'หมอวิโรจน์' หนุนรัฐลงทุนด้านสุขภาพอย่างเต็มกำลัง เพื่อความยั่งยืน
“หมอวิโรจน์” ชี้อิทธิพลอุดมการณ์ป๋วยนำมาสู่รูปธรรมหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไทย ระบุตัวชี้วัดสุขภาพคนไทยอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เรียกร้องรัฐลงทุนด้านสุขภาพเต็มกำลัง-ต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืน
วันที่ 9 มีนาคม 2559 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในงานฉลอง 100 ปี ชาตกาล ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ บุคคลสำคัญของโลก นพ.วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร เลขาธิการมูลนิธิสำนักงานพัฒนานโยบายหลักประกันสุขภาพระหว่างประเทศ ปาฐกถาพิเศษ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ครั้งที่ 15 หัวข้อ “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน: หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ผลสัมฤทธิ์และความท้าทายในอนาคต”
นพ.วิโรจน์ กล่าวถึงอุดมการณ์อาจารย์ป๋วย ที่เขียนในบทความเรื่อง คุณภาพแห่งชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน มีส่วนหนึ่งที่กล่าวถึงสวัสดิภาพของแม่และเด็ก และมีข้อความหนึ่งที่ระบุว่า “ผมต้องการสุขภาพอนามัยอันดี และรัฐบาลจะต้องให้บริการป้องกันโรคแก่ผมฟรี กับบริการการแพทย์ รักษาพยาบาลอย่างถูกอย่างดี เจ็บป่วยเมื่อใดหาหมอพยาบาลได้สะดวก” นั้น มีอิทธิพลสร้างแรงบันดาลใจให้นักปฏิวัติหลายท่านและได้นำมาสู่รูปธรรมของการมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทยในที่สุด
นพ.วิโรจน์ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่สามารถบรรลุหลักประกันถ้วนหน้า ทำให้ประชาชนทุกคนโดยเฉพาะในชนบทและคนจน เข้าถึงบริการได้มากขึ้น และความสำเร็จของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทยนั้น เมื่อดูที่ประสิทธิภาพ โดยอ้างอิงจากข้อมูลจากธนาคารโลก จะเห็นว่า อัตราการตายของเด็กต่ำกว่า 5 ปี ต่อการเกิดมีชีพ 1,000 ราย ลดลงอย่างต่อเนื่อง อัตราตายของมารดา และอายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิด ซึ่งองค์การอนามัยโลกใช้เป็นตัวชี้วัดความก้าวหน้าด้านสุขภาพของประเทศ พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีอัตราการตายที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกอย่างมาก เป็นหลักฐานที่แสดงว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าด้านสุขภาพอยู่ในแนวหน้า
ขณะเดียวกันจากรายจ่ายสุขภาพในระดับนี้ เมื่อเทียบกับสถานะสุขภาพ ทั้งอัตราตายเด็กต่ำกว่า 5 ปี อัตราตายของมารดา และอายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิด เลขาธิการมูลนิธิสำนักงานพัฒนานโยบายหลักประกันสุขภาพระหว่างประเทศ กล่าวว่า ประเทศไทยจัดเป็นประเทศแถวหน้าที่มีประสิทธิภาพของระบบสุขภาพที่สูงที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ในขณะเดียวกันพบว่า ประเทศไทยมีทรัพยากรสุขภาพในรูปของจำนวนแพทย์ พยาบาลผดุงครรถ์ และจำนวนเตียงโรงพยาบาลต่อประชากร 1,000 คน ต่ำกว่าค่าโดยเฉลี่ยของโลกที่เทียบกับรายจ่ายสุขภาพและสถานะเศรษฐกิจของประเทศ
“แปลว่า ประเทศไทยต้องมีสิ่งพิเศษที่ทำให้เกิด Good Health at Low Cost หรือ สุขภาพดี-ไม่ต้องจ่ายแพง ซึ่งผมอยากจะส่งต่อข้อมูลนี้ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า ทุกวันนี้ประชาชนไทยไม่ต้องขายวัว ขายควายเพื่อใช้จ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาล ธนาคารโลกได้ให้ความเห็นว่า การลดรายจ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือนจะช่วยเพิ่มการลงทุนของประเทศได้”
นพ.วิโรจน์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าไทยจะมีสถานะสุขภาพของประชากรเมื่อวัดด้วยอัตราตายของเด็กและมารดาดีกว่าประเทศอื่นๆ ที่มีรายได้ประชาชาติและรายจ่ายสุขภาพต่อหัวประชากรใกล้เคียง และกว่า 14 ปีที่ผ่านมา มีหลักฐานชัดเจนว่า ผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจทั้งยังเป็นที่ยอมรับในระดับโลก แต่ท่ามกลางความสำเร็จเหล่านั้น มีเรื่องที่น่าห่วง2 ประการ คือ 1.ความยั่งยืนทางการเงินการคลังของระบบประกันสุขภาพ และ2. ความท้าทายในการจัดการระบบด้านหลักประกันสุขภาพภาครัฐทั้ง3 ระบบที่มีความแตกต่างกันหลายด้าน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลลงทุนด้านสุขภาพต่อไปอย่างเต็มกำลังความสามารถและอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของระบบในระยะยาว