นาทีเฉียดตายของ "น้องนิค" นักเรียนหญิงเหยื่อกระสุนที่ชายแดนใต้
วันสุดท้ายปลายเดือนมิถุนาฯ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเหตุยิงเด็กนักเรียนคาชุดนักเรียนขึ้นที่ชายแดนใต้ หนำซ้ำยังเป็นนักเรียนของโรงเรียนชื่อดังที่สร้างชื่อเสียงให้กับพื้นที่นี้มาตลอดอย่างโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดปัตตานี
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคือ อรพรรณ ปลาชุมเทศ หรือ น้องนิค นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 วัย 18 ปี กับ ตันติกร ปุยชุมพล เพื่อนนักเรียนชายรุ่นน้องวัย 16 ปี ทั้งคู่แม้บ้านอยู่ต่างอำเภอ คือ ตันติกร อยู่ที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ขณะที่ น้องนิค อยู่ที่ อ.สายบุรี แต่ก็สามารถกลับบ้านทางเดียวกัน และวันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ แต่ทั้งคู่ต้องไปทำกิจกรรมที่โรงเรียน ทำให้ต้องใช้รถจักรยานยนต์แทนรถรับส่งที่ขึ้นอยู่ทุกวัน
อาการของตันติกรไม่หนักนัก แต่สำหรับน้องนิคต้องเรียกว่าเฉียดตาย...
"ปกติจะเดินทางไป-กลับด้วยรถรับส่งทุกวัน เพราะบ้านอยู่ที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ มีกีฬาจตุรมิตรของโรงเรียนเบญจมฯจึงต้องไปร่วม แล้วต้องซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนทั้งไปและกลับ เหตุเกิดตอนเย็นขากลับบ้าน กำลังขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ในเขต อ.ยะหริ่ง ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาส เขายิงมา 3 นัด ถูกเพื่อน 1 นัด ถูกหนู 1 นัด เข้าที่กกหู หนูสลบ ฟื้นมาหน้าก็บวม กระดูกขากรรไกร กระดูกแก้มแตกหมด หน้าบวม ตาปิด โชคดีที่สมองและตายังใช้การได้" น้องนิคเล่าถึงเรื่องร้ายๆ ที่เธอต้องเผชิญอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
วันนั้นน้องนิคสวมชุดนักเรียน ใครจะคิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะในความรู้สึกของผู้เป็นพ่ออย่าง สมนึก ปลาชุมเทศ เขาเล่าย้อนไปถึงวันเกิดเหตุด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า แม้ดวงตาจะยังคงความเข้มแข็งของหัวหน้าครอบครัว
"ไม่มีโจรที่ไหนทำกับนักเรียนในเครื่องแบบ เมื่อได้ข่าวว่าลูกถูกยิงก็ทำใจว่าคงต้องเอาศพกลับอย่างเดียวเพราะไม่มีใครรอด ภรรยาก็ร้องไห้ ผมก็ร้องแต่ร้องอยู่ในใจ นิคเป็นลูกสาวคนเดียวของผม พอรู้เรื่องก็รีบไปที่โรงพยาบาลยะหริ่ง เห็นว่ายังมีชีวิตอยู่ก็ใจชื้นขึ้น แต่กลัวบริเวณที่ถูกยิงจะไปกระทบตาและสมอง เมื่อหมอเช็คแล้วไม่โดนที่สำคัญก็โล่งใจ หมอส่งต่อมาที่โรงพยาบาลปัตตานี ตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว ยังมีเศษกระสุนติดอยู่ กระดูกขากรรไกร กระดูกแก้มแตกหมด ต้องผ่าตัด ยังต้องนอนรักษาตัวอีกนาน แต่อาการก็ดีขึ้นมาก สบายใจขึ้น กำลังใจเขาดีมาก มีเพื่อนๆ มาเยี่ยมตลอด"
สมนึก บอกว่า ในหัวอกของคนเป็นพ่อ ไม่มีใครอยากได้เงินเยียวยาจากรัฐ ไม่มีใครอยากให้ลูกถูกยิง ถ้าแลกได้เขายอมเจ็บยอมตายแทนลูก
เมื่อถามถึงชนวนเหตุของการตกเป็นเป้าสังหาร สมนึก บอกว่า ตำรวจอธิบายว่าเป็นคดีเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สบ เพราะตรวจสอบกระสุนปืนแล้วมาจากปืนกระบอกที่ใช้ก่อเหตุมาแล้ว 6-7 ครั้ง และบริเวณที่เกิดเหตุนั้นเคยเกิดเหตุบ่อยมาก แต่ไม่สามารถจับตัวผู้ก่อเหตุได้เลย
"จุดนั้นเกิดเหตุบ่อย ทหารเองก็โดนระเบิดบ่อย แต่ทำไมเจ้าหน้าที่ไม่ดูแลให้ดี บอกแต่ว่ากำลังไม่พอ ถามว่าที่ลงมาอยู่กันในพื้นที่ขนาดนี้ยังไม่พออีกหรือ ลงมากันกี่หมื่นคนแล้วทำไมยังเกิดเหตุทุกวัน ทั้งตำรวจ ทหาร อส.(อาสารักษาดินแดน) มีเยอะแต่ทำอะไรไม่ได้ น่าสังเกตว่าวันที่เกิดเหตุจะไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล วันที่ไม่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่มากันเต็ม แล้วจะให้คิดอย่างไร ลูกใครใครก็รัก แค้นก็แค้นอยู่ในใจ ไม่เคยคิดว่าจะยิงเด็กในเครื่องแบบนักเรียน ไม่มีโจรที่ไหนทำ มาทำร้ายชาวบ้านบริสุทธิ์ทำไม"
สมนึก ยอมรับว่าสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาเกือบ 10 ปี ทำให้สายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนพุทธกับมุสลิมถูกทำลายลง ทั้งๆ ที่เคยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เขาเองก็มีเพื่อนมุสลิมเยอะ และพูดยาวีได้คล่อง
"เราอยู่กันมาดี สามัคคีปรองดองกัน แต่ตอนนี้เขาไม่ค่อยเชื่อใจกันแล้ว เสียดายความสัมพันธ์กับพี่น้องมุสลิมที่ต้องหายไป กับคนที่เป็นเพื่อนก็ยังเชื่อใจกันอยู่ แต่คนอื่นไม่กล้ารับรอง เหตุที่เกิดมาจากน้ำมือของใครไม่รู้ที่ทำให้เกิดเหตุร้ายและความแตกแยกในพื้นที่บ้านเกิดของเรา ปัญหาที่เกิดขึ้นถ้ามีการปิดล้อมตรวจค้นจริงจังหลังเกิดเหตุต้องจับได้ ถ้าเป็นคนดีก็ปล่อยไป อย่าจับแพะมาเลย"
พ่อของนักเรียนหญิงยังแสดงทัศนะถึงการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็นว่า แม้แต่เด็กก็ไม่เชื่อว่ามีตัวตนอยู่จริง ถ้าคุยกันจริงต้องถ่ายทอดโทรทัศน์ให้ได้รับรู้กันอย่างเปิดเผย ไม่ใช่แค่การแถลงข่าวกันคนละทีของแต่ละฝ่าย
"ผมไม่เชื่อ มันจัดฉากกันได้ แต่ถ้าเป็นตัวจริงเสียงจริงก็จะดีมาก"
สมนึก กล่าวอย่างปลงๆ ว่า แม้การพูดคุยเจรจาจะประสบความสำเร็จได้ แต่เรื่องความสัมพันธ์กับพี่น้องมุสลิมยังฟื้นยากและต้องใช้เวลาอีกนาน
"มันลงไปลึกมาก ผมยังหวังอยากให้กลับมาอยู่กันเหมือนเดิมอย่างสันติ ไม่อยากให้มีใครตายอีกแล้ว ยุติการยิงเถอะ และถ้าไม่กล้าพูดความจริงเมื่อไหร่จะสงบ" สมนึกกล่าว
จุมพล ทองใหม่ ผู้อำนวยการโรงเรียนเบจมราชูทิศจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ตอนนี้เด็กนักเรียนทั้งคู่ปลอดภัยแล้ว และทางคณาจารย์ได้มอบเงินช่วยเหลือให้บางส่วน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ถือว่าหนักพอสมควร โดยปกติการเดินทางของเด็กนักเรียนทั้งคู่จะใช้รถรับส่งนักเรียน แต่เนื่องจากวันเกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ รถรับส่งนักเรียนไม่มี จึงต้องเดินทางโดยรถจักรยานยนต์
"ตอนนี้ทางโรงเรียนได้กำชับไปแล้วว่า ถ้าจะมีกิจกรรมอะไรก็ตามให้ทำในวันเปิดการเรียนการสอนปกติ ตอนนี้ขวัญกำลังใจของเด็กนักเรียนในโรงเรียนเริ่มดีขึ้น เพราะนักเรียนทั้ง 2 คนปลอดภัย จึงไม่กระทบกระเทือนจิตใจมากนัก" ผู้อำนวยการโรงเรียน กล่าว
ขณะที่ เมธินุช ปานรัตน์ เพื่อนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของน้องนิค บอกสั้นๆ ว่า รู้สึกใจเสียและไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน
ด้านผลการตรวจปลอกกระสุนปืนจากอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ยิงนักเรียนผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 2 รายนั้น ปรากฏว่าเป็นอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่เคยใช้ก่อเหตุรุนแรงมาแล้ว 6 ครั้งในพื้นที่ อ.มายอ อ.ทุ่งยางแดง อ.สายบุรี และ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี มีผู้เสียชีวิต 8 ราย เป็นทหาร 5 นาย ประชาชน 3 ราย และบาดเจ็บ 3 คน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ : น้องนิคกับพ่อขณะนี้ยังอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานี
หมายเหตุ : ใช้เทคนิคพรางภาพเพื่อเคารพสิทธิผู้บาดเจ็บ