- Home
- Isranews
- เบื้องลึก! จว.พิจิตรชง‘มท.1’ปลดนายกฯทับคล้อ ปมดูงาน&ใช้รถหลวง-8เดือนแล้ว ไฉนเรื่องเงียบ?
เบื้องลึก! จว.พิจิตรชง‘มท.1’ปลดนายกฯทับคล้อ ปมดูงาน&ใช้รถหลวง-8เดือนแล้ว ไฉนเรื่องเงียบ?
"...ผู้ว่าราชการ จ.พิจิตร พิจารณาแล้วเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2552 ประกอบข้อ 23 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการสอบสวนผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่น รองประธานสภาท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น และที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2554 จึงขอรายงานผลการสอบสวนเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาสั่งให้ นายอัศม์เดช พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี ต.ทับคล้อ ต่อไป..."
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า นายอัศม์เดช บูรนนท์ธวัฒน์ นายกเทศมนตรีตำบลทับคล้อ อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร ถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งให้จังหวัดพิจิตร สอบสวนกรณีเซ็นอนุมัติให้ นางรัชต์วดี บูรนนท์ธวัฒน์ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลทับคล้อ ภรรยาเดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศเยอรมันนี เช็ก สโลวัค ฮังการี และออสเตรีย ในช่วงวันที่ 19-27 ก.พ. 2556 ทั้งที่ไม่มีอำนาจ ถูกกล่าวหาละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ขณะที่ในการสอบสวน นายอัศม์เดช บูรนนท์ธวัฒน์ ยังมีประเด็นเรื่องการนำรถยนต์ส่วนกลางมาใช้ส่วนตัวด้วย นั้น
(อ่านประกอบ : ฉบับเต็ม! เปิดผลสอบสตง.มัดนายกฯทับคล้อเซ็นอนุมัติเมียร่วมทริป24อปท.พิจิตรดูงานยุโรป)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เกี่ยวกับกับการสอบสวน นายอัศม์เดช บูรนนท์ธวัฒน์ ทั้ง 2 ประเด็น นั้น จังหวัดพิจิตร ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเป็นทางการ และมีการสรุปผลเสนอเรื่องไปยังอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อเสนอเรื่องต่อไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาสั่งการให้ นายอัศม์เดช บูรนนท์ธวัฒน์ พ้นจากตำแหน่ง ต่อไปด้วย
โดยประเด็นเรื่องการอนุมัติให้ภรรยา เดินทางไปราชการต่างประเทศโดยไม่มีอำนาจ คณะกรรมการสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น พ.ศ.2555 ข้อ 8 กำหนดว่า "สิทธิที่จะได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติให้เดินทางไปราชการหรือวันที่ออกจากราชการแล้วแต่กรณี โดยให้ผู้ที่มีอำนาจพิจารณาอนุมัติการเดินทางไปราชการ ซึ่งผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติการเดินทางไปราชการของสมาชิกสภาท้องถิ่น คือ ประธานสภาท้องถิ่น"
ดังนั้น ผู้ที่มีอำนาจอนุมัติในการเดินทางไปราชการของนางรัชต์วดี จึงเป็นอำนาจของ นายนพดล โตอุ่น ประธานสภาเทศบาลฯ การที่ นายอัศม์เดช บูรนนท์ธวัฒน์ นายกเทศบาล ต.ทับคล้อ ลงนามในคำสั่งเทศบาลฯ ที่ 77/2556 ลงวันที่ 18 ก.พ. 2556 ให้นางรัชต์วดี ร่วมเดินทางไปราชการ ทั้งที่ทราบถึงระเบียบฯ ว่าผู้มีอำนาจอนุมัติคือประธานสภาเทศบาล ต.ทับคล้อ
พฤติกรรมดังกล่าวของนายอัศม์เดช ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ มาแล้วเป็นเวลาหลายปี ย่อมต้องทราบว่าในการเดินทางไปราชการของสมาชิกสภาเทศบาลฯ ต้องขออนุญาตต่อผู้ใด จึงเป็นการกระทำโดยจงใจที่จะฝ่าฝืนระเบียบกฎหมายอย่างชัดเจน
อีกทั้ง นายอัศม์เดช ยังมีพฤติการณ์เพิกเฉย ละเลยไม่ดำเนินการตามที่ผู้ว่าฯ จ.พิจิตร วินิจฉัยข้อทักท้วง ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ข้อ 103
คณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเห็นว่านายอัศม์เดช นายกเทศมนตรี ต.ทับคล้อ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและรับผิดชอบในการบริหารราชการของเทศบาลฯ ให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เทศบัญญัติ และนโยบาย อีกทั้งจะต้องควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาล และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างเทศบาล ตามมาตรา 48 เตรส และมาตรา 48 สัตตรส แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2552 แต่กลับจงใจฝ่าฝืน และละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย
ส่วนประเด็นที่ 2 กรณีนายอัศม์เดช มีพฤติการณ์ใช้รถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลฯ ในลักษณะรถส่วนตัว หรือรถประจำตำแหน่ง นั้น
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการใช้และรักษารถยนต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 ข้อ 11 วรรคสอง กำหนดให้การใช้รถยนต์ส่วนกลาง ให้ใช้เพื่อกิจการเป็นส่วนรวมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือเป็นประโยชน์ทางราชการตามหลักเกณฑ์ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดขึ้น ประกอบกับหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0808.2/ว1930 ลงวันที่ 20 มิ.ย. 2551 ได้กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้รถยนต์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถือปฏิบัติ
ข้อ 1. "ให้ผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดให้มีการควบคุม ให้มีการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการใช้และรักษารถยนต์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 เพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไป หากผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นละเลย ไม่สั่งการ หรือไม่ควบคุมดูแล ต้องร่วมรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยตรง" และข้อ 3. "ห้ามผู้บริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำรถยนต์ส่วนกลางไปใช้ในลักษณะรถยนต์ส่วนตัวหรือรถประจำตำแหน่ง หากผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวข้างต้น ให้เรียกชดใช้ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง"
และเมื่อพิจารณาจากรายงานการตรวจสอบสืบสวนของ สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 ที่ระบุว่า ผู้ใช้รถยนต์ส่วนกลางหมายเลขทะเบียน นข 1408 เป็นส่วนใหญ่คือ นายกเทศมนตรีฯ ประกอบกับการให้ถ้อยคำของนายอัศม์เดช ที่ระบุว่า ในการใช้รถยนต์ส่วนกลางของเทศบาลฯ มิได้มีการวางระบบให้ถูกต้องตามระเบียบไว้ตั้งแต่แรก พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นการจงใจละเลยไม่ปฏิบัติตามระเบียบกฎหมาย
พฤติการณ์การกระทำของนายอัศม์เดช ทั้งสองกรณีดังกล่าว จึงถือเป็นพฤติการณ์ละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่เทศบาล ต.ทับคล้อ ตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2552
"ดังนั้น ผู้ว่าราชการ จ.พิจิตร พิจารณาแล้วเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ.2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2552 ประกอบข้อ 23 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการสอบสวนผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ประธานสภาท้องถิ่น รองประธานสภาท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น และที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2554 จึงขอรายงานผลการสอบสวนเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาสั่งให้ นายอัศม์เดช พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี ต.ทับคล้อ ต่อไป"
อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2560 ที่ผ่านมา จังหวัดพิจิตร ได้ทำหนังสือแจ้งความคืบหน้าการสอบสวน นายอัศม์เดช โดยระบุว่า ในส่วนการสอบสวน นายอัศม์เดช นายกเทศมนตรีตำบลทับคล้อ ถูกกล่าวหาละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ กรณีการเซ็นอนุมัติให้ภรรยาซึ่งเป็นสมาชิกสภาฯ เดินทางไปศึกษาดูงานด้วยโดยไม่มีอำนาจนั้น ขณะนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ยังมิได้รายงานผลการพิจารณากรณีดังกล่าว ให้จังหวัดทราบแต่อย่างใด หากจังหวัดได้รับผลการพิจารณาแล้วจะนำเรียนแจ้งให้ สตง.รับทราบอีกครั้งหนึ่ง
ส่วนเหตุผลว่าทำไมผลการสอบสวน นายอัศม์เดช ถึงมีความล่าช้า คงเป็นเรื่องหน้าที่ ของ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่จะต้องชี้แจงต่อสาธารณชนอีกครั้ง
ทั้งที่ กระบวนการสอบสวนเรื่องนี้ อยู่ในยุคการบริหารงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ให้ความสำคัญกับการต่อต้านปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในสังคมไทย
อ่านประกอบ :
ฉบับเต็ม! เปิดผลสอบสตง.มัดนายกฯทับคล้อเซ็นอนุมัติเมียร่วมทริป24อปท.พิจิตรดูงานยุโรป
เมียนายกฯ ทับคล้อยอมคืนเงิน-สามียัง! สตง.จี้ผู้ว่าฯพิจิตรเช็คบิล24 อปท.ดูงานยุโรป
สตง.ขีดเส้น1เดือน เทศบาล-อบต.พิจิตร 24 แห่ง ไม่คืนเงินดูงานยุโรป ส่งชื่อศอตช.ฟัน
ชมมิวนิค-ตะลุยเมืองสปาเช็ก สตง.ชี้ไปเที่ยวมากกว่า! เปิดผลสอบ 24อปท.พิจิตร ดูงานยุโรป
เมียผู้ว่าฯ-อัยการ ไปด้วย!โชว์ครบ45ชื่อตัวแทนเทศบาล-อบต.พิจิตร ตะลุยทริปดูงานยุโรป
เปิดครบรายชื่อ24 'เทศบาล-อบต.'พิจิตร ตะลุยทริป ดูงานยุโรป-สตง.สั่งเรียกเงินคืน
เผยหนังสือจว.พิจิตร มัด กรมสถ.ดองเงียบ ผลสอบนายกฯทับคล้ออนุมัติเมียดูงานยุโรป
ผู้ว่าฯพิจิตร จี้เทศบาล-อบต.24แห่ง แจงเบิกงบดูงานยุโรปปี 56-หลัง สตง. สั่งเรียกเงินคืน