เปิดขั้นตอน กกต.วินิจฉัยปมโอนหุ้น ’ธนาธร’ส่งศาลฎีกาชี้ชะตา?ถ้าผิดคุก1-10ปี ตัดสิทธิ์20ปี

เขียนวันที่

วันอังคาร ที่ 23 เมษายน 2562 เวลา 15:05 น.

เขียนโดย

isranews

หมวดหมู่

Isranews | รายงาน-สกู๊ป | Investigative | ข่าวบุคคลดัง | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

Tags

บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด | กกต. | ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

“…กรณีของนายธนาธรอาจมีประเด็น ‘ยุ่งยาก’ เกิดขึ้น เนื่องจากตามมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. นั้น บังคับใช้กับ ส.ส.เขต เท่านั้น แต่กรณีของนายธนาธร เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงไม่สามารถระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งชั่วคราว (ใบส้ม) ได้ต้องยื่นศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อวินิจฉัยเลยตามมาตรา 138 แห่ง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. หาก กกต. พบว่า นายธนาธร ‘รู้อยู่แล้ว’ ว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุก 1 ถึง 10 ปี …”

PIC kkt 23 4 62 1

เงื่อนปมการโอนหุ้นของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังคงได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างมาก!

ปัจจุบันประเด็นเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีคณะกรรมการช่วยตรวจสอบฯ ที่ กกต. ตั้งขึ้นเองเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ราย ช่วยพิจารณาเอกสาร หลักฐาน และข้อเท็จจริงทั้งหมดด้วย ขณะเดียวกันทีมกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ ได้นำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงแล้วเช่นกัน (อ่านประกอบ : 23 เม.ย.กกต.ถกต่อปมหุ้น'ธนาธร' เชื่อได้ข้อสรุปชัดเจน-ยังไม่ถึงขั้นแจก'ใบเหลือง-ส้ม')

ฉากต่อไปที่ต้องรอดูคือ หาก กกต. เห็นว่า กรณีการโอนหุ้นดังกล่าวถูกต้อง ถือว่าพ้นข้อครหา นายธนาธรยังคงเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และเป็นว่าที่ ส.ส. เหมือนเดิม

แต่ถ้า กกต. เห็นว่า นายธนาธรโอนหุ้นหลังสมัครรับเลือกตั้ง ต้องดำเนินการอย่างไรต่อ ?

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบจากรัฐธรรมนูญปี 2560 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 พบรายละเอียด ดังนี้

เบื้องต้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ขั้นตอนการไต่สวนผู้สมัคร ส.ส. จะแบ่งเป็น 3 ช่วงเวลา ได้แก่

หนึ่ง กรณีก่อนวันเลือกตั้ง ส.ส. (ก่อนวันที่ 24 มี.ค. 2562)

ตามมาตรา 52 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ระบุว่า ก่อนวันเลือกตั้ง หาก ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งตรวจสอบแล้ว เห็นว่า ผู้สมัครผู้ใดไม่มีสิทธิรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา (แผนกคดีเลือกตั้ง) ให้ถอนชื่อผู้นั้นออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัคร เมื่อถึงวันเลือกตั้ง ถ้าปรากฏว่าศาลฎีกายังมิได้วินิจฉัย ให้ดำเนินการเลือกตั้งไปตามประกาศรายชื่อผู้สมัครที่มีผลอยู่ในวันนั้น

อธิบายให้ง่ายคือ หากพบว่าผู้สมัครายใดขาดคุณสมบัติให้ร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง โดยให้ผู้สมัครคนดังกล่าวไปชี้แจงต่อศาลฎีกาฯเอง

สอง กรณีหลังวันเลือกตั้ง (หลังวันที่ 24 มี.ค. 2562) แต่ กกต. ยังไม่ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการ

ตามมาตรา 53 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ระบุว่า ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง หาก ผู้อำนวยการการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งตรวจสอบแล้วเห็นว่า ผู้สมัครผู้ใดไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และผู้สมัครผู้นั้นได้คะแนนอยู่ในลำดับที่จะได้รับการเลือกตั้ง ให้เสนอเรื่องต่อ กกต. เพื่อวินิจฉัย ในกรณีที่ กกต.วินิจฉัยว่า ผู้สมัครผู้นั้นมีเหตุดังกล่าว ให้มีคำสั่งยกเลิกการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น และสั่งให้ดำเนินการเลือกตั้งใหม่ ในกรณีนี้มิให้นำคะแนนที่ผู้สมัครแต่ละคนได้รับไปใช้ในการคำนวณตามมาตรา 128

กรณีตามวรรคหนึ่ง หากผู้สมัครที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามได้คะแนนไม่อยู่ในลำดับที่จะได้รับการเลือกตั้ง มิให้นำคะแนนที่ผู้สมัครนั้นได้รับไปใช้ในการคำนวณตามมาตรา 128

ในกรณีตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง หากผู้สมัครนั้นรู้อยู่แล้วว่า ตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้ กกต.สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เป็นการชั่วคราว และดำเนินการต่อไปตามมาตรา 138
ถ้าเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต โดยทั่วไป หาก กกต. เห็นว่า ผู้สมัครผู้ใดขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามนั้น ให้สั่งเลือกตั้งใหม่

แต่ถ้าผู้สมัครรายนั้นรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่า ไม่มีสิทธิสมัครับเลือกตั้ง ก็จะถูก กกต. ระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราว (ใบส้ม) ไว้ด้วย

ถัดมาให้ดูในมาตรา 132 บัญญัติว่า ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ถ้า กกต. สืบสวนหรือไต่สวนแล้วเห็นว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อว่าผู้สมัครผู้ใดกระทำการอันเป็นเหตุให้มีการเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้ กกต. สั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครที่กระทำการเช่นนั้นทุกรายไว้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี (ใบส้ม)

ส่วนมาตรา 138 บัญญัติว่า เมื่อมีการดำเนินการตามมาตรา 132 หรือภายหลังประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการทุจริตในการเลือกตั้ง ให้ กกต. ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา (แผนกคดีเลือกตั้ง) เพื่อสั่งให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น หากมีความผิดจริง ศาลฎีกาฯเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น หากผู้นั้นเป็น ส.ส. ให้สมาชิกภาพของผู้นั้นสิ้นสุดลงนับแต่วันที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ กกต. จัดให้มีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง

สาม กรณีหลังประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ (หลังวันที่ 9 พ.ค. 2562)

กรณีนี้ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 82 บัญญัติว่า ส.ส. หรือ ส.ว. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนเท่าที่มีอยู่ของแต่ละสภา มีสิทธิเข้าชื่อร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิกว่าสมาชิกภาพของสมาชิกคนใดคนหนึ่งแห่งสภานั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา 101 หรือมาตรา 111 (มาตราเกี่ยวกับการลักษณะต้องห้าม) แล้วแต่กรณี และให้ประธานแห่งสภาที่ได้รับคำร้อง ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย นอกจากนี้ในกรณีที่ กกต. เห็นว่า สมาชิกภาพของ ส.ส. หรือ ส.ว. คนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลง ให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยได้

เมื่อทราบขั้นตอนในการไต่สวน ส.ส. กันไปแล้ว ‘ธนาธร’ อยู่ตรงไหนในเงื่อนเวลาข้างต้น ?

กกต. รับคำร้องดังกล่าวมาไต่สวนตั้งแต่ช่วงต้นเดือน เม.ย. 2562 และจนถึงขณะนี้ (ข้อมูลเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2562) กกต. ยังไม่มีผลวินิจฉัยออกมา นั่นหมายความว่า กรณีของนายธนาธร ยังอยู่ในเงื่อนเวลากรณีที่สองคือ หลังวันเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้รับรองผลอย่างเป็นทางการ

แต่กรณีของนายธนาธรอาจมีประเด็น ‘ยุ่งยาก’ เกิดขึ้น เนื่องจากตามมาตรา 53 แห่ง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. นั้น บังคับใช้กับ ส.ส.เขต เท่านั้น แต่กรณีของนายธนาธร เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงไม่สามารถระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งชั่วคราว (ใบส้ม) ได้ แต่ต้องยื่นศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อวินิจฉัยเลยตามมาตรา 138 แห่ง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.

นอกจากนี้หาก กกต. พบว่า นายธนาธร ‘รู้อยู่แล้ว’ ว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้ง หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุก 1 ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่นบาทถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ด้วย ตามมาตรา 151 แห่ง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.

เรียกได้ว่าอาจโดน 2 เด้งเลยทีเดียว!

ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นไปตามนี้หรือไม่ คงต้องรอลุ้นผลการวินิจฉัยของที่ประชุม กกต. เสียก่อน ?

อ่านรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่นี่ : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/040/1.PDF

อ่าน พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ปี 2561 ที่นี่ : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/068/40.PDF

# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/