- Home
- South
- ข่าวทั่วไปศูนย์ข่าวภาคใต้
- วัดปรอทชายแดนใต้ ปฏิกิริยาหลังตลาดยะลาโดนบอมบ์
วัดปรอทชายแดนใต้ ปฏิกิริยาหลังตลาดยะลาโดนบอมบ์
เหตุระเบิดที่ตลาดพิมลชัย ตลาดสดกลางเมืองยะลา จนมีประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องสังเวยชีวิตถึง 3 ศพ บาดเจ็บกว่า 20 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่ออกไปจับจ่ายซื้อกับข้าวเพื่อนำมาทำอาหารเช้าทานกันในครอบครัว ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่หลายฝ่าย "รับไม่ได้"
"ทีมข่าวอิศรา" สำรวจปฏิกิริยาคนในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ กับเหตุการณ์เลวร้ายในพื้นที่ที่ควรจะปลอดภัยที่สุดครั้งนี้
คนแค่กาย...ใจเป็นสัตว์!
แรงสุดคงหนีไม่พ้น แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช เจ้าเก่า นอกจากคำบริภาษแบบไม่เกรงใจและไม่สนใจความอ่อนไหวใดๆ แล้ว ยังตอกย้ำทฤษฎี 3-4 ตระกูลดังจุดไฟใต้อีกด้วย
"ในห้วงที่ผ่านมา พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น เหตุการณ์ในวันนี้เชื่อว่าเป็นการต้องการทำลายเศรษฐกิจ เพราะทางรัฐบาลได้ดำเนินการตามนโยบาย 'สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน' ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ถูกทาง ประชาชนปฎิเสธความรุนแรงหมด คนร้ายจึงมีความพยายามที่จะทำลายเศรษฐกิจ ทั้งๆ ที่รู้ว่าที่แห่งนี้มีประชาชนมาซื้ออาหารกันจำนวนมาก ผมเชื่อว่าคนก่อเหตุมีร่างกายเป็นคน แต่จิตใจเป็นสัตว์ บอกว่าเกลียดหมา แต่ทำตัวเป็นหมาเสียเอง"
"เรื่องของเหตุการณ์ อย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องของการแบ่งแยกดินแดน เป็นเพียงคนร้ายที่รับคำสั่งมา ที่ก็ทราบกันว่ามีไม่กี่ตระกูลที่ทำแบบนี้ได้ มี 3-4 ตระกูลเท่านั้น เพราะตระกูลที่มีชื่อเสียงอยู่ในขณะนี้เป็นคนทำ ก็เป็นหน้าที่ของเราทุกคนต้องมาช่วยกัน" แม่ทัพภาคที่ 4 ระบุ
4 ทำลาย...ทำร้ายประชาชน
ตามมาด้วย พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่แถลงประณามว่า คนร้ายต้องการทำลาย 4 อย่าง คือ ทำลายชีวิตของประชาชนโดยไม่เลือกเป้าหมาย ทำลายทรัพย์สิน ทำายภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจ และทำลายความเชื่อมั่นในระบบอำนาจรัฐ
"อยากให้พี่น้องประชาชนใช้สติในการรับทราบข้อมูลข่าวสาร ไม่ใช่ว่าเมื่อคนร้ายไม่ทำร้ายพี่น้องประชาชนแล้วไปตีความว่าเขาไม่เคยทำร้ายพี่น้องประชาชน อยากให้มองย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ พี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อหลายพันคน ซึ่งเกิดจากผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีพฤติกรรมแบบสุดโต่ง"
ปิดโอกาสใช้ความรุนแรงต่อรอง
อีกองค์กรหนึ่งที่ไม่เคยออกแถลงการณ์หลังเหตุรุนแรงมาก่อน คือ สำนักงานเลขานุการคณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ งานนี้ทนไม่ไหว ต้องร่วมประณามด้วยเช่นกัน
"ขอยืนยันว่าคณะพูดคุยฯพร้อมร่วมมือกับทุกกลุ่มที่ต้องการแก้ปัญหาตามแนวทางสันติวิธีซึ่งเป็นหลักสากล และจะไม่ให้โอกาสกับผู้ที่ใช้ความรุนแรงสร้างเงื่อนไขเพื่อต่อรอง" นี่คือท่าทีของคณะพูดคุยฯที่มี พล.อ.อักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้า
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องแสดงความกล้าหาญในการต่อต้านและปฏิเสธความรุนแรงที่มาจากทุกกลุ่มทุกฝ่าย และเลิกให้ความเห็นอกเห็นใจผู้ที่ใช้ความรุนแรง อีกทั้งทุกภาคส่วนในสังคมต้องตระหนักในความจริงที่ว่า ผู้ก่อเหตุเป็นพวกที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ไม่ได้ทำเพื่อปกป้องหรือเพื่อประโยชน์ของคนในพื้นที่ตามที่กล่าวอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรง เพราะคนที่สูญเสียก็คือคนในพื้นที่ ซึ่งบางกลุ่มบางพวกที่ก่อเหตุรุนแรงยังอ้างถึงความเป็นตัวแทนด้วย
"คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ยินดีและเปิดโอกาสให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาร่วมกันตามแนวทางสันติวิธี และจะไม่ให้โอกาสผู้ที่ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน เนื่องจากเป็นการกระทำของอาชญากร ไม่ใช่การต่อสู้ตามอุดมการณ์ และสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้การปฏิบัติทางทหารและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นต่ออาชญากรที่ไร้มนุษยธรรมเหล่านี้"
จี้รัฐหาสาเหตุทำไมล็อคเป้าพลเรือน
ขณะที่องค์กรภาคประชาสังคมหลายองค์กรก็ออกแถลงการณ์เช่นกัน เริ่มจาก มูลนิธิผสานวัฒนธรรม มูลนิธิศักยภาพชุมชน กลุ่มด้วยใจ องค์กรเครือข่ายสิทธิมนุษยชนปาตานี ศูนย์ประสานเครือข่ายองค์กรประชาสังคมนราธิวาส เครือข่ายชุมชนศรัทธา นายมูฮัมหมัดอายุบ เจ๊ะนะ ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย พุทธ มุสลิม ฮินดู คริสต์ เจ้าหน้าที่หรือประชาชน ทุกคนไม่ควรมีใครละเมิดสิทธิ์ในชีวิต
รัฐมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้บุคคลใดก็ตามมาพรากชีวิตด้วยการกระทำที่โหดร้ายและการละเมิดต่อกฎหมายภายในประเทศ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ การติดตามสืบสวนสอบสวนคดีนำคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างเป็นธรรมมาลงโทษจะยุติวงจรความรุนแรง และสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสันติภาพที่จะต้องมีความร่วมมือจากทุกฝ่าย
นอกจากนั้นยังมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลศึกษาถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน หลังจากที่ไม่เกิดมานานกว่า 7 เดือน และเร่งวางมาตรการป้องกันและแก้ไขสาเหตุที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ผู้ใช้ความรุนแรงทุกกลุ่มทุกฝ่ายเข้าร่วมในกระบวนการสันติภาพ และแสดงเจตจำนงในการปกป้องประชาชนให้ประชาชนรับทราบในวงกว้าง
ขณะที่เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ ออกแถลงการณ์ประณามเช่นกัน โดยเรียกร้องให้กลุ่มก่อการหรือกลุ่มที่มีความเห็นต่างจากรัฐ และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ในพื้นที่ ยุติการทำที่สร้างความรุนแรงต่อพลเรือนและผู้อ่อนแอ พร้อมเรียกร้องให้องค์กรต่างๆ และพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศร่วมลงนาม หรือออกแถลงการณ์ประณาม และแสดงให้เห็นว่า "ประชาชนไม่เอาความรุนแรง"
ด้านคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็ได้ร่วมออกแถลงการณ์ พร้อมทั้งส่งกรรมการลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมเหยื่อและผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน
กลุ่มต้องการเอกราชต้องร่วมประณาม
ผู้นำศาสนาอย่าง อุสตาซอับดุชชะกูร บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) กรรมการสภาศาสนิกสัมพันธ์จังหวัดสงขลา ก็ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ค ร่วมเเสดงความเสียใจและประณามผู้ก่อเหตุเช่นกัน โดยชี้ว่าการกระทำของคนร้ายขัดกับหลักการอิสลามและหลักการสากล
อุสตาซอับดุลสุโก ยังเรียกร้องกลุ่มติดอาวุธที่ต้องการเอกราชปาตานี ออกมามาเเสดงจุดยืนประณามเเละปฏิเสธความรุนแรงด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหากยังมองว่าประชาชนปาตานีไม่ว่าพุทธหรือมุสลิม เป็นพลเมืองของพวกตน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แม่ทัพภาคที่ 4 กำลังเดินเข้าตลาดพิมลชัย ตรวจจุดเกิดเหตุระเบิดและเยี่ยมเยียนประชาชน (ขอบคุณภาพจากเจ้าหน้าที่)
2-3 สภาพตลาดหลังเกิดระเบิด
อ่านประกอบ :
เปิด "ช่องโหว่" บึ้มตลาดยะลา...เขย่าขวัญใต้สันติสุข!