เปิดข้อมูลคดี "ซอบรี หลำโสะ" - ชาวบ้านยอมรับ "เขาอยู่ในขบวนการ แต่..."
ครอบครัวของ นายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ และ นายซอบรี หลำโสะ ทยอยเข้ารับศพของทั้งสองคน เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนาที่กุโบร์ (สุสาน) บ้านเกิด
ทั้งคู่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี คืนวันพฤหัสบดีที่ 21 พ.ย.62
ญาติที่มารับศพ นายมะยะโก๊ะ คือ นายอาลาวี เจะเตะ น้องเขย กับ น.ส.สากีเราะ ลาเต๊ะ น้องสาว จากนั้นนำไปประกอบพิธีฝังที่กุโบร์ดาลำกาวะ พื้นที่หมู่ 1 ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ส่วนศพของ นายซอบรี หลำโสะ มี นายดุลวาฮับ หลำโสะ ผู้เป็นพ่อ กับ น.ส.นูรฮูดา หลำโสะ น้องสาว รับไปประกอบฝังที่กุโบร์กอลำ หมู่ 2 ต.เปียน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของครอบครัวหลำโสะ
ชาวบ้านที่ไปร่วมพิธีเล่าว่าศพของทั้งคู่ไม่มีการอาบน้ำศพก่อนฝัง...
นายสุรียา บอซู ผู้ใหญ่บ้านควนหรัน หมู่ 2 ต.เปียน บ้านเกิดของซอบรี เล่าว่า ทางครอบครัวไปรับศพตั้งแต่เช้า (วันศุกร์ที่ 22 พ.ย.) แล้วนำศพกลับมาถึงที่บ้านเมื่อบ่าย 3 โมง และทำพิธีทางศาสนาต่อ บรรยากาศโดยรวมชาวบ้านก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็ยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะผู้ตายร่วมขบวนการจริง
ขณะที่ชาวบ้านใน ต.เปียน บอกว่า ทุกคนเสียใจมาก ยอมรับว่าซอบรี อยู่ในขบวนการ แต่เขาไม่ได้ก่อเหตุทุกครั้งที่เกิดขึ้นเหมือนที่เจ้าหน้าที่ พยายามบอก
"ทุกคนที่นี่รู้ดี" ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวในงานศพ ซึ่งมีคนมาร่วมจำนวนไม่น้อย
ขณะที่ในมุมของเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติการปิดล้อม ยิงปะทะ จนผูัต้องหาคดีความมั่นคงสิ้นชื่อ ทั้ง นายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ และ นายซอบรี หลำโสะ ถือเป็นความสำเร็จของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย โดยเฉพาะด้านการข่าว เนื่องจากสองคนนี้เป็นมือปฏิบัติการที่มีชื่อร่วมก่อเหตุรุนแรงเป็นสิบๆ คดี โดยเฉพาะ "ซอบรี หลำโสะ" 1 ใน 3 พี่น้องตระกูลหลำโสะ
ทันทีที่สามารถระบุตัวตนผู้ที่ตายในบ้านที่มีการปะทะ เจ้าหน้าที่จึงต้องสั่งเฝ้าระวังในระดับสูงสุดทันที เพื่อป้องกันการเปิดปฏิบัติการตอบโต้ของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ภายหลังการสูญเสียครั้งใหญ่
วันเดียวกับที่มีพิธีศพของ มะยะโก๊ะ และ ซอบรี ในอีกด้านหนึ่งที่เรือนรับรองมณฑลทหารบกที่ 46 ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี "บิ๊กเดฟ" พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมด้วย พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และ นายสมนึก พรหมเขียว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ร่วมกันแถลงถึงเหตุการณ์ยิงปะทะที่เกิดขึ้น ตลอดจนข้อมูลคดีความมั่นคงของผู้เสียชีวิต
เริ่มจาก นายซอบรี หลำโสะ อายุ 28 ปี มีหมายจับคดีความมั่นคงจำนวน 6 หมาย ประกอบด้วย
1. หมายศาลมณฑลทหารบกที่ 43 จ.นครศรีธรรมราช ที่ จ.9/59 เหตุระเบิดพื้นที่อ่าวนาง จ.กระบี่ (เหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน)
2. หมายศาลจังหวัดนาทวี ที่ จ.57/61 คดีฆ่าสามีภรรยาชิงรถยนต์ที่ อ.เทพา จ.สงขลา
3. หมายศาลจังหวัดนาทวี ที่ จ.53/61 เหตุโจมตีด่านตรวจ ชคต. บ้านนาจวบ หมู่ 2 ต.ท่าม่วง อ.เทพา
4. หมายศาลจังหวัดสตูล ที่ จ.170/60
5. หมายศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.39/62 เหตุโจมตีกองรักษาการณ์ สภ.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
6. หมายศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.328/62 เหตุปล้นรถตู้โดยสาร พื้นที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี แล้วไปก่อเหตุปล้นร้านทองที่ อ.นาทวี จ.สงขลา
ส่วน นายมะยะโก๊ะ ลาเต๊ะ อายุ 40 ปี มีหมายจับคดีความมั่นคงจำนวน 10 หมาย ประกอบด้วย
1. ศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.12/56 เหตุระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ 7 นาย
2. ศาลจังหวัดปัตตานีที่ จ.345/54 เหตุยิง นายอับดุลเลาะ ยูโซ๊ะ
3. หมายศาลจังหวัดนาทวี ที่ จ.429/57 เหตุชิงทรัพย์ ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน
4. หมายศาลจังหวัดนาทวี ที่ จ.39/58 เหตุยิงและระเบิด อบต.มะกรูด เสียชีวิต 4 ราย
5. หมายศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.124/61 เหตุเจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นป่าโกงกางตันหยงเปาว์
6. ศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.483/61 เหตุปิดล้อมตรวจค้น คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่
7. หมายศาลนาทวี ที่ จ.552/62 เหตุยิงเจ้าหน้าที่ อส. และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสียชีวิต 6 ราย
8. หมายศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.487/61 เหตุยิง นายมะแอ สาและ เสียชีวิต เขตพื้นที่ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์
9. หมายศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.38/62 เหตุยิงที่ สภ.นาประดู่ (ยิงถล่มโรงพัก) เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 ราย
10. ศาลจังหวัดปัตตานีที่ จ.446/62 เหตุยิงจุดตรวจกอแลบีเละ อ.เมืองปัตตานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 4 ราย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. และ 11 มม.ของทั้ง นายมะยะโก๊ะ และนายซอบรี พบว่า ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ของนายซอบรี ตรงกับปลอกกระสุนปืนของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุยิงป้อม ชรบ.ใน ต.ลำพะยา จ.ยะลา จนมีผู้เสียชีวิต 15 ราย เมื่อวันที่ 5 พ.ย.62
ส่วนปืนขนาด 11 มม. ของนายมะยะโก๊ะ ปลอกกระสุนปืนตรงกับที่คนร้ายใช้ยิงยิง สภ.นาประดู่ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งจากการตรวจสอบพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ คนร้ายทั้ง 2 ราย เป็นแนวร่วมระดับปฏิบัติการ มีการก่อเหตุเป็นจำนวนมากในพื้นที่สามจังหวัดชายแดยภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา โดยพบว่าปืนทั้ง 2 กระบอกเคยก่อเหตุมาแล้ว 14 คดี
พล.ท.พรศักดิ์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับญาติและครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ซึ่งอาจจะทราบหรือไม่ทราบพฤติกรรมของบุคคลในครอบครัวว่า ได้สร้างสถานการณ์และสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนทั้งพุทธและมุสลิมเป็นจำนวนมากในห้วงที่ผ่านมา ตนได้ใช้ความพยายามให้บุคคลเหล่านั้นออกมามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี แต่กลับไม่ยินยอม จนนำไปสู่ความสูญเสีย
นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ยังได้ควบคุมตัว นายอับดุลเลาะ โต๊ะรายอ เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อตรวจสอบพฤติกรรมพบว่าเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพื้นที่ อ.หนองจิก ทำหน้าที่เป็นฝ่ายโลจิสติกส์ ให้ที่พักพิง และให้การสนับสนุนการก่อเหตุ ถือว่ามีความผิดในอัตราโทษเช่นเดียวกับผู้ก่อเหตุรุนแรง จึงขอฝากเตือนไปยังเครือญาติและผู้ให้การสนับสนุน เร่งยุติพฤติกรรม เพราะมีความผิดตามกฎหมาย
โอกาสนี้ขอขอบคุณแหล่งข่าวภาคประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแส รวมทั้งผู้นำ 4 เสาหลักในพื้นที่ที่ได้ช่วยกันเจรจาเกลี้ยกล่อม และต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานหญิงที่เสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือเด็กและสตรีเข้าสู่พื้นที่ปลอดภัยได้สำเร็จ
"ชื่นใจที่พี่น้องในชุมชนโทรศัพท์มาแจ้งเบาะแส แสดงว่าพี่น้องไม่ต้องการคนไม่ดีและการก่อเหตุรุนแรง เรามีหลักฐานชัดเจนว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 2 รายนี้เกี่ยวข้องกับหลายคดี เพราะดีเอ็นเอตรงกันในหลายเหตุการณ์ เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ความจริง ไม่ใช่การคาดเดา ปืนที่ใช้ยิงต่อสู้ทั้ง 2 กระบอก ก่อเหตุมาแล้ว 14 คดี ตลอด 10 กว่าปีที่พวกก่อเหตุมา สร้างความสูญเสียมากมายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องทั้งพุทธและมุสลิม แม้ซอบรีจะเคยเข้าศูนย์ซักถาม แต่เมื่อไม่รับสารภาพและไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ต้องปล่อยตัวไป จนเมื่อจำนนด้วยหลักฐานและก่อเหตุซ้ำอีก ความจริงก็ปรากฏ" แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวในที่สุด
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ : "ซอบรี หลำโสะ" สิ้นชื่อ! จากเหตุปะทะหนองจิก