ผู้ว่าฯ สตง. ยันกฤษฎีกาชี้ขาดชัด2ครั้ง สำนักงานปปง.ต้องเรียกเงิน5ล. คืนกองทุนฯ
'ประจักษ์ บุญยัง' ผู้ว่าฯ สตง. ยันกฤษฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดชัดแล้ว 2 ครั้ง สำนักงานปปง. ต้องเรียกเงิน 5 ล. คืนกองทุนฯ ย้ำระเบียบกม.ให้เบิกจ่ายผู้ช่วยเหลือสนับสนุนเท่านั้น ไม่ได้ให้นำไปจัดสรรให้ขรก.-จนท.ทั่วไป เสี่ยงจูงใจใช้อำนาจในทางมิชอบหรือเกินขอบเขตได้
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข่าวว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาจำนวน 2 ครั้ง เพื่อหารือข้อกฎหมาย กรณี ปปง. ได้รับหนังสือจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แจ้งว่า ให้พนักงานและข้าราชการของสำนักงาน ปปง. ที่ได้รับเงินจากกองทุนการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเรียกเงินค่าตอบแทนที่จ่ายให้สำนักงาน ปปง. เพื่อจัดสรรให้แก่ข้าราชการและพนักงานราชการของสำนักงาน ปปง. จำนวน 5 ล้านบาท คืนแก่กองทุนฯโดยเร็ว เนื่องจาก สตง. เห็นว่า ข้าราชการและพนักงานของสำนักงาน ปปง. ไม่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนจากกองทุนฯ ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกา 2 คณะ คือ คณะที่ประชุมร่วมกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 1 คณะที่ 11 และคณะที่ 12) รวมถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้วินิจฉัยว่า สำนักงาน ปปง. ไม่มีสิทธินำเงินกองทุนดังกล่าวจัดสรรให้กับบุคลากรในสำนักงาน ปปง. แต่อย่างใด (อ่านประกอบ : ปปง.ต้องคืนเงินกองทุนฯ 5 ล.! กฤษฎีกาชี้ตาม สตง.ท้วง ยันไว้จ่ายคนสนับสนุน, ชัด ๆ ปปง.ถาม-กฤษฎีกาตอบ ทวงเงินกองทุนฯ 5 ล. เบิกจ่ายแล้วเอาคืนยังไง?)
เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2561 นายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราว่า กรณีดังกล่าว เป็นผลมาจากการที่สตง.ตรวจสอบพบว่า สำนักงานปปง.มีการนำเงินกองทุนฯ มาจัดสรรให้กับพนักงาน และข้าราชการของสำนักงาน ปปง. ทั้งที่ ไม่มีสิทธิได้รับเงินจากกองทุนฯดังกล่าว เนื่องจากการใช้จ่ายเงินตามกองทุนฯแห่งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินการเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้ประสบผลสำเร็จ และการจะบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวต้องได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากหน่วยงานภายนอก ดังนั้นการใช้จ่ายเงินนี้มุ่งวัตถุประสงค์ให้แก่ผู้ช่วยเหลือหรือผู้สนับสนุนดังกล่าว การจ่ายค่าตอบแทนจากกองทุนฯให้แก่บุคลากรในสำนักงาน ปปง. ทุกคน จึงไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และไม่เป็นรายจ่ายของกองทุนฯ แห่งระเบียบคณะกรรมการ ปปง. ว่าด้วยกองทุนการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2556 และไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งกองทุนตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพราะกฎหมายและระเบียบดังกล่าวไม่ให้มีการจ่ายเงินค่าตอบแทนให้สำนักงาน ปปง. เพื่อนำไปจัดสรรให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ปปง. เนื่องจากอาจเป็นสิ่งจูงใจให้มีการใช้อำนาจในทางมิชอบหรือเกินขอบเขตได้
"สตง.ทำตามหน้าที่ในการทักท้วงเรื่องการจ่ายเงินให้ทุกต้องตามระเบียบและกฎหมาย ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ เมื่อคณะกรรมการกฤษฎีกาทั้ง 2 ชุด วินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายออกมาชัดเจนแล้ว ก็เป็นเรื่องที่สำนักงาน ปปง. จะต้องปฏิบัติตาม เรียกคืนเงินจำนวน 5 ล้านบาท แก่กองทุนฯ โดยเร็ว ซึ่งในส่วนของสตง. จะมีการติดตามตรวจสอบขั้นตอนการปฏิบัติงานเรียกเงินคืนของ ปปง.ต่อไปด้วย" ผู้ว่าฯ สตง.ระบุ