เผยหนังสือจว.พิจิตร มัด กรมสถ.ดองเงียบ ผลสอบนายกฯทับคล้ออนุมัติเมียดูงานยุโรป
เผยโฉมหนังสือจังหวัดพิจิตร แจ้งรายงานความคืบหน้าการสอบสวน เทศบาล-อบต.24แห่ง เบิกงบดูงานยุโรปปี 56 เป็นทางการ หลังสตง.สั่งเรียกเงินคืน ระบุชัดกรณีนายกเทศมนตรีตำบลทับคล้อ ถูกกล่าวหาละเลยปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ เซ็นอนุมัติให้ภรรยาดูงานยุโรป กรม สถ.ดองเรื่องเงียบยังไม่แจ้งผล หลัง 'เพจหมาเฝ้าบ้าน' แฉข้อมูลตั้งแต่ปลายปี 59 เรียกชดใช้เงินเฉียดแสน
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายพิษณุ เสนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ได้ทำหนังสือแจ้งถึง นายอำเภอทุกอำเภอ ยกเว้นอำเภอบึงนาราง อำเภอวังทรายพูน อำเภอโพธิ์ประทับช้าง และอำเภอตะพานหิน เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ตามที่ จังหวัดพิจิตร ได้แจ้งว่าสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ตรวจสอบโครงการศึกษาดูงานในต่างประเทศ หลักสูตร "การบริหารจัดการด้านการศึกษา วัฒนธรรมท้องถิ่น การปกครองท้องถิ่น และการบริหารจัดการด้านผังเมือง ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น" ณ ประเทศเยอรมันนี เช็ก สโลวัค ฮังการี และออสเตรีย ในช่วงวันที่ 19-27 ก.พ.2556 และพิจารณาเห็นว่า มีเจตนาที่จะไม่ถือปฏิบัติตามหนังสือข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจำนวน 22 แห่ง ได้ชี้แจงการดำเนินการไปยังสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 แล้ว
เบื้องต้น จังหวัดพิจิตร ได้รับแจ้งจาก สำนักตรวจสอบพิเศษภาค 11 สตง. ว่า การที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 24 แห่ง เบิกจ่ายเงินงบประมาณไปศึกษาดูงานในต่างประเทศดังกล่าว ถือว่าไม่ชอบด้วยระเบียบและหนังสือสั่งการที่เกี่ยวข้องของกระทรวงมหาดไทย และให้ดำเนินการนำเงินส่งคืนคลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ครบถ้วนเสร็จสิ้นโดยเร็ว จังหวัดพิจิตร จึงเห็นสมควรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงเหตุผลและรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัด วินิจฉัยภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับคำยืนยันจาก สตง.
(อ่านประกอบ : ผู้ว่าฯพิจิตร จี้เทศบาล-อบต.24แห่ง แจงเบิกงบดูงานยุโรปปี 56-หลัง สตง. สั่งเรียกเงินคืน)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในจังหวัดพิจิตรว่า นอกเหนือจากการแจ้งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 24 แห่ง ดำเนินการเรียกคืนเงินที่เบิกจ่ายเงินงบประมาณไปใช้ในการศึกษาดูงานโครงการนี้คืนคลังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมชี้แจงเหตุผลและรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัด วินิจฉัยภายใน15วัน ตามที่ปรากฎเป็นข่าวไปแล้ว
จังหวัดพิจิตร ยังได้ทำหนังสืออีก 1 ฉบับ เพื่อแจ้งให้ สตง. รับทราบความคืบหน้าการตรวจสอบเรื่องนี้ โดยระบุว่า ในส่วนการสอบสวน นายอัศม์เดช บูรนนท์ธวัฒน์ นายกเทศมนตรีตำบลทับคล้อ ถูกกล่าวหาละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ กรณีการเซ็นอนุมัติให้ภรรยาซึ่งเป็นสมาชิกสภาฯ เดินทางไปศึกษาดูงานด้วยโดยไม่มีอำนาจนั้น ขณะนี้ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ยังมิได้รายงานผลการพิจารณากรณีดังกล่าว ให้จังหวัดทราบแต่อย่างใด หากจังหวัดได้รับผลการพิจารณาแล้วจะนำเรียนแจ้งให้ สตง.รับทราบอีกครั้งหนึ่ง (ดูเอกสารประกอบ)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกี่ยวกับข้อมูลการจัดโครงการไปศึกษาดูงานต่างประเทศของจังหวัดพิจิตร เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน เคยนำข้อมูลเปิดเผยแล้ว ในช่วงเดือนก.ย.2559 โดยใช้ชื่อเรื่องว่า "ชีวิตดี๊ดี พิจิตรดูงานยุโรป 6 วัน 5 ประเทศ"
ระบุเนื้อหาสำคัญว่า "...เมื่อช่วงปี 56 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดพิจิตรร่วมโครงการไปศึกษาดูงานในประเทศแถบยุโรป เป็นการจัดดูงานตามสูตรมาตรฐาน คือ ให้สถาบันการศึกษาจัดหลักสูตร ประชาสัมพันธ์แบบจำเพาะเจาะจงไปเฉพาะจังหวัดที่จะไป ท้องถิ่นจังหวัดเป็นแกนประสานต่อไปยัง อปท. ส่งชื่อคนที่จะไปแล้วเบิกค่าใช้จ่ายเอากับหลวง สำหรับทริปนี้ค่าใช้จ่ายต่อหัวเฉียดแสน ตกคนละ 99,800 บาท
กรณีจังหวัดพิจิตร ขบวนการชีวิตดี๊ดีเริ่มจากมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุม จัด “โครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงานหลักสูตรการบริหารจัดการด้านการศึกษา วัฒนธรรมท้องถิ่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น การปกครองท้องถิ่น และการบริหารจัดการด้านผังเมืองขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” ชื่อยาวเหยียดครอบคลุมทุกกระเบียดการทำงาน อปท. มีภาคอบรมเพิ่มความรู้ 2 วัน ที่ย่านบางนา กรุงเทพฯ อบรมจริงแค่ไหนไม่ทราบแต่ทราบว่าสะดวกมากกับการขึ้นเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ ตกบ่ายของการอบรมวันที่สองก็ขึ้นเครื่องบินไบศึกษาดูงาน 6 วัน ในประเทศแถบยุโรป เยอรมันนี เช็ก สโลวัค ฮังการี และออสเตรีย
เนื้อหาการดูงานต่างประเทศก็เข้มข้น ถอดจากกำหนดการแบบพอสังเขป เริ่มที่วันที่ 21 ก.พ. เยี่ยมชมเมืองมิวนิค จัตุรัสมาเรียนพลาสท์ ชมสนามฟุตบอล วันที่ 22 ก.พ. ดูงานที่เชสกี้คลุมล็อฟ สาธารณรัฐเช็ก พาคณะชื่นชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่และปราสาทคลุมล๊อฟ นัยว่าดูงานปกครองท้องถิ่นและดูการจัดผังเมือง รุ่งเช้าไปยังกรุงปร๊าก เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมปราสาทปร๊าก เครื่องแก้วโบฮีเมียที่ย่านการค้าใจกลางเมือง เดินเล่นบนสะพานชาร์ล เข้าชมประตูเมืองเก่า Powder Gate
วันที่ 24 ก.พ. เช้าข้ามพรมแดนไปยังฮังการี ชมกรุงบูดาเปสต์ เมืองหลวงของฮังการี บ่ายชมจัตรุสวีรบุรุษ ล่องเรือแม่น้ำดานูบชมความงามทิวทัศน์สองฝั่งอารยธรรมฮังการี เยี่ยมชมอาคารรัฐสภา ชมสะพานเชน เช้าวันถัดมายังอยู่ที่บูดาเปสต์ ชมย่าน Castle Hill ดูพระราชวังโบราณ โบสถ์แมทเธียส อนุสาวรีย์พระเจ้าสตีเฟ่น ป้อมชาวประมงจุดชมวิวเหนือเมืองบูดา จากนั้นออกเดินทางไปออสเตรียชมธรรมชาติทิวเขาสูงระหว่างทาง ภาคบ่ายชมความงามพระราชวังเชินบรุนน์ พระราชวังฮอฟเบิร์ก ตึกรัฐสภา เยี่ยมชมสินค้าเครื่องแก้วสวาร็อฟสกี้ย่านถนนคาร์ตเนอร์ใจกลางกรุงเวียนนา
วันที่ 26 ดูการวางผังเมืองที่ซาลส์บวร์ก ออสเตรีย มีกิจกรรมนำชมเมืองซาลส์บวร์ก สวนดอกไม้มิราเบลฉากดังของหนัง The Sound of Music ข้ามแม่น้ำไปยังเขตตัวเมืองเก่าเดินชมความงามของบ้านเรือน เดินเล่นย่านการค้าถนนเกรไทร์เด้ จากนั้นสามทุ่มออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ รุ่งเช้ากลับพิจิตร.."
เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ยังระบุด้วยว่า ทริปนี้นอกจากผู้บริหาร อปท. และข้าราชการในจังหวัดที่เกี่ยวข้องแล้วยังมีบรรดาหลังบ้านของผู้บริหารระดับสูงอีกหลายคนร่วมเดินทางไปด้วย ซึ่งในจำนวนนี้ มีนายกเทศมนตรีตำบลทับคล้อ เซ็นอนุมัติให้ภรรยาซึ่งเป็นสมาชิกสภาฯ ไปด้วยโดยไม่มีอำนาจ ทางจังหวัดทำหนังสือลับส่งไปมหาดไทยให้ปลดออก บัดนี้ล่วงเลยกำหนด 120 วัน แล้ว เรื่องกลับเงียบหาย
"...กรณีเทศบาลตำบลทับคล้อ อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร ได้ส่งคนเข้าร่วมรวมสองคน คือ นายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาลรายหนึ่ง ซึ่งประเด็นก็มีอยู่ว่า การไปราชการของสมาชิกสภาเทศบาล ต้องได้รับการอนุญาตจากประธานสภาเทศบาลตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยฯ ซึ่งการไปศึกษาดูงานในครั้งนั้นประธานสภาฯ ไม่อนุญาต และการอนุญาตให้ไปหรือไม่ ไม่อยู่ในอำนาจของนายกเทศมนตรี แต่ปรากฏว่า นายกเทศมนตรี ได้มีคำสั่งที่ 77/2556 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2556 ให้ตนเองและสมาชิกสภาฯ รายดังกล่าวไปราชการเข้าร่วมโครงการที่ว่า เป็นการออกคำสั่งโดยไม่มีอำนาจเข้าข่ายความผิด ป.อาญา มาตรา 157 ค่าใช้จ่ายในการไปราชการเฉพาะสมาชิกสภาฯ รายนี้ก็เฉียดแสน
เมื่อตรวจสอบต่อไปก็พบว่าสองคนมีความเกี่ยวข้องเป็นสามีภรรยากัน เรื่องนี้ สตง.ได้เข้าตรวจสอบ ชี้มูลความผิด และสั่งเรียกเงินคืน แล้วส่งเรื่องต่อให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งผู้ว่าฯ ก็มีความเห็นสอดคล้องกับ สตง. ให้ใช้เงินคืน จากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป ต่อมาช่วงพฤศจิกายน 2558 จังหวัดก็ตั้งคณะกรรมการสอบละเมิดซึ่งผลออกมาเหมือนเดิม 17 พฤษภาคม 2559 มีหนังสือไปถึงอำเภอแจ้งให้ สมาชิกสภาฯ ชดใช้ 99,800 บาท นายกเทศมนตรีชดใช้สองกระทง รวม 79,840 บาท (ดูรายละเอียดใน https://www.facebook.com/Watchdog.ACT/posts/1237388662959867,https://www.facebook.com/Watchdog.ACT/posts/1228322130533187)