ชีวิตของ"มุกตาร์"กับปัญหาไม้เถื่อนบันนังสตาที่ จนท.รัฐหลับตาหนึ่งข้าง?
เหตุคนร้ายยิง มุกตาร์ อาลีมามะ วัย 31 ปี เสียชีวิตพร้อมลูกชาย ลุกมาน อภิบาลแบ วัยแค่ 6 ขวบ ในป่าบนภูเขา ท้องที่บ้านอูแบ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ยังมีปริศนาที่น่าติดตามอีกหลายประเด็น
ไม่เฉพาะข้อสงสัยที่ว่าเหตุใดคนร้ายจึงต้องสังหารเด็กวัยแค่ 6 ขวบเท่านั้น ทว่ายังมีเงื่อนปมเกี่ยวกับตัว มุกตาร์ อีกหลายเงื่อนปมที่สมควรหยิบยกมาพูดถึงด้วย
เปิดข้อมูลฝั่งเจ้าหน้าที่
1.จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นจากชาวบ้านไปพบร่างนายมุกตาร์ กับลูกชายถูกยิงในป่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.วันพฤหัสบดีที่ 17 เม.ย.1557 ซึ่งทั้งคู่ถูกยิงอยู่ก่อนแล้ว โดยนายมุกตาร์เสียชีวิต ขณะที่ ด.ช.ลุกมาน ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลบันนังสตา
2.ข้อมูลจาก พ.ต.อ.สุคนธ์ ศรีอรุณ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดยะลา (ผกก.สส.ภ.จว.ยะลา) ระบุว่า นายมุกตาร์ เป็นแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบระดับสั่งการ รับผิดชอบพื้นที่ อ.บันนังสตา มีหมายจับในคดีความมั่นคงรวม 6 หมาย จากเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.ธารโต จ.ยะลา เฉพาะคดีที่สำคัญ คือ
- ยิงถล่มฐานปฎิบัติการทหารพรานในโรงเรียนบ้านเขื่อนบางลาง หมู่ 3 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา ทำให้ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย และปล้นอาวุธปืนอาก้าของทหารพรานจำนวน 6 กระบอก เหตุเกิดเมื่อปี 2550
- ร่วมกับพวกซุ่มยิง ร.ต.อ.ธรนิศ ศรีสุข หรือผู้กองแคน เสียชีวิต ที่ควนนวรัตน์ บ้านสายสุราษฎร์ ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2550
3.ข้อมูลจาก พ.ต.อ.สุคนธ์ เช่นกัน ระบุว่า นายมุกตาร์ เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการทำไม้เถื่อน จึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจเกิดความขัดแย้งภายในกลุ่ม แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ปฏิบัติการของฝ่ายเจ้าหน้าที่อย่างแน่นอน
4.ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า เหตุสังหารนายมุกตาร์และลูกชาย น่าจะเกี่ยวกับผลประโยชน์เรื่องการทำไม้ เพราะบริเวณจุดที่เสียชีวิตก็มีท่อนไม้เนื้อแข็งขนาดใหญ่วางทิ้งอยู่หลายท่อน
5.ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงเช่นกัน ระบุว่า นายมุกตาร์ อาลีมามะ ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทในพื้นที่แทน นายมะแอ อภิบาลแบ แกนนำผู้ก่อความไม่สงบคนสำคัญที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมจากเหตุปะทะเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2554 โดยนายมุกตาร์ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายหลายอย่าง รวมทั้งการลักลอบทำไม้เถื่อน
6.ผู้ชายในตระกูลอาลีมามะ และอภิบาลแบ หลายคนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบ เคยอยู่ในเหตุการณ์ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่รัฐจนถูกวิสามัญฆาตรกรรมเสียชีวิตไปแล้วหลายราย เช่น นายกอเซ็ง อภิบาลแบ นายอิสมาแอ อาลีมามะ เป็นต้น
7.ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าแม้ ด.ช.ลุกมาน เป็นบุตรของ นายมุกตาร์ แต่กลับใช้นามสกุลอภิบาลแบ เพราะชื่อบิดาในเอกสารทะเบียนราษฎร์ คือ นายอุสมาน อภิบาลแบ ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่านายมุกตาร์ เคยใช้ชื่อ อุสมาน อภิบาลแบ ด้วยหรือไม่ หรือว่าเป็นการขอให้บุคคลอื่น (นายอุสมาน) จดทะเบียนรับเป็นลูกแทนตนเอง
ชาวบ้านไม่เชื่อเป็นแกนนำป่วนใต้
ชาวบ้านอูแบรายหนึ่ง เล่าว่า ช่วงเย็นวันพฤหัสบดีที่ 17 เม.ย. ได้ยินเสียงปืนรัวยาวเหมือนเป็นการกระหน่ำยิงใส่ ไม่ได้เป็นลักษณะการยิงต่อสู้กัน ต่อมามีเพื่อนบ้านมาเล่าให้ฟังว่า พวกค้าไม้เนื้อแข็ง (ไม้กระยาเลย หมายถึงไม้เนื้อแข็งที่ไม่ใช่ไม้สัก) พบศพของ มุกตาร์ ในสวนยางท้ายหมู่บ้าน และลูกชายซึ่งคนที่นี่จะเรียกเขาว่า "ฟัสรี" ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
จากนั้น ญาติๆ ของมุกตาร์ก็ได้นำศพมุกตาร์กลับบ้านเพื่อจัดการตามหลักศาสนา แล้วก็ไปรับศพฟัสรี โดยชาวบ้านช่วยกันทำพิธีถึงเที่ยงคืน ฝังศพไว้ที่กุโบร์ (สุสาน) บ้านอูแบ เพราะที่อูแบเป็นบ้านของมุกตาร์ ส่วนบ้านภรรยาอยู่ที่บ้านตะบิงติงงี ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา
"ที่ผ่านมาตอนที่มุกตาร์ยังมีชีวิต เขาจะพาครอบครัวไปอยู่ที่ตะบิงติงงี แต่ก็จะกลับมาหาพ่อกับแม่ที่บ้านอูแบเป็นประจำ เพราะพ่อของมุกตาร์เป็นอัมพฤกษ์ ขยับตัวไม่ได้ ทำให้มุกตาร์ต้องมาดูแลอย่างเสม่ำเสมอ"
กับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า มุกตาร์เป็นแกนนำก่อความไม่สงบระดับสั่งการในพื้นที่บันนังสตานั้น ชาวบ้านรายนี้ บอกว่า คนที่นี่ (บ้านอูแบ) รู้จักเขาดี และรู้ว่าความจริงไม่ได้เป็นอย่างข้อมูลของเจ้าหน้าที่เลย เพราะมุกตาร์เป็นคนดี เป็นคนตรงไปตรงมา ใครบอกอะไรก็จะรับฟัง ไม่ยุ่งกับใครก่อนถ้าไม่มีใครไปยุ่งกับเขา
มีชื่อเป็นแกนนำทั้งที่ไม่ได้ทำ
ชาวบ้านอูแบเล่าต่อว่า สมัยเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบช่วงแรกๆ ราวปี 2547 มีเพื่อนบ้านไปบอกมุกตาร์ว่า เขามีชื่อเป็นผู้ต้องสงสัยก่อความไม่สงบ และเพื่อนบ้านหลายคนบอกให้เขาหลบหยี เขาจึงต้องหนีไป ไม่สามารถอยู่ที่บ้านได้
หลังจากนั้นก็มีข้อมูลออกมาว่า มุกตาร์เป็นแกนนำระดับสั่งการ ประกอบกับเขาเองก็เป็นคนที่มีอุดมการณ์บ้างแล้ว (มีแนวคิดเอนเอียงไปในทางสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดน) จึงทำให้ใครต่อใครหลายคนที่ทำงานในพื้นที่เข้าใจไปเลยว่ามุกตาร์เป็นแกนนำจริงๆ ชื่อเสียงของมุกตาร์ดังไปทั่วบันนังสตา
ไขปมนามสกุลไม่เหมือนลูกชาย
"ตอนที่มุกตาร์หนีออกจากพื้นที่ใหม่ๆ เขาอายุยังน้อย ยังไม่มีครอบครัว กระทั่งไม่กี่ปีมานี้ มุกตาร์ไปแต่งงานกับภรรยาที่บ้านตะบิงติงงี แล้วภรรยามุกตาร์ก็ท้องขึ้นมา เมื่อคลอดญาติก็พาไปแจ้งเกิด โดย ใส่ชื่อเป็นลูกของญาติมุกตาร์ ทำให้ฟัสรี หรือ ด.ช.ลุกมาน ใช้นามสกุล อภิบาลแบตั้งแต่นั้นมา"
"ต่อมาภรรยามุกตาร์ก็ตั้งท้องอีก ลูกคนน้องเป็นผู้หญิง ตอนนี้อายุราว 3 ปี เด็กหญิงคนนี้ก็ใช้นามสกุลของญาติมุกตาร์คนเดิม จึงทำให้มุกตาร์กับลูกใช้นามสกุลไม่ตรงกัน"
สงสัยหักธุรกิจค้าไม้เงินล้าน
ชาวบ้านบันนังสตาอีกคนหนึ่ง เล่าว่า หลังเกิดเหตุสังหารมุกตาร์กับลูก คนในพื้นที่ก็วิจารณ์ไปต่างๆ นานา โดยเฉพาะเรื่องที่เด็ก 6 ขวบต้องเสียชีวิตด้วย คนบ้านอูแบคิดว่าสาเหตุมีความเป็นไปได้หลายเรื่อง ไม่ได้ฟันธงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะหากเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ผ่านมามักประโคมข่าว เพราะจะมีเรื่องค่าหัว หรือรางวัลนำจับตามมา
"ชาวบ้านในพื้นที่ก็รู้กันว่ามุกตาร์เป็นนักธุรกิจค้าไม้เนื้อแข็ง โดยเขาจะเป็นคนดูแลพื้นที่ และคุมพื้นที่ เพื่อส่งของให้กับนักธุรกิจรายใหญ่ของ จ.ยะลา แต่ละครั้งมีสินค้าส่งเป็นหลักล้าน รถที่เข้ามารับสินค้าก็เป็นรถสิบล้อ มีรถบดถนนทำถนนเพื่อเปิดทางให้รถสิบล้อเข้า ชาวบ้านรู้ว่าเขาเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ และเห็นว่าหลังๆ กลุ่มนักธุรกิจที่มารับของยังไม่ได้จ่ายเงิน น่าจะเป็นล้านบาทเลยทีเดียว เขาจึงมีปัญหากันอยู่ ก็ทำให้ญาติและเพื่อนบ้านสงสัยประเด็นนี้เหมือนกัน"
ขนไม้กันทุกวันทำไม จนท.นิ่งเฉย
ขณะที่วัยรุ่นในพื้นที่บันนังสตา เล่าว่า หลายเรื่องที่เจ้าหน้าที่มีข้อมูลนั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง สำหรับกรณีของ มุกตาร์ ทั้งเรื่องค้ายาเสพติด และคดีที่อ้างว่าเขาก่อ ความจริงแล้วเขาไม่ได้ทำเลย อย่างนี้จะทำให้คนอื่นๆ กล้าเข้าสู่กระบวนการยุตธิธรรมของรัฐได้อย่างไร จึงถือเป็นกรณีตัวอย่างให้ผู้บังคับบัญชาทั้งในพื้นที่และในกรุงเทพฯ ต้องกำชับให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าใส่ข้อมูลมั่วๆ
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เราไม่คิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ แต่ก็ไม่ได้สรุปว่าเป็นการกระทำของกลุ่มธุรกิจค้าไม้ที่พี่มุกตาร์ร่วมทำอยู่แน่นอน เราอยากให้คิดสักนิดว่า ปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในพื้นที่จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยถ้าเจ้าหน้าที่ไม่นิ่งเฉย ละเลย หรือแกล้งหลับตาข้างหนึ่ง"
"กรณีของพี่มุกตาร์ เจ้าหน้าที่อ้างข้อมูลว่าเขาเป็นแกนนำก่อเหตุมาหลายคดี ขณะที่ในพื้นที่มีการเคลื่อนไหวของพี่มุกตาร์ตลอด ใครๆ ก็รู้ก็เห็นว่าเขาทำอะไรอยู่ แต่ละวันมีรถเข้าออกพื้นที่นี้แทบจะตลอดเสลา เชื่อว่าไม่มีทางรอดสายตาเจ้าหน้าที่ที่อยู่เต็มพื้นที่บันนังสตาได้ แต่รถเหล่านั้น ธุรกิจเหล่านั้น สามารถเข้าออกพื้นที่อย่างเปิดเผย ไม่ต้องกลัว กฎหมาย รวมทั้งพี่มุกตาร์เองก็ไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านพ่อกับแม่ (ที่บ้านอูแบ) และบ้านภรรยาที่ตะบิงติงงี อีกทั้งพี่มุกตาร์จะมารับลูกชายไปอยู่ด้วยตลอด ทุกคนก็รู้ความเคลื่อนไหวเป็นอย่างดี แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่ดำเนินการ"
วัยรุ่นกลุ่มนี้ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้เรื่องของมุกตาร์เป็นตัวอย่างหรือบทเรียนที่รัฐจะนำมาลดเงื่อนไขในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอีกจำนวนไม่น้อยหันหลังให้กระบวนการยุติธรรม และต้องทำเหมือนมุกตาร์
"เวลามีเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ในบันนังสตาเคยรับฟังไหม แค่เรื่อง อส.ฮากิม (อาสารักษาดินแดนใน อ.บันนังสตา ซึ่งถูกชาวบ้านร้องเรียนเรื่องพฤติกรรม) ชาวบ้านก็สุดทนแล้ว คงไม่มีพลังพอที่จะมาต่อสู้หรือพิสูจน์ว่าตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์หรอก"
เป็นเสียงเพรียกจากบันนังสตากับปัญหาเรื้อรังหลายๆ ปัญหาที่รัฐไม่เคยสะสาง!