- Home
- Thaireform
- ในกระแส
- ภาคประชาสังคมวอนนายกฯ สั่งงดนำเข้า-เลิกใช้แร่ใยหินก่อมะเร็ง
ภาคประชาสังคมวอนนายกฯ สั่งงดนำเข้า-เลิกใช้แร่ใยหินก่อมะเร็ง
ภาคประชาสังคมจี้รัฐเลิกนำเข้า-ใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ ห่วงไม่เร่งป้องกันเสี่ยงไทยมีผู้ป่วยมะเร็งเพิ่ม 'สมบุญ สีคำดอกเเค' วอนนายกฯ ใช้อำนาจงดทันที พร้อมตั้งกองทุนชดเชยการเจ็บป่วยเสียชีวิต
วันที่ 27 เมษายน 2558 แผนงานพัฒนาวิชาการและกลไกคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสำนักข่าวไทยพับลิก้า จัดเสวนา ‘ถึงเวลา...สังคมไทยไร้แร่ใยหิน’ ณ โรงแรม VIC 3 Bangkok
ศ.นพ.พรชัย สิทธิศรัณย์กุล คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน หากยังไม่ยกเลิกการนำเข้าและใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคจะมองไทยใช้ได้ ดังนั้น เมียนมาร์ กัมพูชา และเวียดนามก็ใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแคนาดาเคยปากว่าตาขยิบได้ปิดเหมืองแร่ใยหินชนิดนี้แล้ว ส่วนจีนยังคงผลิตใช้ในประเทศ เหลือเพียงรัสเซียที่ผลิตและส่งออกอยู่ ซึ่งในการเจรจาระหว่างรัฐบาลรัสเซียกับไทยที่ผ่านมา อยากทราบว่ามีการพูดคุยเรื่องนี้หรือไม่
สำหรับสถานการณ์น่าห่วงในไทย นักวิชาการ จุฬาฯ ระบุว่า เริ่มเห็นผู้ป่วยในประเทศเกิดจากแร่ใยหินไครโซไทล์มากขึ้น และหากไม่มีแนวทางป้องกันกังวลจะมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ ปัญหาคือวินิจฉัยไม่ได้ เพราะความก้าวหน้าทางการแพทย์ของไทยมีไม่มากพอ เมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นและเกาหลี ทำให้ระหว่างต้องศึกษาเรียนรู้จากประเทศเหล่านั้นแทน
ศ.นพ.พรชัย กล่าวต่อว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการตรวจวินิจฉัยมากกว่า เพราะโรงพยาบาลไม่กล้าลงทุน เนื่องจากเบิกเงินคืนจากรัฐไม่ได้ ประกอบกับกระบวนการได้ชิ้นเนื้อของผู้ป่วยมา จะต้องใช้ก้อนใหญ่และมาจากปอด ซึ่งญาติและผู้ป่วยมักไม่ยินยอม แต่ในต่างประเทศมีการเก็บข้อมูลมานานแล้ว แม้รอจนเสียชีวิตค่อยตัดชิ้นเนื้อตรวจก็ได้ จึงต้องมีงบประมาณด้านการวิจัยในการพิสูจน์ เพื่อยืนยันกับฝ่ายไม่เห็นด้วยว่า แร่ใยหินไครโซไทล์มีอันตราย
ส่วนการดื่มน้ำไหลผ่านหลังคาผลิตจากแร่ใยหินไครโซไทล์มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งหรือไม่ นักวิชาการ จุฬาฯ กล่าวว่า การเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินอาหารจะทำให้เกิดโรคมะเร็งช่องท้อง แต่การเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจยังเป็นเส้นทางหลัก อย่างไรก็ตาม สามารถป้องกันได้ด้วยการกรองน้ำด้วยวัสดุต่าง ๆ และระบบประปาของไทยปัจจุบันไร้แร่ใยหินชนิดนี้แล้ว ฉะนั้นไม่น่ากังวล ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพของหลังคาชำรุดก่อให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจายหรือไม่
ด้านนายยุทธศักดิ์ เอี่ยมชีรางกูร ผู้แทนบริษัท ผ้าเบรก เอส ซี เอช อินดัสตรี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทขนาดใหญ่ยกเลิกนำเข้าและใช้แร่ใยหินไคลโซไทล์ในการผลิตผ้าเบรกแล้ว เหลือเพียงบริษัทขนาดเล็กที่ประสบปัญหาด้านเทคโนโลยี ประกอบกับผู้บริโภคกลุ่มรถแท็กซี่และรถตู้โดยสารต้องการอยู่ เนื่องจากมีราคาถูก อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่ใช้เบรกและเกิดการสึกหรอ จนฝุ่นฟุ้งกระจายจะส่งผลกระทบต่อประชาชน ฉะนั้น รัฐบาลต้องยกเลิกนำเข้าและใช้แร่ใยหิน
“ปัจจุบันวงการผลิตผ้าเบรกค่อนข้างมีความพร้อมยกเลิกนำเข้าและใช้แร่ใยหิน” ผู้แทนบริษัท ผ้าเบรกฯ กล่าว และว่า รัฐบาลจีนกำลังประกาศเลิกใช้ในอุตสาหกรรมผ้าเบรก ขนาดจีนยังพยายามเลิกใช้แล้ว แม้จะยกเลิกเป็นกลุ่ม ๆ ก็ตาม
ขณะที่นางสมบุญ สีคำดอกแค ประธานสภาเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานและสิ่งแวดล้อมแห่งประเทศไทย ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นคนใจดี และมุ่งแก้ปัญหาคนจน แต่กลับไม่ใช้อำนาจที่มีอยู่พิจารณาข้อเท็จจริง นอกจากการมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์พูดคุย ซึ่งทั้งสองกระทรวงต่างมีผลประโยชน์ทับซ้อน ดังนั้น ประชาชนและสื่อมวลชนต้องร่วมกันสะท้อนข้อมูลไปถึงนายกฯ
เมื่อถามว่าปัจจุบันข้อมูลเกี่ยวกับแร่ใยหินไครโซไทล์ถูกส่งไปถึงพล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ ประธานเครือข่ายกลุ่มผู้ป่วยจากการทำงานฯ กล่าวว่า ข้อมูลต่าง ๆ คงถูกเพ็ดทูลแล้ว แต่คงไม่ทราบข้อมูลที่แท้จริง จึงอยากให้นักวิชาการทั้งหลายเข้าไปพบปะพูดคุยกับนายกฯ ว่าแร่ใยหินชนิดนี้มีอันตราย เพราะตอนนี้ท่านถูกใครไม่รู้เป่าจนเบลอแล้ว
“นายกรัฐมนตรีที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งต้องตัดสินใจแก้ปัญหาคนจน งดนำเข้าและเลิกใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ทันที พร้อมจัดตั้งกองทุนชดเชยการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตจากโรคแร่ใยหิน เพราะปัจจุบันมีแรงงานป่วยเป็นมะเร็งหลายคน ทั้งนี้ ยอมรับไทยไม่มีระบบวินิจฉัยทางการแพทย์เลยต้องเกิดกองทุนดังกล่าวขึ้น” นางสมบุญ กล่าว .
ภาพประกอบ:นิตยสาร Way