- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- คำพิพากษาศาลฎีกาฯ 9 นักการเมือง 8 จังหวัด ซุกบัญชีฯ ยังไม่ถึงสิ้นปีพุ่ง 113 ราย
คำพิพากษาศาลฎีกาฯ 9 นักการเมือง 8 จังหวัด ซุกบัญชีฯ ยังไม่ถึงสิ้นปีพุ่ง 113 ราย
ยอดพุ่ง 113 ราย!เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาฯ 9 นักการเมือง 8 จังหวัด จงใจซุกบัญชีฯ กาญจนบุรี นครสวรรค์ ลพบุรี นครศรีธรรมราช ปราจีนฯ ขอนแก่น ชลบุรี ปรับเงิน 4,000-12,000 บาท จำคุก 1- 3 เดือน รอการลงโทษ 1 ปีรวด
นับตั้งแต่ ม.ค. 2560 จนถึงขณะนี้ยอดรวมคดีนักการเมืองจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้มีความผิดประมาณ 104 ราย และยกคำร้องอันเนื่องมาจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ออกประกาศยกเลิก ตำแหน่งที่ปรึกษา และเลขานุการนายกเทศมนตรีเทศบาลเมือง ที่ปรึกษา และเลขานุการนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล และเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีฯ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2560 หรือรับอานิสงส์จากประกาศยกเลิกตำแหน่งดังกล่าว จำนวน 21 คดี (ราย)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รวบรวมข้อมูลที่ศาลฎีกาฯได้พิพากษาในคดีบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินตามที่มีเผยแพร่ในเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 8 ก.ย.2560 และสำนักงานศาลฎีกาฯ เมื่อ 6 ก.ย.2560 และ 28 ส.ค.2560 มีนักการเมืองอีกอย่างน้อย 9 รายถูกศาลฎีกาฯพิพากษาให้มีความผิดในกรณีดังกล่าว ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี ปรับเงิน 4,000-12,000 บาท จำคุก 1- 3 เดือน รอการลงโทษ 1 ปีรวด ยอดรวมขณะนี้ประมาณ 113 คดี (ราย)
กล่าวสำหรับทั้ง 9 รายมีดังนี้
1.นายบรรเจิด ทองจีน สมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณี พ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 18 ม.ค.2556 อันเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 60/2560- 20 มิ.ย.2560) http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/092/12.PDF
2. นายบุญธรรม ภูกันแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองยาว อ.ลาดยาว จ. นครสวรรค์ จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองยาว อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่ 24 ส.ค.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือน และปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 1555/2559- 27 มิ.ย.2560) http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/092/19.PD
3. นายประจวบ ถาวรทัศน์ เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยขุนราม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2551 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2554 ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้ ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 2 พ.ย.2554 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2555 และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2555 พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2560
ไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 2
ผู้ร้องมีหนังสือแจ้งให้ผู้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงและเหตุผลของ การไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องแล้ว วันที่ 1 ก.ค.2559 ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 2 แต่ไม่ชี้แจงเหตุผลของการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องเมื่อพ้นเวลาที่กฎหมายกำหนด ทั้งยื่นเอกสารประกอบไม่ถูกต้องครบถ้วน โดยการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหาร ส่วนตำบลห้วยขุนราม กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้ว เป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 1 ผู้คัดค้านไม่แนบสำเนาแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2553 สำเนาบัญชีเงิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สำเนาประกอบรายการเงินลงทุน ห้างหุ้นส่วนจำกัด พนธ์ธนพัฒน์ก่อสร้าง และสำเนาเอกสารประกอบรายการหนี้สินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ส่วนการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 2 ผู้คัดค้านไม่แนบสำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สำเนาบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สำเนาเอกสารประกอบรายการเงินลงทุนห้างหุ้นส่วนจำกัด พนธ์ธนพัฒน์ก่อสร้าง และสำเนาประกอบรายการหนี้สินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
มีปัญหาต้องวินิจฉัยประการแรกว่า ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม หรือไม่ เห็นว่า เห็นว่า ในระหว่าง การพิจารณาของศาลฎีกาฯ ผู้ร้องออกประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง กำหนดตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น รองผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2560 เป็นต้นไป ไม่กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาและเลขานุการ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมือง ที่ปรึกษาและเลขานุการนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบล และเลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอีกต่อไป จึงทำให้ผู้คัดค้านมิใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่า ผู้คัดค้านจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 2 หรือไม่
พิพากษาว่า นายประจวบ ถาวรทัศน์ ผู้คัดค้าน จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีเข้ารับตำแหน่ง กรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 2 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 27 มิ.ย.2560 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในเวลา ที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 1 และกรณีเข้ารับตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขุนราม ครั้งที่ 2 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 3 กระทง เป็นจำคุก 6 เดือน และปรับ 24,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือน และปรับ 12,000 บาท ไม่ปรากฏว่า ผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 118/2560- 27 มิ.ย.2560) http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2560/A/092/27.PDF
4.นายอนันต์ ศิริสลุง รองนายก อบต.เพนียด อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายใระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.เพนียด ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 31 ส.ค.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 126/2560-วันที่ 13 ก.ค.2560)
5. นายโกศล ทรงสวัสดิ์ รองนายก อบต.ปริก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายใระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 7 ก.ย.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 การกระทำของผู้คัดค้านเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป จำคุกกระทงละ 2 เดือน และปรับกระทงละ 8,000 บาท รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 4 เดือนและปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 133/2560-วันที่ 17 ก.ค.2560)
6. นายเลิศชัยหรือสมหมาย ใจบุญ นายก อบต.แม่สาคร อ.เวียงสา จ.น่าน จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายใระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 6 เม.ย.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วหนึ่งปี จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 125/2560-วันที่ 13 ก.ค.2560)
7. นายกิติศักดิ์ หมื่นศรี สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังวัดปราจีนบุรี (ส.อบจ.ปราจีนบุรี) จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 20 เม.ย.2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 129/2560-วันที่ 13 ก.ค.2560)
8.นายภูมเรต มณู รองนายก อบต.เขื่อนอุบลรัตน์ อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 1 ก.ย.2556 อัน เป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่ง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 28/2560-วันที่ 20 ก.ค.2560)
9. นายสมบูรณ์ พานน้อย รองนายก อบต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี จงใจไม่ยื่นบัญชีฯ กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ในการดำรงตำแหน่งรองนายก อบต.บ้านเก่าครั้งที่ 1 ให้ผู้คัดค้านพ้นจากคตำแหน่งที่ดำรอยู่ในปัจจุบัน ในวันที่ 27 มี.ค.2560 ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาฯวิจฉัย และ ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับแต่วันที่ 31 ส.ค. 2555 ซึ่งเป็นวันที่ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งรองนายก อบต.บ้านเก่าครั้งที่ 1 กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท รวม 2 กระทงเป็นจำคุก 4 เดือน ปรับ 16,000 บาท ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อม. 54/2560-วันที่ 27 มี.ค.2560) (สนง.ศาลฎีกาฯเผยแพร่เมื่อ 28 ส.ค.2560)
ทั้ง 9 ราย ข้างต้น ไม่ใช่จำนวนสุดท้ายอย่างแน่นอน
อ่านประกอบ:
13 นักการเมืองท้องถิ่นล่าสุด! รับอานิสงส์ ป.ป.ช.สั่งเลิกยื่นบัญชีฯ-ศาลฎีกาฯ ยกคำร้อง
ทะลุ 100 คดี! นักการเมืองท้องถิ่นซุกบัญชีฯ ศาลฎีกาฯ สั่งจำคุกอีก 5 คน
รายชื่อ 9 นักการเมืองท้องถิ่นหลุดคดีซุกบัญชีฯ ป.ป.ช.ยกเลิกตำแหน่งศาลฎีกาฯยกคำร้อง
ศาลฎีกาฯฟันอีก 19 คน นักการเมืองท้องถิ่น 13 จว. ซุกบัญชีทรัพย์สิน-ยก 2 ราย
ศาลฎีกาฯฟัน 2 นักการเมือง จ.สตูล-สุราษฎร์ฯ ซุกเงินฝาก 7 บัญชึ-ไม่ยื่นทรัพย์สิน
ศาลฎีกาฯ ฟัน 8 นักการเมืองท้องถิ่น 7 จว.-ยกคำร้อง 5 คดีจงใจซุกบัญชีฯ
324 นักการเมือง 57 จ.‘ซุกบัญชีฯ-ยื่นเท็จ’ พัทลุง เชียงใหม่ กาญจน์ แชมป์