- Home
- Isranews
- ข่าว
- ‘ผอ.อิศรา’ ส่งหนังสือ ‘ฐากร’ ปมค่ายมือถือคิดค่าโทรเกินประกาศ กสทช.-ให้ชดใช้คืนผู้บริโภค
‘ผอ.อิศรา’ ส่งหนังสือ ‘ฐากร’ ปมค่ายมือถือคิดค่าโทรเกินประกาศ กสทช.-ให้ชดใช้คืนผู้บริโภค
‘ประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์’ ผอ.บริหารสถาบันอิศรา ส่งหนังสือถึง ‘ฐากร ตัณฑสิทธิ์’ เลขา ฯ กสทช. กรณีผู้ให้บริการเครือข่ายโทรคมนาคม เก็บค่าบริการเกินกว่าที่ กสทช. กำหนด นาทีละ 1.50 บาท หลังประกาศห้ามเกิน 99 สต. หวังนโยบาย กสทช.ไม่ใช่แค่สิ่งสวยหรูบนกระดาษ
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 59 นายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันอิศรา มูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย มีหนังสือถึง นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เรื่อง ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เก็บค่าบริการประเภทเสียงเกินกว่าที่ กสทช.กำหนด ระบุสาระสำคัญว่า
ข้าพเจ้าเป็นผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่หมายเลข 081-843XXXX ของบริษัท AIS ตั้งแต่เดือน ก.ค. 58 โดย เลือกโปรโมชั่นที่ 599 บาท/เดือน ซึ่งสามารถโทรด้วยเสียงไม่เกิน 300 นาที อินเตอร์เน็ตไม่จำกัด(ความเร็วสูงสุดรวม 1.5GB) โดย ในแต่ละเดือนจะใช้โทรศัพท์โทรออกเกิน 300 นาที บางครั้งจะมีการส่ง SMS เตือนให้โทรกลับไปตามเบอร์ของบริษัท ซึ่งพนักงานก็ชักชวนให้ซื้อโปรโมชั่นเสริม เช่น ซื้อ 150 บาท สามารถโทรเพิ่มได้กี่นาทีภายในกี่วัน ซึ่งประหยัดกว่า เพราะถ้าไม่ซื้อค่าโทร ฯ ส่วนเกินต้องเสียนาทีละ 1.50 บาท
โดย เคยได้ทักท้วงพนักงานไปว่า เห็นว่ามีประกาศของ กสทช. ว่า ได้ควบคุมค่าโทรศัพท์มือถือไม่ให้เกินนาทีละ 99 สตางค์ แล้วการคิดค่าโทรนาทีละ 1.50 บาทนั้น เป็นการขัดกับประกาศของ กสทช.หรือไม่ แต่พนักงานไม่สามารถชี้แจงได้อย่างชัดเจน จากการตรวจสอบพบว่า มีประกาศ กสทช. เรื่อง อัตราขั้นสูงของค่าบริการโทรคมนาคมสำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเสียงภายในประเทศ พ.ศ.2555 มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 55 ได้กำหนดให้ผู้ให้บริการมือถือเก็บค่าบริการได้ไม่เกิน 99 สตางค์ต่อนาที แต่ กสทช.ได้ผ่อนผันการบังคับใช้ประกาศดังกล่าว ในส่วนของค่าบริการตามสัญญาที่เกิดขึ้นก่อนหน้า จะต้องไม่เกินกว่าวันที่ 31 ธ.ค. 55 หรือมีผลในวันที่ 1 ม.ค. 56
นอกจากนี้ เลขาธิการ กสทช. เคยเชิญผู้ให้บริการที่ประมูลใบอนุญาต 3G ทั้ง AIS TRUE และ DTAC 2100MHz มาเจรจาให้ค่าบริการลดลง 15-20% ก่อนออกใบอนุญาต ซึ่งนายฐากรแถลงข่าวเมื่อวันที่ 28 พ.ค. 56 มีใจความสรุปว่า
จากการหารือได้ กำหนดแนวทางร่วมกันได้ดังนี้ โปรโมชั่นจาก 2G/3G เดิม ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 15% AIS แจ้งว่า ลดแล้ว, True แจ้งว่า จะลดลงวันที่ 1 มิ.ย. และ dtac บอกว่า จะเปิดบริการในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน มิ.ย. ด้วยอัตราที่ กสทช. กำหนดโปรโมชั่นใหม่ กสทช. ใช้อัตราของวันที่ 7 ธ.ค. 55 เป็นตัวเทียบ กำหนดอัตราใหม่แล้วนำไปคำนวณกับโปรโมชั่นใหม่ว่าตรงตามนี้หรือไม่ โดยอัตราใหม่ คือ โทรออก 97 สตางค์ต่อนาที เหลือ 82 สตางค์ต่อนาที เอสเอ็มเอส 1.56 บาทต่อข้อความ เหลือ 1.33 บาทต่อข้อความ เอ็มเอ็มเอส 3.90 บาทต่อข้อความ เหลือ 3.32 บาทต่อข้อความ อินเทอร์เน็ต 0.33 บาทต่อเมกะไบต์ เหลือ 0.28 บาทต่อเมกะไบต์
จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้เข้าใจว่า ผู้ให้บริการน่าจะต้องคิดค่าบริการโทรศัพท์ประเภทเสียงได้ไม่เกินนาทีละ 82สตางค์ แม้จะโทรเกินจากโปรโมชั่นก็ตาม แต่ปรากฏว่า ทางAIS คิดค่าบริการนอกโปรโมชั่น (กรณีไม่ซื้อแพกเก็จเสริมเพิ่ม) ถึงนาทีละ 1.50 บาท ตัวอย่าง เช่น ใบแจ้งหนี้ที่ออกเมื่อวันที่ 16/12/2558 โทรเกินจากโปรโมชั่น 143 นาที คิดค่าบริการถึง 214.50 บาท ซึ่งเป็นการคิดค่าบริการเกินกว่าที่เลขาธิการ กสทช.แถลง นอกจากเป็นการไม่ถูกต้อง ยังเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างแจ้งชัด ซึ่งน่าจะมีผู้บริโภคจำนวนมากที่ถูกเอารัดเอาเปรียบเช่นนี้ ดังนั้น ขอให้สำนักงาน กสทช. ดำเนินการดังนี้
1.ตรวจสอบข้อเท็จจริงการคิดค่าบริการโทรศัพท์ประเภทเสียงของผู้ให้บริการทั้งหมดว่า คิดค่าบริการเกินกว่าที่เคยตกลงกับสำนักงาน กสทช.หรือเกินกว่าที่ กสทช.กำหนดหรือไม่
2.ถ้ามีการคิดค่าบริการเกินกว่าที่กำหนดจริง ให้สั่งผู้ให้บริการทุกบริษัทชดใช้ เยียวยาค่าบริการที่คิดเกินกว่าที่กำหนดแก่ข้าพเจ้า และประชาชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบทั้งหมดตั้งแต่ต้น
3.ลงโทษแก่ผู้ให้บริการที่ฝ่าฝืนข้อตกลงและประกาศของ กสทช.ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม รู้สึกยินดีอย่างมากที่ เลขาธิการ กสทช.ได้ประกาศให้การคุ้มครองผู้บริโภคเป็นนโยบายสำคัญของ กสทช. ซึ่งหวังว่า ในกรณีดังกล่าว ถ้า กสทช.สามารถคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้ใช้บริการหลายล้านรายได้ จะเป็นบทพิสูจน์ได้ว่า นโยบายที่ กสทช.ประกาศมานั้น มิใช่สิ่งสวยหรูบนแผ่นกระดาษเท่านั้น จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการโดยด่วน เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้า คือ ความไม่เป็นธรรมนั่นเอง ขอแสดงความนับถือ