายสรยุทธ กับพวก ฉ้อโกง และปลอมแปลงเอกสาร กรณีโฆษณาเกินเวลาในการทำรายการ ‘คุยคุ้ยข่าว’ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ทำให้บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เสียหายกว่า 138 ล้านบาท
สำหรับคดีนี้ฝ่ายอัยการจะพิจารณาว่า สามารถดำเนินการสั่งฟ้องได้ตามกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากฝ่ายนายสรยุทธ ได้ร้องเรียนว่า เป็นกรรมเดียวกันกับที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด และศาลอาญาพิพากษาไปแล้วก่อนหน้านี้
(อ่านประกอบ : ลบคิวโฆษณา 130 ใบ! มัด‘สรยุทธ-พวก’ คดีปลอมเอกสาร-จับตารอดหรือถูกฟ้อง?, เบื้องหลัง! ‘สรยุทธ’โดนฟ้องอีกคดีปมปลอมเอกสารโกงค่าโฆษณา 138 ล.)
เพื่อขยายข้อเท็จจริงให้ชัดขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องคดีดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
คดีนี้สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่า ก่อนเกิดเหตุบริษัท ไร่ส้ม จำกัด (ผู้ต้องหาที่ 1) ได้ทำสัญญาร่วมกันดำเนินรายการโทรทัศน์กับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินรายการคุยคุ้ยข่าว ทำการออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี โดยมี น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ้ม (ผู้ต้องหาที่ 2) น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ (ผู้ต้องหาที่ 3) และนายสรยุทธ (ผู้ต้องหาที่ 4) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ไร่ส้มฯ ในการดำเนินรายการนั้น
นายสรยุทธ เป็นผู้ดำเนินรายการซึ่งตามสัญญากำหนดให้การดำเนินรายการในเวลา 60 นาที ซึ่งออกอากาศในวันเสาร์และอาทิตย์ สามารถโฆษณาออกอากาศได้ 5 นาที ส่วนการดำเนินรายการในเวลา 30 นาที ซึ่งออกอากาศในวันจันทร์ถึงวันศุกร์สามารถโฆษณาออกอากาศได้ 2.30 นาที หากมีการโฆษณาเกินกว่ากำหนด บริษัท ไร่ส้มฯ จะต้องเข้ามาทำการเจรจาเพื่อขอซื้อเวลาโฆษณาส่วนเกินกับ อสมท
ในการติดต่อประสานงานระหว่างการดำเนินรายการนั้น นายสรยุทธ ในฐานกรรมการผู้จัดการของบริษัท ไร่ส้มฯ ได้มอบหมายให้ น.ส.มณฑา ธีระเดช (ผู้ต้องหาที่ 5) ซึ่งเป็นพนักงานและลูกจ้างของนายสรยุทธ เป็นผู้มีหน้าที่ติดต่อประสานงานกับนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด (ผู้ต้องหาที่ 6) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการฝ่ายสนับสนุนและบริการลูกค้าของ อสมท เกี่ยวกับการจัดส่งใบคิวโฆษณาของบริษัท ไร่ส้มฯ ไปยัง อสมท
เมื่อนางพิชชาภา ได้รับใบคิวโฆษณาจาก น.ส.มณฑา จัดส่งมาให้ทางโทรสาร นางพิชชาภามีหน้าที่ตรวจสอบว่าใบคิวโฆษณาดังกล่าวมีการระบุโฆษณาเกินเวลาหรือไม่ หากตรวจสอบพบว่ามีการโฆษณาเกินเวลา นางพิชชาภาจะต้องรายงานให้ น.ส.อัญญา อู่ไทย ผู้บังคับบัญชาทราบ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ให้มีการออกอากาศต่อไป
แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อนางพิชชาภา ได้รับเอกสารใบคิวโฆษณาเกินเวลาจำนวน 340 วัน รวม 639.15 นาที จากโทรสารจาก น.ส.มณฑา เรียบร้อยแล้ว นางพิชชาภา ได้ปกปิดข้อเท็จจริงจากโฆษณาเกินเวลาดังกล่าว โดยไม่แจ้งและรายงานให้ น.ส.อัญญา ทราบ แต่กลับนำใบคิวโฆษณาเกินเวลาที่ได้รับมาดังกล่าว มาดำเนินการจัดทำรูปเล่มใบคิวโฆษณารวมของ อสมท เสร็จแล้วได้นำเล่มโฆษณาดังกล่าวเสนอให้ น.ส.อัญญา พิจารณาลงนาม
ซึ่งการปกปิดข้อมูลไม่แจ้งการโฆษณาเกินเวลาดังกล่าว ทำให้ น.ส.อัญญา หลงเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่ไม่มีการโฆษณาเกินเวลา จึงได้ลงนามอนุมัติเพื่อดำเนินการต่อไปตามขั้นตอน จนกระทั่งได้มีการนำโฆษณาเกินเวลาดังกล่าวออกอากาศไปเรียบร้อยแล้ว
ต่อมา อสมท ได้ทำการตรวจสอบการโฆษณาเกินเวลาของรายการคุยคุ้ยข่าว โดย น.ส.อัญญา สั่งให้นางพิชชาภาทำการตรวจสอบ ปรากฏว่า นางพิชชาภา ได้ทำให้เสียหายหรือทำลายเอกสารใบคิวโฆษณาเกินเวลาไปบางส่วนรวม 138 ฉบับ ด้วยวิธีการใช้น้ำยาลบคำผิดป้ายลบข้อความและตัวเลขในส่วนที่มีการระบุโฆษณาเกินเวลาบางส่วนในเอกสารดังกล่าว จากนั้นได้นำเอกสารที่มีการลบแล้วนำไปถ่ายสำเนาเอกสารไว้ แล้วนางพิชชาภาได้นำสำเนาเอกสารที่มีการลบและถ่ายสำเนาไว้รวม 138 ฉบับ นำไปยื่นแสดงต่อ น.ส.อัญญา โดยรวมไปกับใบคิวโฆษณาเกินเวลาที่ยังไม่ได้มีการลบข้อความและตัวเลขออกไป โดยอ้างว่า ตนได้ทำการตรวจสอบเอกสารใบคิวโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้มฯ แล้ว มียอดโฆษณาเกินเวลารวมเป็นเงินประมาณ 60 ล้านบาทเศษ
ซึ่งต่างกับผลการตรวจสอบของนางสิริไพบูลย์ หรือปิยะนาถ ไชยพิมล ซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้ตรวจสอบอีกทางหนึ่ง และพบว่า มียอดโฆษณาเกินเวารวมเป็นเงิน 138,790,000 บาท
นางพิชชาภาจึงยอมรับสารภาพผิดต่อหน้า น.ส.อัญญา กับพวกว่า ตนเองเป็นผู้ทำการลบข้อความตัวอักษรและตัวเลขใบคิวโฆษณาเกินเวลาของรายการคุยคุ้ยข่าวจริง
ต่อมา อสมท ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวขึ้น 2 ชุด โดยชุดที่ 1 มีนายพลชัย วินิจฉัยกุล (ผู้กล่าวหา) เป็นประธาน ชุดที่ 2 มี พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้ง 2 ชุด รายงานตรงกันว่า บริษัท ไร่ส้มฯ ไม่ปฏิบัติตามสัญญา โดยมีการโฆษณาเกินเวลาจริง และนางพิชชาภา ได้ยอมรับสารภาพต่อหน้าคณะกรรมการทั้ง 2 ชุดว่า ตนเองเป็นผู้ลบข้อความตัวอักษรและตัวเลขในเอกสารใบคิวโฆษณาเกินเวลารายการคุยคุ้ยข่าวของบริษัท ไร่ส้มฯ จริง และนางพิชชาภาได้เขียนข้อความยอมรับสารภาพผิดและลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานด้วย
โดยในการติดต่อประสานงานการส่งเอกสารใบคิวโฆษณาเกินเวลาระหว่าง น.ส.มณฑา กับนางพิชชาภานั้น นายสรยุทธ ได้ออกเช็คธนาคารธนชาต สาขาถนนพระราม 4 จำนวน 7 ฉบับ สั่งจ่ายเงินและมอบให้กับนางพิชชาภา เป็นการตอบแทน
ต่อมา อสมท ได้มอบอำนาจให้นายพลชัยมาร้องทุกข์มอบคดีต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 6 รายดังกล่าว เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนการสอบสวนทั้งหมดไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อทำการไต่สวนต่อไป
ต่อมา สำนักงาน ป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณาและยื่นฟ้องผู้ต้องหาที่ 1, 4, 5 และ 6 ต่อศาลอาญา ซึ่งศาลอาญาได้พิพากษาลงโทษผู้ต้องหาดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ส.2502 เมื่อ 29 ก.พ. 2559 ส่วนความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ปลอมเอกสารสิทธิ ใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ทำการไต่สวนดำเนินคดีแต่อย่างใด
ทางคดีแม้บริษัท ไร่ส้มฯ นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และนางพิชชาภา จะให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่มีผู้กล่าวหาพยานบุคคล พยานเอกสาร และผลการตรวจพิสูจน์เอกสารปลอมของกลาง เป็นพยานหลักฐานที่รับฟังได้ว่า บริษัท ไร่ส้มฯ นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และนางพิชชาภา ได้ร่วมกันกระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง ปลอมเอกสารสิทธิ ใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม ทำให้เสียหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 265, 268, 188, 341 ทางคดีจึงมีพยานหลักฐานพอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 รายดังกล่าว ตามข้อกล่าวหาและบทกฎหมายที่อ้างถึงดังกล่าวข้างต้น
ส่วน น.ส.สุกัญญา และ น.ส.อังคณา แม้จะมีรายชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจบริษัท ไร่ส้มฯ แต่จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในการดำเนินรายการคุยคุ้ยข่าว ได้ดำเนินการภายใต้สัญญาร่วมกันดำเนินรายการโทรทัศน์ในนามบริษัท ไร่ส้มฯ ซึ่งเป็นนิติบุคคล และการดำเนินการดังกล่าวผู้มีอำนาจบริหารและตัดสินใจกระทำการแทนบริษัท ไร่ส้มฯ แท้จริงคือ นายสรยุทธ ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทฯ และเกี่ยวกับการจัดทำใบคิวโฆษณารายการคุยคุ้ยข่าว และการจัดส่งใบคิวโฆษณา รวมทั้งการติดต่อประสานงาน อสมท นั้น บริษัท ไร่ส้มฯ ได้มอบหมายให้ น.ส.มณฑา เป็นผู้ดำเนินการแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
ดังนั้นไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันได้ว่า น.ส.สุกัญญา และ น.ส.อังคณา ได้ร่วมกระทำผิดในฐานะส่วนตัวด้วย อีกทั้งในชั้นการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. และในชั้นพนักงานอัยการก็ไม่ได้มีการดำเนินคดีกับ น.ส.สุกัญญา และ น.ส.อังคณา แต่อย่างใด ทางคดีมีพยานหลักฐานอ่อนไม่พอฟ้อง จึงเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง น.ส.สุกัญญา และ น.ส.อังคณา ตามข้อกล่าวหาและบทกฎหมายข้างต้น (ดูเอกสารประกอบ)
สำหรับความเห็นในการสั่งฟ้องของพนักงานสอบสวนดังกล่าว สามารถสรุปข้อเท็จจริงให้ชัดเจนได้ ดังนี้
หนึ่ง นายสรยุทธ คือผู้มีอำนาจในการบริหาร และการตัดสินใจกระทำการแทนบริษัท ไร่ส้มฯ ทุกประการ
สอง ในการจัดทำใบคิวโฆษณา และการจัดส่งคิวโฆษณา เป็นหน้าที่ของ น.ส.มณฑา เพียงคนเดียว ที่ได้รับมอบหมายจากบริษัท ไร่ส้มฯ
สาม นางพิชชาภา คือผู้ที่ดำเนินการใช้น้ำยาลบคำผิดค่าโฆษณาเกินเวลาของบริษัท ไร่ส้มฯ และปลอมตัวเลขค่าเสียหายให้เหลือ 60 ล้านบาท แต่ อสมท ได้สอบอีกทางหนึ่งพบว่า ค่าเสียหายจริงคือกว่า 138 ล้านบาท ต่มานางพิชชาภา ได้ยอมรับผิดต่อหน้า น.ส.อัญญา ผู้บังคับบัญชา และต่อหน้าคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง อสมท ทั้ง 2 ชุดว่า ได้ใช้น้ำยาลบคำผิดปกปิดโฆษณาเกินเวลาดังกล่าวจริง
สี่ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายสรยุทธ ได้โอนเช็คธนาคารธนชาต สาขาถนนพระราม 4 จำนวน 7 ฉฐับ สั่งจ่ายเงินและมอบให้กับนางพิชชาภา เป็นการตอบแทน ในการโฆษณาเกินเวลาดังกล่าว
ล่าสุด แหล่งข่าวจากสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ระบุถึงกรณีนี้ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ (31 พ.ค. 2559) คณะทำงานฝ่ายอัยการจะประชุมหารือเกี่ยวกับกรณีนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
ดังนั้นต้องติดตามว่าในอีก 2 วันข้างหน้า อัยการจะมีคำสั่งฟ้องหรือไม่ !
อ่านประกอบ :
ไม่รอลงอาญา! ศาลสั่งจำคุก 'สรยุทธ-พวก' 13 ปี 4 เดือน คดีไร่ส้ม
อสมท สั่งช่อง 3 ระงับทุกรายการ! ข้อมูลใหม่เบื้องหลัง สรยุทธ ยุติบทบาทสื่อ
จนกว่าจะพบกันใหม่ 'สรยุทธ' โพสต์ IG ยุติบทบาทการเป็นพิธีกรช่อง 3
เปรียบพ่อแม่กำกับลูก! ‘สุภิญญา’จี้ช่อง 3 พักงาน‘สรยุทธ’ชี้คดีสินบนเรื่องใหญ่
กสทช.เชิญผู้บริหาร ช่อง 3 เเจงปม 'สรยุทธ' 7 มี.ค. 59
มติช่อง 3 ไฟเขียว‘สรยุทธ’จัด‘เรื่องเล่าเช้านี้’ตามปกติ-ลั่นสู้คดีไร่ส้ม
อนุฯเนื้อหา กสทช.เชิญผู้บริหารช่อง 3 ถกปม‘สรยุทธ’หลังศาลสั่งคุก 13 ปี
คำพิพากษาทางการ! คดี‘สรยุทธ’โฆษณาเกินเวลา อสมท เสียหาย 138 ล.
‘สรยุทธ-พวก’วางเงินสด 2 ล.! ศาลปล่อยตัวชั่วคราวหลังคุก 13 ปี-ห้ามบินนอก
ไม่รอลงอาญา! ศาลสั่งจำคุก 'สรยุทธ-พวก' 13 ปี 4 เดือน คดีไร่ส้ม