ปอกเปลือกกองทุนบทบาทสตรี 2 ปีใช้ 6,360 ล้าน เอื้อผู้หญิง 2.6 ล้านคน

เปิดตัวเลขความล้มเหลวของการดำเนินนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี 2 ปี (2554-2556) รัฐบาลยิ่งลักษณ์ผลาญ 6,360 ล้านบาท เอื้อผู้หญิง 2.6 ล้านคน หรือ 29% ของสมาชิก หรือ 9.6% ของประชากรหญิงที่มีอายุ15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (27 ล้านคน)

วันที่ 18 ก.พ. การประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านสตรี วุฒิสภา ซึ่งมีวาระประชุมสำคัญคือการรับฟังรายงานผลการดำเนินนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทยได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน (ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน) ไปในกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแล้วทั้งสิ้น 6,360 ล้านบาท   แบ่งเป็นงบสนับสนุนการขับเคลื่อนกิจกรรมตามนโยบายและยุทธศาสตร์กองทุน 450 ล้านบาท  หรือ 7%ของงบทั้งหมด งบบริหารจัดการกองทุน 200 ล้านบาท หรือ 3% ของงบทั้งหมด และงบพัฒนาบทบาทสตรี 5,710 ล้านบาท  หรือ 90%

ดร. สุธาดา เมฆรุ่งเรืองกุล อนุกรรมาธิการด้านสตรี วุฒิสภา กล่าวว่า เรื่องที่น่าตกใจจากการรับฟังรายงานผลการดำเนืนงานคือ เงินภาษีของประชาชนจำนวน 6,360 ล้านบาทที่ละลายไปแล้วในการดำเนืนนโยบายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้หญิงเพียง 2,599,744 คน จากสมาชิก 8,941,572 คน ซึ่งคิดเป็นเพียง 29% ของสมาชิก หรือ 9.6% ของประชากรหญิงที่มีอายุ15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป (27 ล้านคน)

นอกจากการดำเนินนโยบายสาธารณะที่เอื้อผลประโยชน์ต่อผู้หญิงจำนวนน้อยมาก (ไม่ถึง 10% ของประชากรหญืงเป้าหมาย (ผู้หญิงสัญชาติไทย อายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย 27 ล้านคน) 89% ของเงินกองทุนนี้ยังจัดสรรไปในโครงการ "เงินกู้หมุนเวียน" (ปล่อยกู้ไปแล้ว 4,309 ล้านบาท ) โดยจัดสรรให้ผู้หญิงเพียง 9% (842,819 ราย) ของสมาชิก 8.9 ล้านคน หรือ 3% ของประชากรหญิงเป้าหมาย (27 ล้านคน)

ขณะที่ 11% ของเงินกองทุน จัดสรรเพื่อเป็นเงินอุดหนุนโครงการเพื่อพัฒนาบทบาทสตรี (ตามชื่อกองทุน) (จัดสรรไป 552 ล้านบาท) โดยจัดสรรให้ผู้หญิงเพียง 1.7 ล้านคน หรือคิดเป็น 19.6% ของสมาชิก (8.9 ล้านคน) หรือ 6.5% ของประชากรหญิงเป้าหมาย (27 ล้านคน)

"การใช้เงินภาษีของประชาชนไปเพื่อดำเนินนโยบาย (ฐานเสียงนิยม) ชื่อ "กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี" เพื่อประโยชน์สาธารณะ (สตรีส่วนใหญ่) หรือส่วนน้อย? คำตอบอยู่ในรายงานผลการดำเนืนงานที่ชัดเจน"