- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- ส่องคดีทุจริตโลก: ย้อนรอยโกง 1MDB ก่อนสหรัฐคืนเงินค่าทำหนัง 1.7 พันล้าน ให้มาเลย์ฯ
ส่องคดีทุจริตโลก: ย้อนรอยโกง 1MDB ก่อนสหรัฐคืนเงินค่าทำหนัง 1.7 พันล้าน ให้มาเลย์ฯ
"...รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้คืนเงินจำนวนกว่า 57 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,798 ล้านบาท ซึ่งเรด แกรนิท พิคเจอรส์ บริษัทสตูดิโอน้องใหม่สัญชาติอเมริกา ถูกกล่าวหาว่าได้รับมาจาก 1MDB เพื่อสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ “The Wolf of Wall Street” ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลของบริษัทนี้พบว่า มีผู้ร่วมก่อตั้งคือนายริซา อาซิซ ลูกบุญธรรมของนายนาจิบ ราซัคอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ผู้ก่อตั้งกองทุน 1MDB นั่นเอง ..."
ส่องคดีทุจริตโลกสัปดาห์นี้ สำนักข่าวอิศรา www.isranws.org ขอนำเสนอประเด็นทุจริตในประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างประเทศมาเลเซีย กับกรณีการฉ้อโกงกองทุนแห่งชาติ (Sovereign Fund) ชื่อ 1Malaysia Development Berhad หรือ 1MDB ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งมีความเป็นมาเป็นไปตั้งแต่ปี 2552
โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวสำคัญเกิดขึ้น เมื่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้คืนเงินจำนวนกว่า 57 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,798 ล้านบาท ซึ่งเรด แกรนิท พิคเจอรส์ บริษัทสตูดิโอน้องใหม่สัญชาติอเมริกา ถูกกล่าวหาว่าได้รับมาจาก 1MDB เพื่อสนับสนุนการสร้างภาพยนตร์ “The Wolf of Wall Street” ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลของบริษัทนี้พบว่า มีผู้ร่วมก่อตั้งคือนายริซา อาซิซ ลูกบุญธรรมของนายนาจิบ ราซัคอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ผู้ก่อตั้งกองทุน 1MDB นั่นเอง (อ่านประกอบ:สหรัฐฯ เริ่มคืนเงินทุจริตกองทุนวันเอ็มดีบีให้มาเลเซียแล้ว)
ทั้งนี้ สำนักข่าวการ์เดี้ยน สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ และสำนักข่าวบลูมเบิร์กของสหรัฐอเมริกา เคยรายงานที่มาที่ไปของกองทุนดังกล่าวไว้ ย้อนกลับไปเมื่อประมาณปีพ.ศ.2552 ที่นายนาจิบได้ก่อตั้งกองทุนแห่งนี้ โดยใช้ชื่อว่า 1MDB ซึ่งเป็นชื่อของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในประเทศมาเลเซียที่ถือหุ้นทั้งหมดโดยกระทรวงการคลังมาเลเซีย
กองทุน 1MDB มีนายนาจิบทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะกรรมการที่ปรึกษาและมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพื่อระดมทุน บริหารจัดการกองทุนในการริเริ่มพัฒนากลยุทธ์ระยะยาวทางเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่และเพื่อดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติ โดยเน้นการลงทุนในเรื่องพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยวและการเกษตร 1MDB เริ่มต้นดำเนินการด้วยการซื้อบริษัทเอกชนด้านพลังงานและวางแผนพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจใหม่และต่อมาก็ได้มีส่วนร่วมกับโครงการขนาดใหญ่ของประเทศมาเลเซียในหลายโครงการ
โดยที่ผ่านมาบริษัทโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) บริษัทวาณิชธนกิจชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ดำเนินการเปิดขายตราสารของ 1MDB ได้รับค่าตอบแทนไปกว่า 593 ล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท
แต่แทนที่จะกลายเป็นแหล่งเงินทุน กองทุน 1MDB กลับกลายเป็นแหล่งสะสมกองหนี้ขนาดใหญ่ โดยที่มาของเงินทุนนั้นเป็นเงินกู้จำนวนกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 3.8 แสนล้านบาท ซึ่งมากเกินกว่าที่จะสามารถชำระดอกเบี้ยกู้ยืมดังกล่าวคืนได้ นอกจากนั้นการลงทุนอีกจำนวนกว่าหลายร้อยล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐในงานศิลปะ อัญมณีและเครื่องประดับ อสังหาริมทรัพย์และการเสี่ยงโชคต่าง ๆ ของกองทุน ก็เหมือนกับว่าจะไม่เห็นผลตอบแทนการลงทุนเลย
โดยคู่แข่งทางการเมืองของนายนาจิบได้เคยกล่าวเสียดสีเอาไว้ว่า กองทุนควรจะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น หนี้พันล้านของ1MDB
จนกระทั่งในที่สุด เมื่อช่วงเดือน ส.ค.2557 นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศมาเลเซีย ถึงกับต้องถอนการสนับสนุนอดีตนายกนาจิบและเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กองทุน 1MDB มากขึ้นและเตือนถึงอันตรายที่จะเกิดกับประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องหนี้ของกองทุน ซึ่งทะยานสูงถึง 1.1 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณเกือบ 3.5 แสนล้านบาทในช่วงเดือน พ.ย.ในปีเดียวกัน
แต่อย่างไรก็ตามนายนาจิบยังคงไม่แสดงความกังวลใดๆและยังกล่าวว่ารัฐบาลไม่มีส่วนรับผิดชอบในหนี้ใด ๆ หากกองทุนต้องล้มละลาย แต่อย่างไรก็ตาม ก็ปรากฎข้อเท็จจริงว่ารัฐบาลมาเลเซียนั้นต้องโอนกองทุนรัฐบาลจำนวน 200 ล้านยูโรหรือประมาณ 7 พันล้านบาทเข้ากองทุน 1MDB เพื่อช่วยเหลือกองทุนนี้
ประเด็นเรื่องกองทุน 1MDB เริ่มเป็นที่สนใจของสาธารณชน เมื่อปี 2558 โดยนางแคลร์ ริวแคสเซิล บราวน์ (Clare Rewcastle Brown) นักข่าวสายสืบสวนสอบสวนผู้ก่อตั้ง Sarawak Report และ Radio Free Sarawak ได้ตีแผ่เรื่องราวเบื้องลึกเกี่ยวกับ 1MDB ผ่านบทความชื่อ “HEIST OF THE CENTURY - How Jho Low Used PetroSaudi As "A Front" To Siphon Billions Out Of 1MDB!” บนเว็บไซต์ www.sarawakreport.org (http://www.sarawakreport.org/2015/02/heist-of-the-century-how-jho-low-used-petrosaudi-as-a-front-to-siphon-billions-out-of-1mdb-world-exclusive/)
โดยนางแคลร์นั้นได้รับเบาะแสจากนายซาวิเยร์ จูสโต อดีตนายธนาคารซึ่งย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ในเกาะสมุยของประเทศไทยหลังจากเกษียณอายุเพื่อเริ่มต้นธุรกิจโรงแรม นายซาวิเยร์และนางแคลร์ได้นัดพบกันที่ล็อบบี้ของโรงแรมพลาซ่า แอทธินี ในกรุงเทพมหานคร โดยนายซาวิเยร์ได้ส่งมอบข้อมูลกว่า 90 GB และอีเมล์กว่า 227,000 ฉบับของ PetroSaudi บริษัทน้ำมันซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของนายซาวิเยร์และเป็นบริษัทแรกที่ทำสัญญาขนาดใหญ่กับ 1MDB ทั้งยังเกี่ยวพันกับการยักย้ายเงินจำนวนหลายล้านเหรียญสหรัฐจาก 1MDB อีกด้วย
ต่อมาปรากฏว่าในช่วงเดือนมิถุนายนปี 2558 นายซาวิเยร์ถูกกล่าวหาโดยตำรวจไทยว่ากระทำความผิดฐานข่มขู่บริษัท PetroSaudi ถึงแม้นายซาวิเยร์จะโต้แย้งว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นการจัดฉากและโยนความผิดให้เขาโดย PetroSaudi เนื่องมาจากการที่เขาให้เบาะแส 1MDB กับนางแคลร์ อย่างไรก็ตาม นายซาวิเยร์ได้ถูกตั้งข้อกล่าวหา กักขังและส่งตัวจากเกาะสมุยมายังกรุงเทพ และต่อมาได้ถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ตัดสินจำคุก 3 ปี โดยที่นายซาวิเยร์ถูกจำคุกอยู่ที่เรือนจำคลองเปรมเป็นเวลา 18 เดือน จนกระทั่งเขาถูกส่งตัวกลับประเทศสวิสเซอร์แลนด์ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2559 เนื่องจากได้รับพระราชทานอภัยโทษ
นอกจากนี้ยังมีกรณีการหายไปอย่างลึกลับของเงินกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาทจากกองทุน 1MDB ซึ่งไปปรากฏอยู่ในบริษัทข้ามชาติ (Offshore Company) และบัญชีธนาคารมากมายในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ รวมไปถึงความช่วยเหลือในการผ่องถ่ายเงินโดยนักธุรกิจชาวมาเลเซียชื่อนายโจ โลว์ (Jho Low)
ซึ่งภาพยนต์ชื่อดังเรื่อง "The Wolf of Wall Street" ที่ออกฉายในปี 2556 ดังกล่าวนั้น คำขอบคุณท้ายภาพยนต์ยังได้ปรากฏคำขอบคุณแก่นายโจ โลว์ อีกด้วย
ภายหลังจากตีแผ่ประเด็นทุจริต ก็ทำให้เกิดการเริ่มต้นสืบสวนสอบสวนไปทั่วโลกในองค์กรที่เกี่ยวพันกับ 1MDB ทั้งหมด รวมทั้งในประเทศมาเลเซียด้วยเช่นกันเนื่องจากกระแสกดดันที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก
โดยช่วงเดือน ก.ค. 2558 นางแคลร์ร่วมกับหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท (The Wall Street Journal) ได้ออกมาเปิดโปงว่า ช่วงประมาณปีพ.ศ.2556 เงินจำนวน 681 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาทถูกโอนจากธนาคาร ตัวแทน และบริษัทต่าง ๆ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับ 1MDB เข้าบัญชีส่วนตัวของนายนาจิบ
อย่างไรก็ตาม ในประเทศมาเลเซีย นายนาจิบได้โยกย้ายตำแหน่งบุคคลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวนทั้งหมดและแต่งตั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญแทนที่ ทั้งยังออกกฎจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและเพิ่มบทลงโทษ และออกกฎหมายใหม่เรื่องก่อการร้ายซึ่งส่งผลให้รัฐมีอำนาจกักขังผู้ต้องสงสัยได้อย่างไม่มีข้อจำกัด อีกทั้งยังเกิดไฟไหม้ขึ้นอย่างน่าประหลาดใจในตึกสำนักงานตำรวจส่วนที่เป็นห้องเก็บสำนวนคดีอาชญากรรมทางการเงิน จนในท้ายที่สุดก็เหมือนกับว่าการสืบสวนสอบสวน 1MDB ภายในประเทศมาเลเซียได้ยุติลง
และในช่วงเดือน ม.ค. 2559 พนักงานอัยการประเทศมาเลเซียได้แถลงว่า อดีตนายกนาจิบนั้นไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อหาใด และเงินจำนวน 681 ล้านเหรียญสหรัฐนั้นเป็นเงินบริจาคซึ่งได้รับจากราชวงศ์ประเทศซาอุดิอารเบีย แต่ว่าได้ถูกคืนไป 620 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ช่วงปีพ.ศ.2558 การสอบสวนในประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน 1MDB เช่น ประเทศออสเตรเลีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศสิงคโปร์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร เป็นต้น ก็ยังคงดำเนินการสืบสวนสอบสวนการหมุนเวียนของเงินที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB ต่อไป
โดยที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมของประเทศสหรัฐอเมริกากล่าวว่า เงินจำนวนมากกว่า 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท ได้ถูกถ่ายออกจากกองทุนผ่านขั้นตอนที่ยากจะแทรกแซงและบริษัทตัวแทนทั้งหลาย โดยความช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ และเงินจำนวน 681 ล้านเหรียญสหรัฐที่อัยการมาเลเซียอ้างว่า 1MDB ได้มาจากประเทศซาอุดิอารเบียและได้ส่งคืนไปแล้วนั้น แท้ที่จริงกลับเป็นการโอนเงินเข้าบริษัทข้ามชาติซึ่งควบคุมโดยนายโจ โลว์นั่นเอง และล่าสุด ไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้คืนเงินจำนวนกว่า 57 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเรด แกรนิท พิคเจอรส์ ถูกกล่าวหาว่าได้รับมาจาก 1MDB เพื่อสนับสนุนการสร้างภาพยนต์ให้กับประเทศมาเลเซีย
กลับมาที่ประเทศมาเลเซีย ประเด็นเรื่องการทุจริตกองทุน 1MDB ก็ทำให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรง ในช่วงปี 2559 เพื่อเรียกร้องให้นายนาจิบอธิบายถึงประเด็นทุจริตนี้
และต่อมาเมื่อเดือน พ.ค. 2561 ซึ่งนายนาจิบได้พ่ายแพ้การเลือกตั้งต่อนายมหาธีร์ อดีตผู้ให้การสนับสนุน เขาและภรรยาก็ถูกสั่งห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ
โดยนับตั้งแต่เดือน ม.ย. 2561 รัฐบาลมาเลเซียตั้งข้อหาฟอกเงินเป็นจำนวนมากแก่นายนาจิบและภรรยาเกี่ยวกับ 1MDB ซึ่งทั้งคู่ปฏิเสธความผิดทุกข้อกล่าวหา
นอกจากนั้น นายนาจิบยังถูกยึดอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินมีค่าอีกเป็นจำนวนมากพร้อมทั้งเงินสดอีก 28.6 ล้านเหรียญสหรัฐหรือกว่า 9 ร้อยล้านบาท และภรรยาของอดีตนายกนาจิบยังถูกเปิดโปงว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินมีค่าจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าถือเป็นจำนวนกว่า 500 ใบและนาฬิกากว่า 100 เรือน รวมทั้งเครื่องประดับอีกกว่า 12,000 ชิ้นซึ่งมีค่ากว่า 273 ล้านเหรียญสหรัฐหรือกว่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนั้นเธอยังถูกตั้งข้อหาเลี่ยงภาษี
ในปัจจุบัน นายมหาธีร์ โมฮัมหมัด ได้พยายามที่จะเรียกคืนเงินจำนวนหลายพันล้านเหรียญสหรัฐที่เกี่ยวข้องกับกองทุน 1MDB รวมไปถึงค่าธรรมเนียมที่โกลด์แมน แซคส์ ได้รับไปจาก 1MDB โดยอ้างว่าโกลด์แมน แซคส์ ทราบดีอยู่แล้วว่าเงินที่ได้จากการขายตราสารจะถูกนำไปใช้อย่างผิดกฎหมาย
เรียบเรียงจาก:https://www.bbc.com/news/world-asia-46341603, https://www.bloomberg.com/news/articles/2018-05-24/how-malaysia-s-1mdb-scandal-shook-the-financial-world-quicktake, https://www.theguardian.com/world/2016/jul/28/1mdb-inside-story-worlds-biggest-financial-scandal-malaysia
ทั้งนี้ต้องติดตามกันต่อไปว่าการดำเนินการกับกรณีข้อกล่าวหาการทุจริตของนายนาจิบและผู้เกี่ยวข้องกับกองทุน 1MDB ท้ายที่สุดแล้วจะมีบทสรุปอย่างไร
หลังจากเงินก้อนแรก จำนวน 1,798 ล้านบาท ถูกส่งคืนให้กับมาเลเซียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage
อ่านประกอบ :
ส่องคดีทุจริตโลก: เมื่ออดีตนายกฯฝรั่งเศส ขึ้นศาลปมใช้เงินหลวง35.6ล. จ้างเมีย-ลูก ช่วยงานรัฐสภา
ส่องคดีทุจริตโลก: เปิดโปงสินบน บ.ยักษ์ใหญ่บราซิล 2.5 หมื่นล. สะเทือนทั่วลาตินอเมริกา
ส่องคดีทุจริตโลก: ศาลจีนจำคุก จนท.มองโกเลีย 18 ปี เลียนแบบหนังสายลับซ่อนเงินสินบน700ล.
ส่องคดีทุจริตโลก: เมื่อ บ.เชลล์-เอมิ เจอข้อหาให้สินบนหมื่นล้าน แลกใบอนุญาตสำรวจบ่อน้ำมัน
ส่องคดีทุจริตโลก : ศึกชิงเก้าอี้ ปธน.ยูเครน เดือด! ข้อกล่าวหาโกงซื้อเสียงเพียบ
ส่องคดีทุจริตโลก : เมื่อหัวคะแนนพรรครีพับลิกันโกงการเลือกตั้งรัฐนอร์ทแคโรไลน่า
ส่องคดีทุจริตโลก : เมื่อ ป.ป.ช.ยูเครน ดองเรื่องไม่สอบทุจริตขนย้ายอะไหล่อาวุธ
ส่องคดีทุจริตโลก : เปิดโปงขบวนการทุจริตขายอาวุธยูเครน โยงข้อมูลธุรกิจบริษัทประธานาธิบดี?
ส่องคดีทุจริตโลก: เมื่อรัฐวิสาหกิจขายอาวุธยูเครนส่อโดนยุบจากข้อหาทุจริต 295ล.
ส่องคดีทุจริตโลก:ตีแผ่ปัญหาคอร์รัปชั่น เส้นสาย ฝังรากลึกในกองทัพปลดปล่อยปชช.จีน
ส่องคดีทุจริตโลก: ความพยายามในการขจัดอิทธิพลกลุ่มทุนในการเมืองสหรัฐ ผ่าน Dark Money
ส่องคดีทุจริตโลก: อดีตผู้บริหารบ.จีน ส่อโดนโทษประหาร ปมขายความลับเรือบรรทุกเครื่องบิน
ส่องคดีทุจริตโลก: เมื่อองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติวิจารณ์นครดูไบเป็นสวรรค์การฟอกเงิน
ส่องคดีทุจริตโลก: เมื่อบริษัทยักษ์ใหญ่จีน เจอข้อครหาฉ้อโกงราคาชิ้นส่วนโดรน 4.6 พันล.
ส่องคดีทุจริตโลก: เมื่อเกม Fortnite กลายเป็นเครื่องมือฟอกเงินของอาชญากรไซเบอร์?
ส่องคดีทุจริตโลก: เมื่อปธ.คกก.จัดโอลิมปิกญี่ปุ่น ถูกอัยการฝรั่งเศสสอบปมจ่ายสินบน73ล.?
ส่องคดีทุจริตโลก: เมื่อบ.ส่งเสบียงให้กองทัพสหรัฐฯ ถูกสอบปมฉ้อโกงสัญญา 8 พันล.เหรียญ
ส่องคดีทุจริตโลก : เมื่อบ.ลูกโฟล์คสวาเกน ยอมรับมีเอี่ยวโกงทดสอบค่าปล่อยมลพิษสหรัฐฯ ด้วย
ส่องคดีทุจริตโลก : เปิดกรณีสินบนจัดซื้อ 'กริพเพน' แสนล.กระทบปมทุจริตอดีตผู้นำบราซิล
ส่องคดีทุจริตโลก: เมื่อธนาคารยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นถูกสหรัฐฯสอบสวน ปมเอี่ยวฟอกเงินเกาหลีเหนือ
ส่องคดีทุจริตโลก : เมื่อ ปธ.ANOC ลงจากตำแหน่ง หลังถูกสอบปลอมแปลงกระบวนการอนุญาโตฯ จัดโอลิมปิก