ศาลฎีกาฯฟัน 7 นักการเมืองไม่ยื่นบัญชีฯ-ให้นายก อบจ.ชุมพร พ้น ตน.ทันที จำคุก รอลงโทษ
ศาลฎีกาฯ ฟันนักการเมืองท้องถิ่น 7 ราย ‘อำนวย บัวเขียว’นายก อบจ.ชุมพร จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ พ้นเก้าอี้ทันที คุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท รอลงโทษ อีก 6 ราย ด้วย ส.อบจ.นครสวรค์ ประจวบคีรีขันธ์ ขณะที่ ส.อบจ.สตูล จงใจซุกหนี้เงินกู้ 1.5 ล.
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2560 ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่คำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผ้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีนายจำรูญ ดีเสาวภาคย์ สมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดสตูล (ส.อบจ.สตูล) ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้อง ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ (ไม่แจ้งหนี้เงินกู้ยืม 1.5 ล้านบาท) กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรง ตำแหน่ง ส.อบจ.สตูล ครั้งที่ 1 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.สตูล ครั้งที่ 2 ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ 6 ก.ย.2560 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 20 เม.ย.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.สตูล ครั้งที่ 1 กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็น เจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 181/2560- 6 ก.ย. 2560) http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/115/53.PDF
ก่อนหน้านี้ วันที่ 31 ต.ค.2560 ราชกิจจานุเบกษา คำพิพากษาให้นักการเมือง มีความผิดคดีจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. 6 คดี (ราย)
1. นายบุณอำนวย หรืออำนวย ทองใส รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลควนมะพร้าว อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ห้ามมิให้ ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 31 ส.ค.2555 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้าน พ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 165/2560- 10 ส.ค. 2560) http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/114/11.PDF
2. นายอำนวย บัวเขียว นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร (อบจ.ชุมพร) จงใจไม่ยื่นบัญชีฯกรณีพ้นจากตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ชุมพร และกรณีเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษา นายก อบจ.ชุมพร ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 5 พ.ค.2560 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.ชุมพร กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ชุมพร และกรณีเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ. ชุมพร การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้าน เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 169/2560- 16 ส.ค. 2560) http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/114/25.PDF
3.นางจีระพร รักเย็น หรือหนูชนะภัย รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จงใจไม่ยื่นบัญชีฯกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลสลุย ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 31 ส.ค.2555 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง และมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2541 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
(คดีหมายเลขแดงที่ อม. 170/2560- 16 ส.ค. 2560)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/114/31.PDF
4. นายชัยวร หรือขวัญไชย หรือขวัญชัย ปัญญาอ่อง หรือปัญญาศิลามงคล มาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครสวรรค์ (ส.อบจ.นครสวรรค์) จงใจไม่ยื่นบัญชีฯกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่ง ส.อบจ.นครสวรรค์ ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใด ในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 15 มิ.ย.2555 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 171/2560- 16 ส.ค. 2560)http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/114/35.PDF
5. นางวรางคณา ตันไพศาล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านว่าน อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย จงใจไม่ยื่นบัญชีฯกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านว่าน อำเภอท่าบ่อ ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 30 ส.ค.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้าน พ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี
(คดีหมายเลขแดงที่ อม. 172/2560- 16 ส.ค. 2560) http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/114/39.PDF
6.นายกฤษดา ลือโรจน์วงศ์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อบจ.) จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณี พ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งเลขานุการนายก อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ และกรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.อบจ. ประจวบคีรีขันธ์ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ส.อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ และห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 17 ส.ค.2560 อันเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้าน ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้าน เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 176/2560- 17 ส.ค. 2560)
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/114/43.PDF
อ่านประกอบ:จำคุก 1-3 เดือน รอลงโทษ!ศาลฎีกาฯฟัน 6 ส.อบจ. ไม่ยื่นบัญชีฯ-พ้นทันที 1 คน
คุก1เดือนรอลงอาญา!‘สมควร’อดีต ส.ส. ปชป.นครสวรรค์ยื่นทรัพย์สินเท็จ-ให้นอมินีถือหุ้น
ศาลฎีกาฯฟัน 5 นักการเมืองท้องถิ่น 2 คน จ.นนท์-ขอนแก่น พ้นตำแหน่งทันที
เบื้องหลังซุกหุ้น 10 ล.! นักการเมือง จ.สุรินทร์ ศาลฎีกาฯ ฟันยื่นเท็จ ป.ป.ช.