คำต่อคำ ดร. ภาวิช ทองโรจน์ ชี้แจงทุกประเด็น ปมปัญหาภายในม.นครพนม
"สภามหาวิทยาลัย เคยรับผิดชอบในขั้นปลดอธิการบดีมาเเล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องรับผิดชอบไม่ต้องห่วง เราทำอยู่เเล้ว เพียงแต่ว่า เราดำเนินการตามแบบแผนของการบริหาร เรื่องที่ดำเนินการเหล่านี้ บอร์ดเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ใช่ความพยายามของใครคนใด คนหนึ่ง"
สืบเนื่องจากกรณี นายกฤช ฟอลเล็ต กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้ส่งหนังสือเพิ่มเติมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการบริหารงานของนายกสภามหาวิทยาลัยในประเด็นธรรมาภิบาลมีประเด็นหลักสิบเรื่องนั้น
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร. ภาวิช ทองโรจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม (มนพ.) ได้ชี้แจงสำนักข่าวอิศราอย่างละเอียดถึงประเด็นดังกล่าว
@ คดีฟ้องร้อง กรณีเกิดคดีฟ้องร้องระหว่าง มนพ. กับ นายสุวิทย์ เลาหศิริวงศ์ อดีตอธิการบดี มนพ.หลายคดี
ดร.ภาวิช กล่าวว่า "ผมได้ชี้แจงกับทางนายกฤชไปแล้ว ข้อเท็จจริง นายสุวิทย์ อดีตอธิการบดี ซึ่งสภามหาวิทยาลัยมีความจำเป็นต้องปลดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากพบข้อบกพร่องหลายอย่าง ทั้งเรื่องการทุจริตที่ทางสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ชี้มูล และสอบสวนแล้ว เป็นความผิดวินัยร้ายแรง ก็ได้ใช้ความรับผิดชอบของสภามหาวิทยาลัย ปลดออกจากตำแหน่งอธิการบดี ด้วยกระบวนการถูกต้อง ช่วงนั้นนายสุวิทย์ก็ไปฟ้องศาล ฟ้องไปฟ้องมาในที่สุด ในขั้นของการทำสมานฉันท์ นายสุวิทย์ได้ตกลงถอนฟ้อง ฉะนั้นที่ระบุว่า มีหลายคดี ก็ไม่จริง
แต่ในขณะเดียวกันมีหลายเรื่องที่มหาวิทยาลัยต้องไปจัดการระหว่างทาง แต่ยังไม่ได้จัดการอะไร เนื่องจากอยู่ในการรวบรวมข้อมูล การชี้มูลของสตง. ไม่ได้ชี้ไปที่ใครคนใดคนหนึ่ง แต่ชี้ไปที่กรณี แล้วให้มหาวิทยาลัยไปสอบสวนว่า ในกรณีเหล่านี้ ถ้ามีผู้ใดต้องรับผิดชอบในส่วนใด ก็ให้มหาวิทยาลัยไปดำเนินการ ซึ่งมหาวิทยาลัยกำลังทำอยู่ และไม่ใช่หน้าที่อะไรของสภามหาวิทยาลัย เพราเป็นเรื่องของอธิการบดี
เรื่องคดีต่างๆ ที่ว่าคือ สมัยนายสุวิทย์ได้มีการไปเปิดบัญชีธนาคารนอกระบบมหาวิทยาลัย ไปเปิดหลักสูตรอื่นที่สภามหาวทิยาลัยไม่เคยอนุมัติ จนกระทั่งเป็นเหตุให้เรื่องลามไปถึงไปคุรุสภา ไม่ยอมให้เด็กที่จบใหม่ที่ไปขอใบประกอบวิชาชีพทำให้เกิความเสียหาย สิ่งเหล่านี้ก็ไปถึง สตง. เพราะมีเรื่องของการเงินเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
โดยสรุปแล้ว ที่บอกว่ามีคดีความระหว่างนายสุวิทย์กับมหาวิทยาลัย วันนี้ไม่จริง มีแค่คดีเดียวและถอนฟ้องไปแล้ว
@ การแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบกรณีในวิทยาลัยการบินนานาชาติ
ดร.ภาวิช เผยว่า อันนี้ต้องระวังให้ดี เพราะการทุจริต ต้องไปชี้ว่า ตรงไหนคือการทุจริต เท่าที่เราดูตอนนี้ ในวิทยาลัยการบินนานาชาติยังไม่เห็นการทุจริตอะไร ทางเราได้มีการไปสอดส่องดูว่าตรงไหน ซึ่งปรากฏว่า เป็นการอ้างลอยๆ ต้องพูดให้ชัดว่า ทุจริตอะไร ซื้ออะไร ยิ่งกว่านั้นอีกในวิทยาลัยการบินนานาชาติ มีบอร์ดซึ่งมี พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ ซึ่งเคยเป็นอดีตรักษาการผู้จัดการใหญ่การบินไทย เป็นประธานบอร์ดวิทยาลัย
"ผมตั้งนายกฤชเข้าไปอยู่ในกรรมการชุดใหม่ของวิทยาลัยด้วย ไปนั่งประชุมมาหลายเดือน แล้วไปกล่าวหาลอยๆ ว่าทุจริต แต่ไม่บอกว่าทุจริตอะไร ผมให้อธิการลงไปดูก็ไม่มีอะไร"
@ การตั้งกรรมการสอบ อดีตคณบดีวิทยาลัยการบินนานาชาติ ในเรื่องของการบริหารงาน
ดร.ภาวิช เผยว่า ตรงนั้นตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ในที่สุด ลงเอยโดยใช้วิธีการบริหาร ขอให้ท่านลาออกไป ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้น ที่จริงไม่ได้มีความเสียหายอะไรที่เกี่ยวกับท่านคณบดี ที่เป็นความเสียหายที่จงใจ เพียงแต่ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง มีเหตุเครื่องบินฝึกหัดตกบ่อย พอไปดูมาตรการต่างๆ ได้ดูเข้มงวดหรือไม่ ก็พบว่า มีความไม่มีประสิทธิภาพของบางส่วน ซึ่งเกี่ยวกับระเบียบ แบบแผนในการดำเนินงาน เรื่องของการอนุมัติ เมื่อเรื่องบานปลาย ท่านเสียสละ ลาออกไป
“เราใช้มาตราการเชิงบริหารดำเนินการปกติ ได้ตั้งกรรมการสอบในพฤติการเเล้วว่าจะมีอะไรที่เป็นข้อผิดพลาดร้ายแรง ถ้าเป็นความผิดจริงๆ เราต้องดำเนินการ แล้วผมเรียนว่า สภามหาวิทยาลัย เคยรับผิดชอบในขั้นปลดอธิการบดีมาเเล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องรับผิดชอบไม่ต้องห่วง เราทำอยู่เเล้ว เพียงแต่ว่า เราดำเนินการตามแบบแผนของการบริหาร เรื่องที่ดำเนินการเหล่านี้ บอร์ดเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ใช่ความพยายามของใครคนใด คนหนึ่ง” ดร.ภาวิชย้ำ
@ การใช้เบิกจ่ายเงิน จำนวน 23 ล้านบาท เกินกว่างบประมาณของวิทยาลัยการบินนานาชาติ
ดร.ภาวิช กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเรื่องนี้มาจากไหน ได้อ่านข่าวแล้ว ไม่ใช่กิจการของสภามหาวิทยาลัย เป็นเรื่องของอธิการบดีที่ต้องไปดู แต่ท่านก็มาลาออก ก็ต้องดูกันอีกว่าจะเป็นอย่างไร
@ การนำเครื่องบินของวิทยาลัยการบินนานาชาติ ไปให้ผู้อื่นนำใช้ส่วนตัว
ดร.ภาวิช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของสภามหาวิทยาลัย เป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ต้องเรียนตรงๆ ว่า ข่าวลือเรื่องนี้ ได้ยินมาเหมือนกัน และได้บอกอธิการบดีไปแล้ว
@ กรณีการลาออกจากตำแหน่งของอธิการบดี มาจากการถูกล้วงลูกในการบริหารงาน
ดร.ภาวิช ชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะว่าไม่มีใครรู้ว่านายกฤชส่งหนังสือร้องเรียนไปถึงนายกรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ ป.ป.ช. จนกระทั่งนายกฤชให้สัมภาษณ์อิศรา ทั้งๆ ที่นั่งอยู่ในสภามหาวิทยาลัยตลอดเวลา เรื่องเหล่านี้ในหลักการบริหารตามปกติ หากเจอปัญหาเราต้องยกขึ้นมาในสภา แล้วจะมาอ้างเรื่องการเป็นกรรมการส่วนน้อยก็อ้างไปเรื่อยๆ จะให้ทำอย่างไรในเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่ได้คิดเหมือนเขา จะไปบอกว่าเป็นความผิดของคนส่วนใหญ่ที่เห็นไม่เหมือน ก็ไม่ใช่
@ การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรองอธิการบดี จำนวน 7 คนอยู่นอกวาระประชุมสภาฯ
ดร.ภาวิช ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่จริง มีข้อบังคับที่ระบุไว้ว่า ถ้าเกิดฉุกเฉินแล้วตำแหน่งว่างลง และยังไม่มีการประชุมสภาฯ เพราะการประชุมทำกันเดือนละครั้ง สมมติเกิดเหตุฉุกเฉินกลางคัน เกิดคนออกจากตำแหน่ง ให้อำนาจนายกสภาฯ ว่า สามารถแต่งตั้งไปก่อนได้ เมื่อตั้งเสร็จเเล้ว เมื่อมีการประชุมก็กลับไปหารือ สภาจะตามมติเดิม หรือจะเปลี่ยนคนใหม่ ก็ได้
@ การก่อสร้างห้องทดลองวิทยาศาสตร์ ของคณะวิทยาศาสตร์มีนักศึกษาทั้งคณะแค่ 20 คนเศษ แต่มีอาจารย์จำนวนมาก ซึ่งอาจารย์ส่วนใหญ่จะทำวิจัยมากกว่าทำการสอน
ดร.ภาวิช อธิบายว่า มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยใหม่ ได้งบก่อสร้างมาเรื่อยๆ ก็สร้างคณะนั่นนี่ ในการสร้างมหาวิทยาลัย ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานในด้านวิชาการในสาขาต่างๆ ที่ทุกมหาวิทยาลัยต้องมีอย่าง คณะวิทยาศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ เป็นคณะหลัก พื้นฐานที่มหาวิทยาลัยใดๆ ต้องมี คณะวิทยาศาสตร์มีหน้าที่สองอย่าง อย่างที่หนึ่ง สอนนักศึกษาของตัวเอง ในวิชาการต่างๆ สองสอนให้นักศึกษาในทุกคณะตามวิชาพื้นฐานหมายความว่าทุกคณะในมหาวิทยาลัย ทุกคณะต้องมาเรียนภาคบังคับทั้งหมด
คณะวิทย์ฯ เพิ่งก่อตั้ง ตอนนี้ได้เงินมาสร้างตึก นายกฤชก็มาดูว่าทำไมมีนักศึกษาไม่กี่คน หมายถึงนักศึกษาในสาขาตรง ซึ่งเผอิญที่นั่นเป็นมหาวิทยาลัยใหม่ ความเชี่ยวชาญก็ยังไม่มี ซึ่งปกติที่นักศึกษายังไม่มาก เป็นเรื่องปกติ แล้วบอกว่า สร้างตึกขึ้นมาเเล้วทำแต่วิจัย เรื่องนี้ก็สับสนไปใหญ่ เพราะบทบาทหน้าที่อีกอย่างของมหาวิทยาลัย คือการวิจัย
"วันนี้เราบอกว่าไทยอ่อนแอ ไม่มีนวัตกรรม ถ้าเทียบมหาวิทยาลัยอื่นๆ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์มีน้อยมาก ระหว่างนี้เขาก็ทำงานวิจัยไปการไปพูดอย่างนี้ แสดงให้เห็นไม่เข้าใจเรื่องของมหาวิทยาลัยเลย ผมเคยชี้แจงเรื่องนี้ไปแล้ว"
@ การเร่งรีบให้มีการเสนอโครงการก่อสร้างศูนย์กลางการประชุมมูลค่า 300 ล้านบาท
ดร.ภาวิช กล่าวว่า เป็นการกล่าวเท็จโดยสิ้นเชิง หอประชุม ประเด็นแรก เป็นเรื่องของอธิการบดี ไม่เกี่ยวกับสภามหาวิทยาลัย ซึ่งท่านก็เป็นผู้ประมูล ตั้งกรรมการประกวดราคา ทำไปตามขั้นตอน ระเบียบการ "ผมทราบว่า การประกวดราคาก็ได้ต่ำกว่างบประมาณที่ตั้งไว้แต่แรกราว 25 ล้านบาท ไม่เห็นมีอะไรที่เร่งรีบ และเรื่องนี้ใช้เวลายืดยื้อหลายเดือน และตอนนี้ก็ยังไม่ได้ส่งมอบให้ผู้รับเหมาตอกเสาเข็มเลย"
อ่านประกอบ
ดร.ประวิต ยันทิ้งเก้าอี้อธิการบดีม.นครพนม "ผมไม่เคยกล่าวถึงว่ามีเรื่องขัดแย้งกับใคร"
อธิการบดีม.นครพนม ประกาศลาออก-คณาจารย์รวมตัวพบผู้ว่าฯ ให้ยับยั้ง